“ความตาย” สำหรับบางคนอาจเป็นเพียงจุดจบธรรมดาสามัญของมนุษย์ แต่สำหรับบางคน มันเป็นได้มากกว่านั้น
ความตายสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างได้เช่นกัน อย่างที่ประเทศฝรั่งเศสเริ่มเข้าสู่ยุคแห่งความหวาดกลัว (Reign of terror) เมื่อชะตาของหลุยส์ที่ 16 ขาดลงที่ตรงกิโยตีน
ความตายสามารถพาผู้คนนับล้านมารวมตัวกันได้ อย่างที่กรุงลอนดอนใน วันที่ 6 กันยายน ปี 1997 เมื่อคนนับล้านมาร่วมกันเป็นพยานและแสดงความอาลัยในงานศพของ “เจ้าหญิงไดอาน่า” สร้างประวัติศาสตร์คนอังกฤษรวมตัวกันมากที่สุดนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
และบางที ความตายก็สามารถสร้าง “บทสนทนา” ใหม่ๆ ขึ้นมาในหมู่ผู้คน ทำให้ชื่อของคนตายเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ต่อไปบนริมฝีปากของเรา กลายเป็นเรื่องเล่า เป็นข่าวลือมากมาย ที่บางครั้งก็ลามไปถึงขั้นการปฏิเสธที่จะเชื่อ ว่าคนตายได้ตายไปแล้วจริงๆ
ต่อไปนี้คือ บุคคลในตำนานบางส่วนที่เคยมีข่าวลือว่า “ตายไม่จริง”
1. เอลวิส พรีสลีย์ (Elvis Presley)
ราชาร็อกแอนด์โรลเคยปรากฏในข่าวทั่วโลก เมื่อเขาถูกพบว่าเสียชีวิตบนพื้นห้องน้ำในบ้านพัก ในวันที่ 16 สิงหาคม ปี 1977 ด้วยเพราะใช้ยาเกินขนาด นับตั้งแต่วันนั้น ก็มีการคาดเดาจากหลายๆ คนว่า เอลวิสได้แกล้งตายเพื่อหนีหนี้มาเฟีย บ้างก็ว่าการตายของเอลวิสเป็นแผนการของรัฐบาล และมีผู้คนจากทั่วโลก โดยเฉพาะในรัฐเทนเนสซี ที่บอกว่าตัวเองเห็นเอลวิส แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่พิสูจน์ว่าพวกเขาเห็นจริง
2. หลุยส์ที่ 17 แห่งราชวงศ์ฝรั่งเศส (Louis XVII of France)
ลูกชายของหลุยส์ที่ 16 กับมารี อองตัวแน็ต หลังจากที่บุพการีของเขาทั้งสองคนถูกประหารชีวิตโดยกิโยตีนในปี 1793 เขาถูกจองจำในโบสถ์ยุคกลางในกรุงปารีส และได้รับการรายงานว่า เสียชีวิตตอนอายุ 10 ปี ในวันที่ 8 มิถุนายน ปี 1795 หลังต้องทนทรมานด้วยวัณโรคมานาน
แต่มีข่าวลือแพร่ระบาดว่ามีผู้ที่เห็นใจในชะตาของหลุยส์ที่ 17 แล้วพาพระองค์ลอบหลบหนีออกไปจากที่คุมขัง แล้วให้สามัญชนคนหนึ่งมาสวมรอยเป็นเขาแทน เมื่อถึงคราวที่ระบอบกษัตริย์ถูกรื้อขึ้นมาในปี 1815 คนหลายสิบคนปรากฏตนขึ้นมาพร้อมกล่าวอ้าง ว่าเขาคือ “รัชทายาทผู้สาบสูญ” หนึ่งในนั้นมีมิชชั่นนารีจากรัฐวิสคอนซิน และช่างทำนาฬิกาจากเยอรมัน
ในปี 2004 ผลทดสอบดีเอ็นเอระบุว่า หัวใจที่ถูกนำออกจากร่างเด็กชายที่ตายอยู่ในที่จองจำ ณ ปี 1795 เป็นหัวใจที่เกือบจะมั่นใจว่าเป็นของหลุยส์ที่ 17 จริงๆ
3. เจ้าหญิงอนาสตาเซีย นิโคลาเยฟนา แห่งราชวงศ์รัสเซีย (Anastasia Nikolaevna)
บุตรสาวคนสุดท้องของจักรพรรดิซาร์ นิโคลัสที่ 2 ผู้นี้ถูกประหารชีวิตไปพร้อมๆ กับครอบครัวของเธอ ในวันที่ 16 กรกฎาคม ปี 1918 หลังถูกจับกุมโดยกลุ่มบอลเชวิค (Bolshevik) การตายครั้งนั้นสร้างข่าวลือให้แพร่สะพัดไปทั่วยุโรปว่า เจ้าหญิงอนาสตาเซียในวัย 17 ปี คือผู้รอดหนึ่งเดียวจากการสังหารหมู่ครั้งนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าผลของข่าวลือ เป็นต้นกำเนิดให้สตรีหลายคนลุกขึ้นอ้าง ว่าตนคือแกรนด์ดัชเชสที่หายสาบสูญ แต่คนที่สร้างกระแสได้มากที่สุด คือสตรีชาวเยอรมันนามว่า “แอนนา แอนเดอร์สัน” (Anna Anderson) ที่เสียชีวิตในปี 1984 ที่เมืองชาร์ล็อตต์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
