ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาร็อกกี้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว 80 ปีหายไปแล้ว 300 แห่ง
สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงไฟป่าที่เกิดกระหน่ำซ้ำซัดต่อเนื่องเหมือนฤดูกาลใหม่ประจำปี กำลังคุกคามธารน้ำแข็งบนเทือกเขาร็อกกี้อย่างรุนแรง โดยในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแห่งนี้หายไปแล้วถึง 300 แห่ง
แน่นอนว่าสาเหตุหลักนั้นมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่พาอุณหภูมิโลกสูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว 1.1 องศาเซลเซียส และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โลกของเราอยู่ในยุคสมัยที่อุณหภูมิเฉลี่ยประจำปีร้อนทุบสถิติมาโดยตลอด โดยเฉพาะปี 2021 ที่ผ่านมาได้เกิดคลื่นความร้อนขึ้นหลายแห่ง ก็ยิ่งเปลี่ยนสภาพแวดล้อม (ผิดธรรมชาติ) ต่อธารน้ำแข็งเพิ่มขึ้น
ตามรายงานล่าสุดของ NASA ได้เผยภาพธารน้ำแข็งเปย์โต บนเทือกเขาร็อกกี้ที่มีขนาดเล็กลง เมื่อเทียบกับอดีตในปี 1999 โดยพบว่าธารน้ำแข็งได้หายไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์
ธารน้ำแข็งเปย์โต อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบนฟ์ (Banff National Park) ประเทศแคนาดา ถือเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าธารน้ำแข็งแห่งอื่นๆ ในภูมิภาค เป็นจุดที่นักวิทยาศาศตร์ด้านอุทกวิทยาหลายคนใช้เป็นห้องเรียนศึกษาความเปลี่ยนแปลงของมวลน้ำแข็งในฤดูกาลต่างๆ มาตั้งแต่ปี 1968
นอกจากนี้ยังถือเป็นธารน้ำแข็งแห่งแรกๆที่มนุษย์พาตัวเองเข้ามาสัมผัสและศึกษาความเป็นไปและมีข้อมูลบันทึกอย่างละเอียดถี่ยิบจากหลายๆหน่วยงาน
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นแหล่งต้นน้ำสำหรับคนทำการเกษตรและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสำหรับใครที่อยากหาจุดชมวิวดูความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาร็อกกี้สักครั้ง
ทุกๆ ปี เมื่อธารน้ำแข็งละลายจะพัดเอา ‘แป้งหิน’ (Rock flow) เศษหินที่เกิดจากการขัดสีระหว่างธารน้ำแข็งที่ค่อยๆ แตก กับเศษหินบนเขา ไหลมาผสมกับน้ำในทะเลสาบเปย์โตหรือ ‘ทะเลสาบสุนัขจิ้งจอก’ ให้กลายเป็นสีฟ้าน้ำนมโดดเด่นสะดุดตา กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากเดินทางมาเยี่ยมชม
แต่มรดกทางทิวทัศน์ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้นี้ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ตามรายงานสรุปของ NASA อ้างอิงผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า การสูญเสียน้ำแข็งเป็นผลมาจากอุณหภูมิฤดูร้อนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในปี 2021 ซึ่งภูมิภาคนี้มีอุณหภูมิสูงทุบสถิติที่เคยบันทึกไว้ในอดีต
ประกอบกับการเกิดไฟป่ารอบๆ อุทยานแห่งชาติแบนฟ์ก็ยิ่งทวีความร้อนเร่งเร้าการละลายของน้ำแข็งให้หายไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเขม่าเถ้าถ่านสีดำจากไฟป่ายังถูกพัดมาปกคลุมธารน้ำแข็งทำให้เกิดการดูดซับความร้อนได้มากขึ้น ก็ยิ่งเร่งการละลายซ้ำไปอีกต่อ
หากสถานการณ์ยังคงเป็นอยู่เช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าในช่วงปลายศตวรรษ ธารน้ำแข็งเปย์โตรจะหายไปมากถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และจะกระทบต่อระบบชลประทานปลายน้ำ และผู้คนในรัฐซัสแคตเชวัน ที่พึ่งพาน้ำจากธารน้ำแข็งเทือกเขาเป็นหลัก
ตามรายงานของ United Nations University Institute for Water อธิบายเพิ่มเติมว่า นอกจากธารน้ำแข็งเปย์โต ธารน้ำแข็งแห่งอื่นๆ บนเทือกเขาร็อกกี้ก็กำลังละลายลงอย่างรวดเร็วในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนับจากปี 1920-2005 ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแห่งนี้หายไปแล้วถึง 300 แห่ง
อ้างอิง
- Global News, Scientists warn glacier in Canadian Rockies is slipping away before their eyes at unprecedented rate, https://shorturl.asia/djy3n
- NASA, Losing a Long-Watched Glacier, https://shorturl.asia/p3OWr