รู้จัก Evergrande บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ของจีน ถ้าบริษัทนี้ล้ม อาจเกิดวิกฤติเศรษฐกิจระดับโลก
Select Paragraph To Read
- Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- แล้วถามว่าทำไมมีปัญหาตอนนี้ เพราะโควิดเหรอ?
- ทำไมการล้มของ Evergrande ถึงเป็นเรื่องใหญ่
ถ้าช่วงนี้ใครตามข่าวเศรษฐกิจ อาจได้ยินชื่อ Evergrande บ่อย และก็คงงงว่ามันคืออะไร ทำไมคนต้องมาสนใจบริษัทนี้ หลายคนอาจได้ยินว่ามันกำลังจะล้ม ซึ่งการล้มของมันอาจส่งผลสะเทือนถึงเศรษฐกิจทั้งโลก
แน่นอนนี่เป็นเรื่องเศรษฐกิจการเงินชวนปวดหัวอีกแล้ว แต่ไม่ต้องกังวล เราจะพยายามเล่าแบบง่ายๆ ให้ฟังสั้นๆ สำหรับคนไม่มีเวลา
Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Evergrande คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในจีน มูลค่าตลาดเมื่อต้นปีโดยประมาณอยู่ที่ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าเทียบกับไทย มันคือบริษัทไซซ์เดียวกับ ปตท. และ CP (ปตท. มูลค่าตลาดจะอยู่ประมาณ 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนของ CP ถ้าเอา CPALL, CPF และ TRUE มารวมกัน มูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 27,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
แต่ตอนนี้ Evergrande มูลค่าตลาดเหลือประมาณ 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ คือตกมาเกิน 80% และยังตกเรื่อยๆ
อธิบายง่ายๆ เรื่องนี้เป็น “เรื่องใหญ่” ในโลกการเงิน เพราะนี่คือการที่บริษัทขนาดพอๆ CP หรือ ปตท. กำลังจะล้ม
บางคนอาจสงสัยว่ามันจะขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องบอกว่าขนาดเศรษฐกิจจีนใหญ่กว่าไทยเยอะ บริษัทไซซ์ระดับ “ใหญ่สุดในไทย” ไปอยู่ในตลาดจีนคือไม่ได้อยู่ใน Top 50 ด้วยซ้ำ
แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ “ขนาด” แต่เป็น “สาเหตุ” และ “ผลต่อเนื่อง” มากกว่าที่น่ากลัว
เนื่องจาก Evergrande เป็นบริษัทที่เป็นหนี้เยอะมากๆ และไม่มีความสามารถในการใช้หนี้ หุ้นเลยร่วงฮวบๆ และถ้าใช้หนี้ไม่ได้แบบนี้ อาจต้องมีการล้มละลายเกิดขึ้น
แล้วถามว่าทำไมมีปัญหาตอนนี้ เพราะโควิดเหรอ?
