นักวิชาการเผย รองเท้าแก้วในซินเดอเรลลาอาจไม่โรแมนติกอย่างที่คิด เพราะมันอาจเป็นสัญญะเพื่อแซะกษัตริย์
รู้หรือไม่ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน เคยมีการสำรวจความชอบของเด็กทั่วโลก ว่าเทพนิยายเรื่องไหนคือหนึ่งในใจของพวกเขา ซึ่งผลสำรวจในครั้งนั้น เป็นซินเดอเรลลาที่คว้าอันดับ 1
หรืออย่างในปัจจุบัน แม้เทพนิยายเรื่องนี้จะอยู่มาเป็นร้อยๆ ปี แต่เด็กแทบทุกคนก็ยังคงรู้จักและซาบซึ้งกับเรื่องราวของเจ้าชายและเจ้าหญิง ไม่ว่าจะตัวเอกอย่างซินเดอเรลลา เจ้าชาย ไปจนถึงอีกหนึ่งวัตถุหลักของเรื่องอย่าง รองเท้าแก้ว
แน่นอนว่า จากความเข้าใจข้างต้น ทำให้รองเท้าแก้วกลายเป็นตัวแทนความโรแมนติกที่ทำให้ใครหลายคนต่างอมยิ้มมาก่อน แต่เมื่อไม่นานนี้เอง ได้มีการนำเสนอมุมมองใหม่ที่อาจทำให้เราเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเทพนิยายซินเดอเรลลาไปตลอดกาล นั่นคือมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้ออกมาชี้ให้เห็นว่า รองเท้าแก้วที่เราเข้าใจว่าเป็นของสื่อรัก แท้จริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว
โดยเรื่องนี้ เจเนวีฟ วาร์วิค (Genevieve Warwick) ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ แห่งมหาวิทยาลัยเอดินบะระ และผู้เขียนหนังสือ Cinderella’s Glass Slipper: Towards a Cultural History of Renaissance Materialities นั่นเอง ที่ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ายึดตามเจตนารมณ์แรกเริ่มของผู้เขียนต้นฉบับ รองเท้าแก้วที่ว่าอาจมาจากแรงบันดาลใจในการ ‘แซะราชวงศ์’ เสียมากกว่า
“รองเท้าแก้วในซินเดอเรลลาคือเรื่องตลกที่จิกกัดได้อย่างเจ็บแสบ” เจเนวีฟ เล่า “เพราะถ้ายึดตามผู้แต่งอย่าง ชาร์ลส์ แปร์โรลต์ (Charles Perrault) เขาคือเลขานุการของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กษัตริย์ผู้ชอบแฟชั่นหรูหราอู้ฟู่ ซึ่งในเวลานั้น กระจกหรือแก้วเป็นสิ่งของที่แพงมาก แต่ฝรั่งเศสก็ยังต้องนำเข้าแก้วจากเวนิสเพื่อมาปรนเปรอพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทำให้ในเวลาต่อมา แปร์โรลต์จึงได้รับมอบหมายให้สร้างโรงงานผลิตแก้วขึ้นเองในประเทศ
“ไม่ว่าจะทราย ขี้เถ้า หรือฟืนไม้ เป็นหน้าที่ของแปร์โรลต์ที่ต้องจัดหาให้กับโรงงานเพื่อทำให้แก้วเกิดขึ้นตามใจกษัตริย์ทั้งที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้นถ้าคิดในมุมของเขา ก็มีความเป็นไปได้ว่าแปร์โรลต์เขียนเรื่องราวของรองเท้าแก้วขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างกษัตริย์ แก้ว และความฟุ่มเฟือย เพราะรองเท้านี้ใส่เดินไม่ได้จริงด้วยซ้ำ”
จริงอยู่ที่ความจริงของเรื่องนี้ยังคงไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์แน่นอนแต่ถ้าลองมองผ่านแว่นประวัติศาสตร์ตามที่เจเนวีฟบอกรวมถึงถ้าได้ลองอ่านหนังสือของเธอแบบฉบับเต็มหลายเสียงเลยที่บอกว่าไอเดียของเจเนวีฟดูมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
แปร์โรลต์อาจเคลือบความขมด้วยความหวานของเทพนิยายก็เป็นได้ เจตนารมณ์ของการแซะอาจมากกว่าการชื่นชม ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์อย่างดี ว่าเรื่องราวที่เล่าขานมานานอาจไม่ได้มีความหมายตรงตามที่เราเข้าใจมาตลอด
แต่เพราะเหตุนั้นเอง มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเข้าใจบริบทเมื่อครั้งอดีต เพื่อให้มองเห็นภาพที่แท้จริงที่อาจฉายหนทางไปสู่อนาคต
อ้างอิง
- Think Cinderella’s a fairytale? Fabled glass slipper is revealed as a joke on royalty . https://bit.ly/3FHMLOq