ครบ 10 ปี Frozen ‘แอนิเมชันที่ดีที่สุด’ หลังยุคเรอเนซองส์ของดิสนีย์ แต่เอลซ่าก็ยังไม่ช่วยให้ ‘ผู้หญิง’ ในวงการแอนิชันอเมริกันดีขึ้นได้?
ปี 2023 ครบรอบศตวรรษแห่งตำนานและความสำเร็จของ ‘Frozen’ ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่อง ‘ราชินีหิมะ’ (The Snow Queen) ของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) เป็นแอนิเมชันลำดับที่ 53 ของภาพยนตร์ในชุดแอนิเมชันคลาสสิกของวอลต์ดิสนีย์
Frozen เล่าเรื่องราวของ ‘เอลซ่า’ (Elsa) ราชินีแห่งอาณาจักรเอเรนเดลล์ ผู้ซ่อนเร้นพลังน้ำแข็งอันลึกลับที่ติดตัวมาแต่กำเนิด หลังจากความลับได้ถูกเปิดเผยในคืนราชินยาภิเษก เธอจึงได้ละทิ้งพระราชวังและทำให้เอเรนเดลล์ตกอยู่ในฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ ‘แอนนา’ (Anna) น้องสาวผู้กล้าที่ออกผจญภัยไปกับ คริสตอฟฟ์ (Kristoff) หนุ่มขายน้ำแข็งผู้มาพร้อมกับ สเวน (Sven) กวางเรนเดียร์แสนซื่อสัตย์ และ โอลาฟ (Olaf) มนุษย์หิมะที่มีชีวิตขึ้นมาจากเวทมนตร์วิเศษของเอลซ่าเมื่อครั้งยังเด็ก ทั้งหมดต้องออกตามหาเอลซ่าเพื่อยุติหน้าหนาวตลอดกาลที่กำลังเกิดขึ้น
หลังจากที่ Frozen เข้าฉายในโรงภาพยนตร์สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกสูงกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำรายได้ ‘สูงสุด’ ในประวัติศาสตร์บ็อกซ์ออฟฟิศ และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับ 5 นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2013 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับ 3 ในญี่ปุ่นด้วย
ทำให้ Frozen กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากสุดของดิสนีย์ และเป็น ‘สัญญาณการฟื้นตัว’ ของสตูดิโอ รวมไปถึงส่งเพลง ‘Let It Go’ ให้เป็นเพลงฮิตติดหูและติดชาร์ตทั่วโลก
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Frozen กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมป๊อป ไม่ใช่เพียงเป็นที่นิยมเท่านั้น แต่กลายเป็น ‘ผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ’ สำหรับผู้คนจำนวนมากทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดิสนีย์จะคว้าโอกาสและความนิยมนี้ไปต่อยอดจากความสำเร็จเป็น Frozen 2, Frozen 3 และภาพยนตร์สั้นที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของตัวละครในแอนิเมชัน นอกจากนี้มรดกวัฒนธรรมป๊อปของ Frozen ยังส่งผลหลายอย่างต่ออาชีพนักพากย์ด้วย
แม้จะประสบความสำเร็จและกวาดรางวัลมากมาย รวมถึง Frozen ยังได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของแอนิเมชันที่มีผู้หญิงเป็นตัวละครหลักดำเนินเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังส่งให้ ‘เจนนิเฟอร์ ลี’ (Jennifer Lee) กลายเป็น ‘สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง’ ของดิสนีย์และเป็นผู้กำกับหญิงคนแรกของภาพยนตร์ที่สร้างรายได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เช่นกัน แต่ Frozen ก็ไม่ได้นำไปสู่การเพิ่มโอกาสอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้กำกับหญิงในแวดวงภาพยนตร์แอนิเมชันแต่อย่างใด
ในโลกการทำงานของคนเบื้องหลังภาพยนตร์แอนิเมชันภายหลังยุค Frozen ก็ยังคงมีทัศนคติต่อผู้หญิง ‘ไม่ต่าง’ จากเดิม ย้อนกลับไปในปี 2017 กรณีสุดอื้อฉาวระดับตำนานของ ‘จอห์น แลสซีเตอร์’ (John Lasseter) ผู้กำกับแอนิเมชันดังอย่าง ‘Toy Story’ และ ‘Monster Inc.’ และยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงค่าย Pixa ที่มี ‘ชื่อเสีย’ ในบริษัทและพฤติกรรม ‘เข้าข่าย’ คุกคามทางเพศ เช่น การจับ-จูบ และพูดแสดงความเห็นต่อร่างกายของพนักงานหญิง ภายหลังที่เขาถูกเปิดโปงจนต้องยอมรับและประกาศยุติบทบาทลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน จอห์น แลสซีเตอร์ ก็ได้เริ่มงานใหม่ที่ สกายแดนซ์ แอนิเมชัน (Skydance Animation)
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเงาสะท้อนอุตสาหกรรมแอนิเมชันของอเมริกา แม้ในโลกแอนิเมชันจะมีตัวละครหญิงที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รักของคนทั่วโลก แต่ในความเป็นจริงผู้หญิงยังต้อง ‘เผชิญ’ กับปัญหาคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นและยังคงดำเนินอยู่ในอุตสาหกรรมนี้
อ้างอิง
- Frozen (2013 film) https://shorturl.asia/4pA9i
- Ten Years After ‘Frozen,’ How Did Disney’s Massive Hit Change the Industry? https://shorturl.asia/CaK5D
- “Frozen” breaks records as highest-grossing animated film in box office history https://shorturl.asia/tP7vC
- John Lasseter Taking Leave of Absence From Pixar Amid “Missteps” https://shorturl.asia/wEYIm