“ทุกการเปลี่ยนแปลง มันเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถาม เพื่อลบล้างสิ่งเก่าเสมอ” คุยกับ 2 ผู้ก่อตั้ง GroundControl สื่อศิลปะ ที่เปรียบตัวเองเป็นเสมือนงานศิลปะแบบ ‘มาร์แซล ดูว์ฌองป์’ ‘ผ้าป่าน’ – สิริมา ไชยปรีชาวิทย์ ‘คริสซี่’ – ศิขรินทร์ ลางคุลเสน

7 Min
1254 Views
19 Oct 2023

“ศิลปะคืออะไร” นี่เป็นคำถามสามัญที่ต่อให้ตอบยังไงก็มักจะได้คำตอบที่ต่างกันไป บ้างฟังดูดาษดื่น บ้างฟังดูลึกซึ้งราวปรัชญา สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนตอบเป็นพื้นฐาน

แต่นี่แหละคือ ความน่าสนใจของศิลปะ 

เราถือโอกาสถาม ‘ผ้าป่าน-สิริมา ไชยปรีชาวิทย์’ และ ‘คริสซี่-ศิขรินทร์ ลางคุลเสน’ ผู้ก่อตั้ง GroundControl สื่อที่เนิร์ดเรื่องศิลปะว่า “ถ้าต้องเปรียบ GroundControl เป็นงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง จะเป็นงานศิลปะแบบไหน”

ทั้งสองเงียบไปชั่วครู่ ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะให้คำตอบที่เหมือนกัน ทำเอาเซอร์ไพรส์กันเอง

งานศิลปะชิ้นนั้นก็คือ The Fountain โถส้วมผู้ชายกลับด้าน ของ มาร์แชล ดูว์ช็องป์ (Henri-Robert-Marcel Duchamp)

“โถส้วมในห้องน้ำคือโถส้วม แต่โถส้วมที่ตั้งบนแท่นมีไฟส่อง มันเป็นงานศิลปะหรือเปล่า ทำไมคนถึงเดินมาดูแล้วถ่ายรูป 

“สิ่งนี้มันสร้างคำถามให้กับผู้คน ให้แรงบันดาลใจ กลายเป็นพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนบทสนทนากัน เกิดการถกเถียง การทะเลาะกันทางความคิด แล้วมันไปต่อได้

“เมื่อเปรียบเทียบศิลปะชิ้นนี้กับ GroundControl เราพยายามจะเป็นสิ่งนี้ คือนอกจากว่าจะชวนผู้คนตั้งคำถามแล้ว ยังเป็นพื้นที่ของการส่งข้อมูลที่เป็นแรงบันดาลใจ” – ผ้าป่านอธิบายเสริม

นี่อาจเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เกิดงาน GroundPLAY! ขึ้นในวาระครอบรอบ 3 ปี นับตั้งแต่วันก่อตั้ง GroundControl ในช่วงโควิด-19 

โปรเจกต์ GroundPLAY!  ที่เพิ่งจบไป ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

คริสซี่: ดีเกินคาด มันมีความอบอุ่น เป็นเหมือนงานเลี้ยงที่เราได้เจอเพื่อนที่อาจจะยังไม่เคยเห็นหน้ากัน ระหว่างเพื่อนศิลปิน เพื่อนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ คนที่ติดตามพวกเราในเฟซบุ๊กหรือในโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือแม้กระทั่งแบรนด์พาร์ตเนอร์ของเรา ก็มารวมตัว เลยทำให้เกิดการสนทนาแลกเปลี่ยนกัน 

