2 Min

ประเพณีล่าวาฬ-โลมา ที่หมู่เกาะแฟโรว์ สังหารโลมา 1,400 ตัวในวันเดียว ระบุคือความผิดพลาด ฆ่าเยอะไปกว่าที่คิด

2 Min
1330 Views
23 Sep 2021

ประเพณีล่าวาฬและโลมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาเนิ่นนานของคนในหมู่เกาะแฟโรว์ เขตปกครองตัวเองของประเทศเดนมาร์ก และเป็นประเพณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโหดร้ายมาโดยตลอดเช่นกัน ในปีนี้มีรายงานว่าวาฬและโลมามากกว่า 1,400 ตัวถูกสังหาร และเชื่อว่าเป็นตัวเลขที่มากที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้

ในประเพณี Grindadrap หรือล่าวาฬ ชาวบ้านจะจับเรือต้อนฝูงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลเข้าไปในฟยอร์ดขนาดใหญ่ที่สุดของแอตแลนติก และต้อนพวกมันเข้าไปในเขตน้ำตื้นที่หาด Skalabotnur หลังจากนั้นจะสังหารด้วยมีดจนเกิดสีแดงทั่วพื้นที่ โดยมีผู้คนหลายร้อยคนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวเข้าดูอยู่รอบๆ

เนื้อและชิ้นส่วนของโลมาหรือวาฬจะถูกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อนำไปบริโภค ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมายาวนานหลายร้อยปีของหมู่เกาะแฟโรว์ที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่

รัฐบาลหมู่เกาะแฟโรว์ระบุว่าแต่ละปีจะมีการล่าวาฬนำร่องราว 600 ตัว และโลมาหน้าขาว จะถูกจับได้น้อยกว่า โดยในปีที่แล้วจับได้ 35 ตัว

ประเพณี Grindadrap ในปีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา Bjarni Mikkelsen นักชีววิทยาทางทะเลได้รายงานว่ามีวาฬและโลมาเสียชีวิตถึง 1,400 ตัว ซึ่งอาจมากที่สุดที่เคยมีการบันทึก เมื่อเทียบกับตัวเลขสูงสุดก่อนหน้านี้คือ 1,200 ตัวในปี 1940 และ 900 ตัวในปี 1879 ตัวเลขการสังหารในปีนี้มากตนทำให้แม้แต่คนในพื้นที่บางคนตกใจ และทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการล่าโดยตรง

ท่ามกลางความตื่นตะลึงกับตัวเลขที่มากกว่าที่คาดคิด Sjurdarberg ชาวบ้านในหมู่เกาะแฟโรว์ซึ่งไม่ได้อยู่ในทีมล่าวาฬระบุว่ามันเป็น ‘ความผิดพลาด’ ครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดเพราะในขณะที่ต้อนฝูงเข้าฝั่งทุกคนคาดว่าจะมีโลมาราว 200 ตัวเท่านั้น เมื่อการสังหารเริ่มขึ้น ทุกคนถึงรู้ว่าจำนวนที่ต้อนเข้ามามากกว่าที่คาดคิดไว้มาก และชาวบ้านส่วนใหญ่เองก็โกรธจัดกับเรื่องนี้

แม้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโหดร้ายเสมอ และนักเคลื่อนไหวได้เรียกร้องให้ยกเลิกธรรมเนียมนี้โดยไม่มีความจำเป็นหลายปีแล้ว แต่ก็มีกลุ่มผู้สนับสนุนว่าการล่าวาฬเป็นวิถีที่ยั่งยืนในการรวบรวมอาการละเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม มีการควบคุมนักล่า ต้องมีการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการและมีใบรับรองในการล่าวาฬอย่างถูกวิธี ทำให้มันตายอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังไม่มีการล่าในเชิงพาณิชย์แต่เป็นการล่าตามประเพณีระดับชุมชนเท่านั้น ทำให้หลายคนมองว่ามันเป็นประเพณีที่ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปเมื่อเทียบกับปศุสัตว์ที่ถูกกักขัง

อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้สร้างความสับสนและวุ่นวายต่อประเพณีล่าวาฬที่มีมาหลายร้อยปี และเรียกความสนใจจากนานาชาติต่อความโหดร้ายที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

อ้างอิง