คำตอบคือไม่ใช่ เพราะผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นคือรัฐบาลจีน
หนี้ท่วม โควิด รัฐบาลจีนจัดระเบียบเศรษฐกิจ ความซวยของ Evergrande
ถ้าใครรู้จักเศรษฐกิจจีน ก็จะรู้ว่ามันเป็นเศรษฐกิจที่ “ควบคุมสินเชื่อ” แบบบ้าคลั่งมากๆ คือคนทั่วๆ ไปจะกู้เงินธนาคารนี่ยากมาก หรือแค่จะซื้อบ้านซื้อคอนโดนี่ก็ต้องวางเงินดาวน์มหาศาล หรือแค่เครดิตการ์ด คนจีนยังไม่ได้มีใช้กันแพร่หลายแบบคนไทยเลย (ไม่ต้องพูดถึงคนอเมริกัน)
ที่เป็นแบบนี้ เพราะรัฐบาลจีนมีความกลัวการขยายตัวของสินเชื่อและหนี้เน่ามากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้สร้างวิกฤติเศรษฐกิจโลกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ดังนั้นคนจะกู้เงินได้ก็คือพวกมีเครดิตจริงๆ พูดอีกแบบก็คือพวกบริษัทใหญ่ๆ หรือรัฐบาลจีนนั้นกันเงินกู้ในระบบเอาไว้ให้พวกบริษัทใหญ่ๆ เพราะพวกบริษัทใหญ่ๆ คุมง่ายกว่า
และเศรษฐกิจจีนก็โตมาอย่างมีเสถียรภาพเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าเป็นบทเรียนความสำเร็จ
ทีนี้ วันดีคืนดี รัฐบาลจีนอยาก “จัดระเบียบเศรษฐกิจ” ใหม่ให้มั่นคงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งที่เราเห็นก็คือไอ้ปรากฏการณ์ที่พวกบริษัท IT ใหญ่ๆ โดน “เรียกไปคุย” หรือควบคุมอะไรสารพัด และในส่วนของบริษัทอสังหาฯ อยู่ดีๆ ทางการจีนก็ประกาศให้สัดส่วนของหนี้สินต่อสินทรัพย์ทั้งหมดเหลือแค่ 70%
นี่อาจฟังดูไม่มีอะไรเลย สำหรับคนทั่วๆ ไป หรือกระทั่งธุรกิจปกติ ที่มันไม่ควรจะมีหนี้เยอะขนาดนั้น แต่สำหรับพวกบริษัทอสังหาฯ การกู้เงินมหาศาลมาลงทุนโปรเจคใหญ่ๆ นี่เรื่องปกติมาก ซึ่งมันทำให้บริษัทพวกนี้ “หนี้ท่วม” เป็นปกติ เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของการ “ขยายธุรกิจตามปกติ”
แต่ทีนี้ บริษัทที่หนี้เยอะเป็นปกติ อยู่ดีๆ จะให้ลดขนาดนี้แบบปัจจุบันทันด่วน มันเป็นไปได้ยาก คิดง่ายๆ คุณไปกู้เงินมาสร้างตึก แล้วการสร้างก็เริ่มไปแล้ว อยู่ดีๆ รัฐบาลบอกให้ลดสัดส่วนหนี้ ทางเดียวที่คุณจะลดได้ ก็คือเอาสินทรัพย์ที่มีไปขาย คุณก็อาจต้องเอาโครงการอื่นที่มีอยู่ไปขาย ซึ่งขายตอนนี้ เศรษฐกิจมันไม่ได้ดีเท่าไร ขายไปก็ขาดทุน แต่รัฐบาลบีบคอให้คุณทำแบบนี้ คุณก็ต้องทำ
นี่คือสิ่งที่ Evergrande เจอ คือบริษัทต้องปรับโครงสร้างสินทรัพย์ของบริษัทแบบเร่งด่วนเพราะนโยบาย “จัดระเบียบเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลจีนที่ออกมาสดๆ ร้อนๆ ในปี 2020 ซึ่งก็คือปีที่แล้ว ซึ่งที่หุ้นลงขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพราะเจอนโยบายนี้ แต่เพราะตลาดอสังหาที่คึกคักมาต่อเนื่องยาวนานของจีนมันชะงักปีที่แล้วเพราะโควิด ทำให้รายได้บริษัทลดลง 90% ด้วย เรียกได้ว่าเจอทั้งสองเด้ง โควิดทำลำบากแล้ว รัฐบาลมาทำลำบากซ้ำ