เป็นอีเวนต์ของพวกคุณครั้งแรกด้วยใช่ไหม

ป่าน: ถ้าในนามของ GroundControl เลยจริงๆ ก็ใช่นะ อาจจะเป็นเพราะเราเปิดตัวในช่วงโควิดด้วย ทุกคนเลยรู้จักเราผ่านสื่อก่อน แต่ว่าจริงๆ หนึ่งในเป้าหมายหลักของ GroundControl คือการจัดงานอีเวนต์ศิลปะที่เป็นออนกราวด์อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้จัดกิจกรรมร่วมกับศิลปินและแบรนด์พาร์ตเนอร์ ในรูปแบบของ Art Market มาในระหว่างทางอยู่บ้าง

ถ้าอย่างนั้นที่เขาว่า ‘สื่อศิลปะมีน้อยลง’ ก็ไม่จริงน่ะสิ 

ผ้าป่าน: ถ้าพูดถึงภาพรวมใหญ่ๆ ของศิลปะ มันไม่ได้น้อยลง มันเยอะและมันก็คึกคักขึ้นมากกว่า รวมถึงมีสื่อที่พูดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้น มีกิจกรรมที่ส่งเสริมสิ่งนี้มากขึ้น แบรนด์ต่างๆ ก็มีการทำงานร่วมกับศิลปินมากขึ้น 

กระแส AI ART ที่กำลังมาแรงตอนนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ศิลปิน แล้วในฐานะสื่อศิลปะ คิดว่าสิ่งนี้คือศิลปะหรือเปล่า

ผ้าป่าน: ในฐานะสื่อเราไม่ได้มีหน้าที่ในการตัดสินว่าสิ่งไหนเป็นศิลปะหรือไม่ใช่ เราเป็นแพลตฟอร์ม มีหน้าที่นำเสนอทุกข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของศิลปะ 

และความจริงแล้ว ศิลปะสามารถเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดคำถามใหม่ เกิดสิ่งใหม่ขึ้นจากการที่เทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่แล้ว 

เพียงแต่เราเป็นพื้นที่ของการที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนตรงนี้เพราะว่าเราต่างก็เป็นผู้เฝ้ามองเหมือนกัน

แปลว่านิยามของคำว่า ‘ศิลปะ’  ไม่ตายตัว ไม่มีที่สิ้นสุด และแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ 

ผ้าป่าน: ถ้าให้ย้อนกลับไปมอง ศิลปะ เติบโตไปพร้อมๆ กับทุกอย่างในโลกใบนี้ และเป็น ‘จุดร่วม’ ของ สังคม การเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ตลอดไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับมนุษย์และต่างๆ จึงทำให้ศิลปะหลากหลายแขนงขึ้นมาก 

แม้กระทั่งเป็นสิ่งที่บันทึกยุคสมัยนั้นๆ เพราะในฐานะสื่อศิลปะเราก็จะตอบว่า ทุกอย่างเป็นศิลปะได้หมด อยู่ที่ความคิด อยู่ที่บริบท และการนิยามในแต่ละยุค 

เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ในการนำเสนอทุกข้อโต้แย้ง ทุกความเคลื่อนไหวใหม่ ทุกการอัปเดตเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อศิลปะ ทุกศิลปินที่มีผลงานใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดพื้นที่ของการถกเถียง และได้เห็นนิยามของศิลปะจริงๆ ว่ามันคืออะไร

ในวาระครบรอบ 3 ปี คิดว่าการเกิดขึ้นของ GroundControl ช่วยขับเคลื่อนวงการศิลปะอย่างไรบ้าง

ผ้าป่าน: เพราะคนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจกับเรื่องของ ศิลปะ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ มากขึ้น ซึ่งตรงกับแกนหลักของ GroundControl เหมือนกัน

เรารู้สึกว่าพอคนรุ่นใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งคนรุ่นพวกเราเอง หันมาให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น เขาก็จะมองความสำคัญกับ 3 อย่างนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิถีของการใช้ชีวิต ที่ทำให้เราสามารถชื่นชมสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวทุกอย่างได้