10 ปีถัดมาชาวโลกถึงได้บางอ้อ เมื่อผลทดสอบทางดีเอ็นเอช่วยเปิดเผยว่า นางแอนเดอร์สันไม่ใช่สมาชิกของราชวงศ์รัสเซียแต่อย่างใด ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าหญิงผู้หายสาบสูญจึงดำเนินต่อไป จนถึงปี 2007 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ค้นพบศพ ที่ระบุแน่ชัดว่าเป็นร่างของเจ้าหญิงอนาสตาเซียจริงๆ จบทุกข่าวลือตายไม่จริงของแกรนด์ดัชเชสผู้นี้
4. บุช แคสสิดี้ (Butch Cassidy)
ไม่รู้ว่าใครเคยดูหนังเวสเทริน์สุดคลาสสิคเรื่อง “Butch Cassidy and The Sundance kid (1969)” บ้าง แต่ตัวละคร “Butch Cassidy” มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์อเมริกัน จอมโจรปล้นธนาคารกับรถไฟ ผู้เป็นหัวหน้าแก๊ง The Wild Bunch คนนี้ จบชีวิตสุดระห่ำกลางดงกระสุนปืนในปี 1908
แต่มีข่าวลือว่า บุช แคสสิดี้ หรือในชื่อจริง “โรเบริต์ เลอรอย ปาร์คเกอร์” ได้รอดชีวิตจากการดวลปืนครั้งนั้น แล้วใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาต่อไปโดยใช้นามแฝง ประกอบอาชีพเป็นช่างเครื่องในเมืองสโปแคน รัฐวอชิงตัน หลักฐานเหล่านี้ บอกเล่าในหนังสือความยาวกว่า 200 หน้า ชื่อ “Bandit Invincible: The Story of Butch Cassidy” ประพันธ์โดย วิลเลียม ที ฟิลลิปส์ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิตของบุช แคสสิดี้อย่างละเอียด ที่อาจมีแค่แต่ตัวบุชเองเท่านั้นที่รู้ จึงมีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า บุช แคสสิดี้ กับ ฟิลลิปส์คือคนๆ เดียวกัน
5. แดน คูเปอร์ (D.B Cooper)
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 1971 มีชายผิวขาว สวมเสื้อกันฝนสีดำทับสูทสีเข้ม และแว่นตาดำได้โดยสารเครื่องบินจากสนามบินเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ในระหว่างที่เครื่องบินเดินทางอยู่กลางฟ้า เขาก็ได้ยื่นโน้ตชิ้นเล็กๆ ให้แอร์โฮสเตส ซึ่งบอกว่า ในกระเป๋าเอกสารของเขาบรรจุระเบิดไว้อยู่
แดน คูเปอร์ ได้รับเงิน 2 แสนดอลลาร์ตามที่ขอ และได้โดดร่มหนีหายไปในความมืดและพายุโหมกระหน่ำเหนือแถบแปซิฟิกนอร์ทเวสต์ บ้างสันนิษฐานว่าเขาได้ตายไประหว่างทางโดดร่ม บ้างก็เชื่อว่าเขาคงกลายเป็นเศรษฐีเสวยสุขอยู่ที่ไหนสักแห่งในโฉมหน้าที่ไม่มีใครจำได้
แต่จนถึงทุกวันนี้ ชาวโลกก็ยังไม่รับคำตอบว่า “D.B Cooper” เป็นใคร ยังอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่
เรื่องราวที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว ในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ข่าวลือก็ยังแพร่สะพัดไปได้ไกล และทำให้ใครหลายๆ คนโดนหลอกมาแล้ว พอมาเทียบกับยุคปัจจุบันที่ข่าวสารไปไวเพียงนิ้วคลิก คำว่า “วิจารณญาณ” จึงยิ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญในการเสพสื่อที่ใครๆ ก็ควรมีไว้
เพราะบางที สิ่งที่ลือ อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง และสิ่งที่เห็น ก็ใช่ว่าจะเชื่อได้เสมอไป
อ้างอิง:
- History. People Rumored to Have Survived Their Deaths. https://bit.ly/3fLJMYn
- History. Which Famous Figure Had the Biggest Public Funeral?. https://bit.ly/34j35CK