ญี่ปุ่นอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วม ‘เทศกาลเปลือย’ เป็นครั้งแรกในรอบ 1,250 ปี หลังจำกัดให้เข้าแค่ผู้ชาย เพื่อสานต่อประเพณีในยุคที่ประชากรลดลง
ในวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกๆ ปี ที่ศาลเจ้าโคโนมิยะ ในxของประเทศญี่ปุ่น จะมีการจัดเทศกาลที่เรียกว่า ‘ฮาดากะ มัตสึริ’ (Hadaka Matsuri) หรือ ‘เทศกาลเปลือย’ อันเลื่องชื่อ ที่มีประวัติยาวนานเกือบ 1,300 ปี โดยในวันดังกล่าวผู้ชายกว่า 10,000 คน จากทั่วประเทศจะมารวมตัวกันที่สถานที่จัดงาน เพื่อแย่งชิงกิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า ‘ชินกิ’ ที่เชื่อกันว่าหากผู้ชายคนไหนได้ครอบครองชินกิ ก็จะกลายเป็นผู้โชคดีที่สุดในปีนั้นไป
ความพิเศษของเทศกาลดังกล่าวนี้ อยู่ที่บรรดาผู้ชายที่เข้าร่วมงานจะสวมแค่เพียงผ้าเตี่ยวที่เรียกว่า ‘ฟุนโดชิ’ (fundoshi) และถุงเท้าสีขาวที่เรียกว่า ‘ทาบิ’ (tabi) เท่านั้น ทำให้ผู้ชายเหล่านี้อยู่ในลักษณะกึ่งเปลือย จนกลายเป็นที่มาของฉายาเทศกาลว่า ‘เทศกาลเปลือย’ และทำให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าร่วมได้ เนื่องจากในอดีตสังคมมองว่าไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามในปี 2024 นี้ ศาลเจ้าโคโนมิยะ ผู้จัดเทศกาล ได้อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วม ‘ฮาดากะ มัตสึริ’ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1,250 ปี โดยกำหนดให้ผู้หญิงจำนวน 40 คน เข้าร่วมพิธีได้ แต่ยังคงต้องแต่งกายอย่างมิดชิดเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นด้านความเหมาะสม ซึ่งผู้หญิงทั้ง 40 คนนี้จะเป็นผู้ประกอบพิธีย่อยของเทศกาล ที่เรียกว่า ‘พิธีถวายต้นไผ่’ ที่พวกเธอต้องนำต้นไผ่ที่ห่อด้วยผ้าเข้าไปถวายในบริเวณศาลเจ้า
‘อายากะ ซูซูกิ’ รองประธานกลุ่มสตรีที่สนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าร่วมงานเทศกาลกล่าวว่า เธออยากเข้าร่วมเทศกาลนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็กๆ แล้ว เพราะเธอไม่เคยมีส่วนร่วมกับมันเลย ก่อนจะกล่าวอีกด้วยว่า เธออยากจะใช้โอกาสนี้ในการอธิษฐานเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว และเพื่อชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว
ในขณะที่ ‘มิตซูกุ คาตายามะ’ หนึ่งในคณะกรรมการจัดงานบอกกับสื่อว่า ทางศาลเจ้าไม่สามารถจัดเทศกาลนี้ได้เหมือนเคยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด และในเวลานี้เองที่ศาลเจ้าได้รับคำขอเข้าร่วมจากผู้หญิงในเมืองเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจให้ผู้หญิงเข้าร่วมเทศกาลครั้งนี้ ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม และมีกระแสตอบรับที่ดีจากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี โดยชี้ว่านี่เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศในสังคมญี่ปุ่น ในขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่า การตัดสินใจดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากความท้าทายด้านจำนวนประชากรของญี่ปุ่นที่กำลังลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทที่คนหนุ่มสาวมักจะอพยพไปยังเมืองใหญ่ๆ ทำให้ในเมืองมีแต่เด็กและผู้สูงอายุ
ด้วยเหตุนี้เองจึงจำเป็นอย่างมากที่เทศกาลหรือประเพณีโบราณต่างๆ หันมามองการมีส่วนร่วมจากทุกส่วนในสังคมมากขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศอีกต่อไป เพื่อให้ประเพณีและวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาสามารถไปต่อได้ในโลกปัจจุบัน