คริสซี่: เราว่าเอกลักษณ์ของ GroundControl คือการที่เราเชื่อมศิลปะกับชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่แค่ fine art หรือ painting อย่างเดียว แต่อยู่ในทุกอณูของชีวิต ที่ไม่ต้องเสพความยากอย่างเดียว เราก็เข้าใจมันได้

เราเลยคิดว่า GroundControl เกิดขึ้นเพื่อเปิดประตูบานอื่นๆ เหมือนกันนะ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเริ่มเห็นที่ทาง และทิศทางของงานศิลปะไทยว่า เราจะนำเสนอมันอย่างไรได้บ้าง แล้วเราจะโปรโมตตัวเองอย่างไรได้บ้าง ทำให้เป็นที่รู้จักในสังคมมากยิ่งขึ้น

ช่วงที่ผ่านมาเขาฮิตการสร้าง ‘community’ กันมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนที่ GroundControl ให้ความสำคัญเช่นกัน แล้วสำหรับพวกคุณเอง หน้าตาของ community เป็นแบบไหน

ผ้าป่าน: จริงๆ แล้วคือ community ศิลปะที่มีอยู่แล้วมากมาย หลายกลุ่มก้อน แต่ในมุมมองเราที่ผ่านมา เราอาจจะไม่ได้เห็นการเชื่อมต่อกันมากนัก GroundControl จึงเป็นสะพานที่พยายามจะเชื่อมต่อทุกกลุ่มที่อยู่ในร่มของคำว่าศิลปะเข้าหากันด้วยภาษาที่ง่าย ภาษาที่เป็นกันเอง อาจจะสนุก แซ่บ ทำให้เรื่องยากเข้าใจง่าย เพื่อเชื่อมกลุ่มต่างๆ เข้าด้วยกัน 

คริสซี่: ทีมเราเป็น community คนเนิร์ด เพราะเราเริ่มต้นทำเพจด้วยการรับคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน มาอยู่ด้วยกัน คือเราก็รู้ในสิ่งนี้ แต่ไม่ได้เป็นสายลึกนะ ถ้าไม่รู้ไม่เป็นไร งั้นเรามาอยู่ด้วยกันไหม มารู้ไปด้วยกัน เรารู้สึกว่านี่คือการสร้าง community ในแบบของเรา เราต้อนรับทุกๆ คน มันก็เลยเติบโตไปด้วยกัน

มันมีความท้าทายขนาดไหน เพราะศิลปะแต่ละแขนง หรือแม้แต่ศิลปินแต่ละคนเองก็มีการสื่อสารที่แตกต่างกันไป

ผ้าป่าน: หัวหมุนเลยค่ะ (หัวเราะ) เพื่อจะเชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน เราต้องมีความเข้าใจในแต่ละกลุ่มที่สูงมากๆ 

คริสซี่: เราว่าความเนิร์ดของเรามันเป็นการตั้งคำถามไปเรื่อยๆ ด้วยแหละ ที่สำคัญคือทีมเรามีดีเอ็นเอของความสนุกด้วย ดังนั้น เมื่อเจอสิ่งที่ยากเข้ามา เราสามารถถ่ายทอดให้มันสนุกได้เลย  

ผ้าป่าน: เราไม่รู้ว่าทำได้ดีที่สุดรึยังนะ แต่ว่า ณ ตอนนี้ เราอยู่ในระหว่างทางของการทำแล้ว และด้วยดีเอ็นเอของทีมเราที่ทุกคนมีความเนิร์ดที่ลงลึก แต่ก็มีความเปิดกว้าง เปิดรับสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ตัดสิน เราเชื่อว่า มันสามารถสร้างผลลัพธ์นั้นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 