แต่จะพูดแบบนี้ก็อาจไม่เป็นธรรมกับรัฐบาลจีนเท่าไร เพราะรัฐบาลจีนก็เห็นจริงๆ ว่า Evergrande ไปก่อหนี้เยอะเกินลิมิตจริงๆ ระดับได้ฉายาว่า “บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ติดหนี้เยอะที่สุดในโลก” อะไรแบบนี้ชวนขายหน้ามากๆ สำหรับรัฐที่ไม่ต้องการให้ทั้งประชาชนและบริษัทก่อหนี้เกินความจำเป็น และถ้าไปดูตัวเลขหนี้ที่ Evergrande ไปก่อไว้ ก็จะพบว่ามันสูงถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือสูงว่ามูลค่าบริษัทตอนพีคๆ ถึง 10 เท่าด้วยซ้ำ นี่ก็ไม่แปลกที่รัฐเลยออกมาควบคุม เพราะถ้าไม่คุม ในอนาคตก็อาจเกิดหายนะทางเศรษฐกิจได้ เรียกได้ว่า “วัดใจ” ให้บริษัทล้มไปตอนนี้ ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้บริษัทใหญ่ไปกว่านี้ เพราะถ้าไปถึงขั้นนั้นแล้วล้ม มันจะทำเศรษฐกิจพังกว่าเยอะ
ทำไมการล้มของ Evergrande ถึงเป็นเรื่องใหญ่
ทีนี้แล้วทำไมคนถึงเห็นว่ามัน “เรื่องใหญ่”
อย่างแรกคือ ถึงบริษัทไม่ใหญ่ติด Top 50 ในจีน แต่ถ้าล้ม แน่นอนพวก “เจ้าหนี้” เดือดร้อนกันไปทั่วแน่ๆ และบริษัทที่สร้างหนี้เยอะขนาดนี้ มีเจ้าหนี้ในวงกว้างแน่ๆ และผลของการ “เบี้ยวหนี้” ในสเกลขนาดนี้มันก็อาจจะเป็นโดมิโน ซึ่งหลายๆ คนก็มองว่ามันคล้ายๆ ตอนที่ “ธนาคาร” ในอเมริกาล้มปี 2008 และทำเศรษฐกิจพังเป็นโดมิโนและกลายเป็นวิกฤติระดับโลก เพียงแต่ตอนนั้นคนเบี้ยวหนี้คือพวกคนทั่วไปที่ไม่มีเงินผ่อนบ้านแล้วปล่อยให้ธนาคารยึด แต่คราวนี้คือบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ที่ก่อหนี้ไปทั่ว
ถามว่านักวิเคราะห์ “แปลกใจ” มั้ย เอาจริงๆ ไม่มีใครแปลกใจอะไรขนาดนั้น เพราะเขาเก็งอยู่แล้วว่าวิกฤติเศรษฐกิจคราวหน้าอาจมาจากจีน แต่จะมาจากอุตสาหกรรมไหนเขาไม่ชัวร์ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็เข้าสูตรภาวะที่จะนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจเป๊ะๆ
แต่จะบอกว่า “จังหวะนรก” ก็ได้ เพราะถ้าเป็นช่วงเศรษฐกิจโลกรุ่งๆ คนคงไม่คิดอะไรมาก แต่นี่คือกำลังจะฟื้นตัวจากโควิด
คือถึงเศรษฐกิจจีนไม่ “ล้ม” แต่ “เซ” มันก็น่าจะนำไปสู่หายนะระดับที่มากกว่าปกติ เพราะตอนนี้ก็ว่ากันตรงๆ ว่าเศรษฐกิจทั้งโลกก็ยังไม่ถือว่า “ฟื้น” จากโควิด
ทำให้แค่ “วิกฤติเล็กๆ ” จากจีนมันก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าปกติมากๆ ได้
อ้างอิง
- The Diplomat. Evergrande Is a Symtom, Not Cause, of China’s Debt Woes. https://bit.ly/3hYkvfc
- The Guardian. China property giant Evergrande admits debt crisis as protesters besiege HQ. https://bit.ly/2XzLMgM
- Aljazeera. China pumps $14bn in cash into market amid Evergrande crisis. https://bit.ly/3CzxUST
- CompaniesMarketCap. Largest Chinese companies by market capitalization. https://bit.ly/3hWrplg