3 Min

‘การนินทา’ หนึ่งในวิวัฒนาการที่ทำให้มนุษย์อยู่รอด แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป

3 Min
3772 Views
14 Feb 2022

ในทุกๆ วงสนทนามักจะต้องมีการพูดคุย ถามไถ่ซึ่งกันและกัน หรือแม้กระทั่งการซุบซิบนินทาคนอื่น เพื่อให้บทสนทนานั้นเกิดความสนุกเฮฮา ไม่ว่าจะเป็นการนินทาคนใกล้ตัว เพื่อนตัวเอง รัฐบาล หรือเหล่าดาราดังทั้งหลาย ก็ล้วนถูกนินทาทั้งสิ้น

แต่หารู้ไหมว่า “การนินทา” นั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์อย่างเราๆ มาแต่ช้านาน เรียกได้ว่าเป็นของคู่กันเลยก็ว่าได้

หากว่าพ่อแม่ของเพื่อนคุณกำลังจะเลิกรากัน เพื่อนร่วมงานคนนั้นถูกเจ้านายดุด่า หรือแฟนเก่าของเพื่อนคุณกำลังนอกใจแฟนใหม่ที่พึ่งคบกันได้ไม่นาน หากเรื่องราวเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกคันปาก อยากบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้ไปกับคุณด้วย คุณคิดถูกแล้ว เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ มนุษย์นั้นเป็นกลุ่มคนที่ชอบแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกัน

แฟรง ที แมคแอนดรูว์ (Frank T. McAndrew) ศาสตราจารย์สาขาวิชาจิตวิทยา ที่นอกซ์วิทยาลัย เมืองแกทลินเบิร์ค กล่าวว่า “คนเรามักจะมองการนินทาคนอื่นเป็นพฤติกรรมเชิงลบที่แย่และดูไม่ดี แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความรู้ที่เราได้รับจากการนินทานั้น ช่วยให้เรานั้นก้าวหน้าเพื่อไปต่อในสังคม และคนที่ไม่สนใจในเรื่องนี้มักจะเป็นคนที่เสียเปรียบ”

เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักสังคมศาสตร์ ว่าการนินทานั้นเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการวิวัฒนาการของมนุษย์เรา เพื่อความอยู่รอดและการส่งต่อยีนของมนุษย์ เราจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงเรื่องราวรอบข้างอยู่เสมอ

ตามคำจำกัดความ การนินทาคือการพูดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสามารถตัดสินได้ทางศีลธรรม อีกอย่างมันยังสามารถทำให้สังคมของเรานั้นเชื่อมโยงเข้าหากันได้อีกด้วย

โดยการนินทานั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป แต่จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับบริบทนั้นๆ ที่เราได้หยิบยกเพื่อที่จะมาพูด

ได้มีการวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาในวารสาร journal Social Psychological and Personality Science โดยระบุไว้ว่า ได้มีการนำผู้ใหญ่จำนวน 467 คนสวมชุดอุปกรณ์บันทึกอิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลา 2 ถึง 5 วันเพื่อทำเก็บรวบรวมข้อมูลการสนทนาในช่วงเวลาดังกล่าว ผลปรากฏออกมาว่ามีเพียงแค่ 34 คนจาก 467 คนเท่านั้นที่ไม่ได้บทสนทนาไปในเชิงการนินทาเลย และโดยรวมแล้วคนที่เป็นคนเปิดเผยมักจะชอบนินทามากกว่าคนที่เก็บตัว แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์โดยคนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

การนินทานั้นไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป แต่ยังมีด้านที่ดีด้วยยกตัวอย่างเช่นการที่แฟนของเพื่อนมีชื่อเสียงที่ไม่ดีในการชอบนอกใจ คุณสามารถเตือนเพื่อนเรื่องนั้นได้เพื่อระวังไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ในทางกลับกันนั้นการนินทาที่ไม่ดีนั้นคือการแบ่งปันข้อมูลที่ทำให้คนอื่นนั้นเกิดความอับอาย สร้างความเสื่อมเสียให้กับคนผู้นั้น

วิทยาศาสตร์ยังได้บอกไว้ว่า การนินทานั้นยังเป็นต้นกำเนิดของความดี อีกทั้งยังเป็นการช่วยจัดระเบียบของสังคมอีกด้วย และส่งผลไปในเชิงบวกกว่าที่เราคิดอีกด้วย

โดยผลการศึกษาได้บอกไว้ว่าคนที่มีศีลธรรมและใจกว้าง มักจะชอบส่งข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่ว่าไว้วางใจเพื่อเตือนผู้อื่นอยู่เสมอ เพราะพวกเขานั้นมีความกังวลและต้องการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นไปในตัว และงานวิจัยยังได้พบอีกความลับนั่นก็คือ มันสามารถทำให้เรานั้นบรรเทาความหงุดหงิดของตัวเรา เมื่อตัวเรานั้นเห็นว่ามีคนอื่นประพฤติปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมอีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกวิวัฒนาการมาพร้อมๆ กันจริงๆ ระหว่าง “มนุษย์” กับ “การนินทา” และถึงแม้ว่าการนินทานั้นจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่อยู่คู่กับเรามาหลายชั่วอายุคน เมื่อเราได้พูดสิ่งนั้นออกไปแล้วจะเกิดความสุข แต่ถึงอย่างไรการจะพูดสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไปก็ควรที่จะคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย หากพูดไปแล้วทำให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องช้ำใจ หรือเสียน้ำตาก็หลีกเลี่ยงมันซะจะดีกว่า

คำพูดเพียงไม่กี่คำของเรา อาจส่งผลต่อชีวิตของคนๆ นั้นไปอีกนาน หากเรื่องนั้นมันจำเป็นที่จะต้องพูดจริงๆ ก็ควรพูดในสิ่งที่เป็นเรื่องจริง อย่าบิดเบือนข้อมูล กล่าวตักเตือนกันด้วยดี และยังไงซะการรักษาน้ำใจกันก็คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในสังคมเราอยู่ดี

อ้างอิง 

  • NBC News. Psychologists say gossiping is a social skill. Here’s how to know if you’re doing it right. https://nbcnews.to/3glXjpZ