เพราะมีแพสชันกับศิลปะมากๆ หรือเปล่า ทุกคนเลยดูมีเอเนอร์จีกันขนาดนี้ 

ผ้าป่าน: เราว่าเรามี ‘ความเชื่อ’ มากกว่า ไม่ใช่แค่ ‘แพสชัน’ (passion) เรารู้สึกว่าถ้ามีความเชื่อมันจะทำให้เห็นเส้นทาง และทำให้เรามีพลังในการไป แต่สำหรับเรา คำว่าแพสชัน ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญนะ มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นแหละ แต่มันอาจจะเกิดขึ้นแล้วดับไปในระหว่างทางได้ 

เราเชื่อว่าทั้งเราทั้งคริสซี่และทีมทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในสื่อที่ทำออนไลน์ หรือว่าในส่วนของที่ทำเอเจนซีเองก็ตาม ทุกคนมีความเชื่อในเรื่องของศิลปะว่าศิลปะมีพลัง ในการขับเคลื่อนโลกใบนี้จริงๆ ไม่งั้นมันคงไม่เกิด GroundControl ขึ้นตั้งแต่แรก

แล้วแบบนี้ ‘ความเชื่อ’ จะแพ้อัลกอริทึมหรือเปล่า เพราะตอนนี้หลายสื่อก็เจอปัญหา คนเข้าถึงคอนเทนต์ที่เราตั้งใจทำลดลงไปมาก

คริสซี่: เราเข้าใจเลยว่าคนที่ทำสื่อน่ะมันบีบหัวใจมากๆ เขียนตั้งนาน ทำตั้งเยอะ คนนั้นแชร์รูปเดียวได้กี่หมื่นไลก์ คืออะไร โลกไม่แฟร์ เพราะเขาทำสวยกว่าเราหรือ เพราะอัลกอริทึมเหรอ

ต่อให้เราวิเคราะห์ล้านแปดเหตุผลที่เราจะเอามาครอบเหตุผลว่าทำไมของเราไม่เวิร์ก แล้วของเขาเวิร์ก มันยากมากนะ ทำได้มากสุดก็แค่หาทิศทางให้มัน แต่ข้อดีคือ พอเรามีหลายแพลตฟอร์มงั้นเราลองเล่าแบบ TikTok ดีไหม TikTok ยังไม่เวิร์กอีก หรือว่าเขาอยากได้ไวบ์สวยๆ งั้นเดี๋ยวไปลง Instagram ก็ยังไม่เวิร์กอีกอะ แล้วเล่าเป็นวิดีโอยาวบน YouTube ไหม 

ดังนั้น ก็เป็นความท้าทายที่ให้เราได้ลองได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เราก็ต้องฝึกที่จะผันแปร เปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ แหละ 

แต่สุดท้ายทุกอย่างมันจะขึ้นๆ ลงๆ วันที่เราเจอสิ่งที่ชุบชูจิตใจเรา เจอคอมเมนต์ที่ดีก็เก็บเอาไว้ เพราะมันก็จะมีวันแย่ๆ แค่จำวันที่ดีไว้แล้วคอยปลอบใจตัวเองในวันที่มันไม่ดีก็พอ เพราะว่าเราเองก็ต้องฝ่าฟันแล้วสู้กับมันต่อไป

แต่อีกขาหนึ่งของ GroundControl ก็คือการเป็น Creative Agency ฝั่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง 

ผ้าป่าน: ในฝั่งของเอเจนซีเราทำโปรเจกต์หลากหลายมากๆ ตั้งแต่การพัฒนาพื้นที่ทางศิลปะ การเลือกงานศิลปะ การทำงานร่วมกับแบรนด์ การผลักดันศิลปินให้ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ การทำ Creative Campaign ให้หัวใจของแคมเปญนั้นๆ เป็นศิลปะ 

เราทำหน้าที่ของการสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ๆ เช่น การผลักดันและสนับสนุกศิลปินบางคนให้ได้ทำงานกับแบรนด์มากขึ้น หรือได้จัดแสดงงานศิลปะ ทำงานกับสายที่เป็นแกลเลอรีและพิพิธภัฑณ์มากขึ้น เราพยายามผลักดันตรงนี้อยู่เรื่อยๆ 

ดังนั้น สิ่งที่เราพยายามทำมากที่สุดสำหรับยูนิตนี้ก็คือ การสร้างโอกาสให้กับคนที่อยู่ใน community ทั้งศิลปิน ทั้งคิวเรเตอร์ ทั้งกลุ่มลูกค้า และคนอื่นๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้

พวกเรายังต้องการโอกาสอีกเยอะมากๆ ที่จะทัดเทียมกับวงการอื่นๆ ในแง่ของเม็ดเงินที่จะเข้ามา เพราะเวลาพูดถึงแบรนด์ ส่วนใหญ่ไม่ได้มุ่งมาที่เรื่องของการผูกแบรนด์เข้ากับศิลปะ แต่ตลอด 3 ปีที่ทำมา และตลอดไปที่กำลังจะทำ คือพยายามจะหาให้มีโอกาสเข้ามาในมุมนี้มากขึ้น ทำให้คนเห็นความเป็นไปได้ ทำให้คนเห็นประโยชน์ของศิลปะ ว่ามีประโยชน์กับชีวิตเขาในแง่มุมแบบไหนได้บ้าง 

สุดท้าย การเดินทางของ GroundControl ในปีต่อๆ ไป จะมีอะไรใหม่ๆ ให้ได้เห็นอีกบ้าง 

ผ้าป่าน: อย่างแรกเลย GroundControl กำลังจะเปิดตัวแกลเลอรีใหม่ในนาม ‘MMAD MASS GALLERY’ ที่ทีมเราตั้งใจให้เป็นพื้นที่จัดแสดงงานของศิลปิน illustration โดยเฉพาะ หลังจากที่สนับสนุนและประชาสัมพันธ์ผลงานของศิลปินที่เราชื่นชอบผ่านโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว ตอนนี้เรามีพื้นที่ที่จะนำเสนอผลงานและสนับสนุนการจัดแสดงงานอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

นอกเหนือจากนั้น ทิศทางของเราไม่เปลี่ยนนะ เพราะทุกสิ่งที่ทีมเราทำมันตั้งต้นอยู่ที่ ‘ความเชื่อว่าศิลปะสามารถขับเคลื่อนสังคมได้’ เพราะฉะนั้นทิศทางที่เราจะไปก็ยังคงเดิม เพิ่มเติมคือกิจกรรมสนุกๆ แน่นๆ จะตามมาอีกเพียบ 

ช่วงโควิด-19 มันหายไปแล้ว หลังจากนี้โอกาสต่างๆ จะมีมากขึ้น เหมือนที่เราได้มาคุยกันครั้งนี้อาจจะเรื่องสื่อเป็นหลัก ถ้าเรามาคุยกันปีหน้าอีกก็คงไม่ใช่ประเด็นนี้แล้ว 

แม้หลายๆ คนจะรับรู้ว่าเราเป็นสื่อศิลปะออนไลน์ แต่จริงๆ ก็อย่างที่บอกไปว่าเราก็เป็น Creative Agency ที่ดูแล ทำงาน แล้วก็โฟกัสไปที่เรื่องราวของศิลปะและศิลปินด้วย เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ที่ออกมา มีความหลากหลายมากๆ ทั้งในรูปแบบอีเวนต์ แคมเปญ นิทรรศการ 

ความจริงเราไม่ได้อยากถูกแปะป้ายตายตัวว่า GroundControl คืออะไร อยากให้มันอยู่ที่แต่ละคนนิยามมากกว่า ว่าเราเป็นอะไรสำหรับคุณ 

มันอาจจะเป็นรูปแบบที่ปรับเปลี่ยนไปตามการรับรู้ของคนที่เปลี่ยนไป ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป วิธีการสื่อสารที่เปลี่ยนไป เราว่านี่แหละมันคือเสน่ห์ของ GroundControl ที่มาจากเรากับคริสซี่