3 Min

ด็อกเตอร์ด้านหุ่นยนต์ชาวอังกฤษ เปลี่ยนตัวเองเป็น “ไซบอร์ก” เพื่อยืดชีวิตออกไป

3 Min
702 Views
05 Jul 2021

ถ้าเราอ่านการ์ตูนหรือดูหนังเยอะๆ ธีมหนึ่งที่น่าจะคุ้นกันดีก็คือการที่นักวิทยาศาสตร์ที่รู้ว่าตัวเองจะตายนั้นพยายามจะเอาชนะความตายผ่านการเปลี่ยนตัวเองเป็นหุ่นยนต์

แต่ใครจะไปรู้ว่าทุกวันนี้ มีนักวิทยาศาสตร์ทำแบบนี้จริงๆ แล้ว

ย้อนกลับไปปี 2017 Peter Scott-Morgan ชาวอังกฤษในวัย 60 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม (Motor Neuron Disease) และเป็นแบบร้ายแรงด้วย โดยจะอยู่ได้แค่ 2 ปี

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าโรคกลุ่มเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมมีหลายโรคย่อยๆ และคนที่เป็นก็ออกอาการเร็วช้าต่างกัน ทำให้อายุขัยต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคไหน จะอยู่ได้นานแค่ไหนปลายทางของโรคกลุ่มนี้ยังไงก็จะนำไปสู่ภาวะอัมพาตทั้งตัว และจะทำให้คนที่เป็นตายเพราะไม่สามารถกินและหายใจได้เนื่องจากสมองสั่งกล้ามเนื้อไม่ได้

ทีนี้ Scott-Morgan เป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมแบบร้ายแรงมากๆ คือเป็นแบบที่ร่างกายจะทรุดหนักอย่างเร็วมากๆ หมอเลยประเมินว่าเขาน่าจะตายใน 2 ปี และจริงๆ คนที่เป็นหนักระดับนี้ถึง 1 ใน 3 จะตายในปีแรกด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าอาการของเขาไม่มีความหวังซะเลยตามมาตรฐานการแพทย์ปัจจุบัน

แน่นอน ถ้าเป็นคนปกติ เจอหมอบอกเข้าไปแบบนี้ ก็คงจะเตรียมตัวตายอย่างมีสติแล้ว

แต่บังเอิญ Peter Scott-Morgan คือด็อกเตอร์ด้านหุ่นยนต์คนแรกของอังกฤษ และทำงานด้านหุ่นยนต์รวมถึง AI มาตลอดชีวิต เขาถึงเห็นทางเลือกในยามที่หมอไม่รับรักษาแล้ว

และทางเลือกที่ว่าคือเปลี่ยนตัวเองเป็นไซบอร์ก และเขาก็ต้องทำทันที ก่อนที่ร่างกายเขาจะขยับไม่ได้และจะลำบากไปกว่านี้

แน่นอนว่าเขาก็ต้องเตรียมการว่าถ้าเขาเป็นอัมพาตทั้งตัวเขาจะสื่อสารกับมนุษย์คนอื่นยังไง เพราะการสื่อสารคือเรื่องพื้นฐานที่สุดของการดำรงอยู่ของมนุษย์

จริงๆ พวกนี้ก็มีเทคโนโลยีมาตรฐานอยู่แล้ว เพราะคนเป็นอัมพาตสมัยนี้ก็สามารถสั่งการด้วยสายตาได้ เรียกได้ว่าใช้การขยับตาในการพิมพ์ข้อความส่งออกมาเป็นเสียง มันมีระบบสำเร็จรูป (นึกถึง Stephen Hawking ก็ได้ครับ) แต่ที่เจ๋งกว่านั้นคือ เทคโนโลยีตอนนี้เอื้อให้คนที่ได้เตรียมการก่อน สามารถบันทึกเสียงตัวเองพูดข้อความต่างๆ ได้ก่อนที่จะพูดไม่ได้ด้วย เพื่อที่จะเอาเสียงพวกนี้มาใช้เป็นเสียงตัวเองที่จะใช้สื่อสารผ่านเครื่องสื่อสารของคนเป็นอัมพาต และ Peter Scott-Morgan ก็ได้บันทึกข้อความเอาไว้ก่อนที่จะพูดไม่ได้ถึง 20,000 ข้อความ ดังนั้น การสื่อสารไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

แต่ที่ว่ามานี้เบสิคใครเป็นอัมพาตก็ใช้กัน แต่สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้แหละคือไซบอร์กแท้ๆ

ดังที่ได้กล่าวมา ภาวะที่โรคประสาทสั่งการเสื่อมนั้นจะทำให้คนตายได้จริงๆ คือการทำให้คนไม่สามารถกินอาหารและหายใจได้ ซึ่งสิ่งที่ Peter Scott-Morgan ทำก็เรียกว่าโหดสุดๆ เขาตัดกล่องเสียงออกก่อนที่เขาจะไม่สามารถหายใจเองได้ และใส่เครื่องหายใจอัตโนมัติแทน นอกจากนี้เขาก็เจาะกระเพาะให้เขารับอาหารเข้าโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านคอ

แต่นี้แหละครับไซบอร์ก” Peter Scott-Morgan เขาสามารถเอาชนะภาวะของโรคประสาทสั่งการเสื่อมได้โดยการเอาเครื่องจักรมาแทนที่ร่างกายที่จะเสื่อมไปได้

ตัดภาพมาปี 2021 เป็นเวลา 4 ปีหลังจากที่หมอวินิจฉัยโรคของ Peter Scott-Morgan และเป็นเวลา 2 ปีหลังจากที่หมอบอกว่า Peter Scott-Morgan จะตาย

ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่ตาย เขาสื่อสารผ่านการพิมพ์ด้วยการกลอกตาผ่านเครื่องสื่อสาร และระบบหายใจและระบบขนส่งอาหารไปยังกระเพาะอาหารโดยตรงของเขาก็ยังทำงานได้ดี และก็คาดว่าถ้าไม่มีโรคอื่นๆ เขาก็จะมีอายุขัยได้ตามปกติ คือจะอยู่ได้อีก 15 ปี (ทุกวันนี้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์คือประมาณ 80 ปี)

แน่นอน เรื่องราวที่ไม่ยอมแพ้ต่อความตายของ Peter Scott-Morgan เป็นแรงบันดาลใจระดับที่ช่อง Channel Four ของอังกฤษไปทำสารคดีเกี่ยวกับเขา ซึ่งที่มันส์กว่านั้นก็คือ นอกจาก Peter Scott-Morgan จะเป็นไซบอร์กแล้ว เขายังเป็นเกย์มาตั้งแต่สังคมอังกฤษยังไม่ยอมรับเกย์ และก็แต่งงานอยู่กินกับสามีมายาวนาน

เอาจริงๆ แรงบันดาลใจของ Peter เองก็มาจากชีวิตที่เป็นเกย์มาตั้งแต่สังคมไม่ยอมรับนี่แหละ โดยเขากล่าวว่า

คนชอบคิดว่าคนเป็นอัมพาตไม่ควรจะมีชีวิต แต่ผมก็ผ่านยุคที่เขาคิดว่าเกย์ไม่ควรจะมีชีวิตมาแล้วน่ะนะ

อ้างอิง

  • The Guardian. ‘I choose to thrive’: the man fighting motor neurone disease with cyborg technology. https://bit.ly/3hjBiZ1
  • Dailymail. Scientist with motor neurone disease who transformed himself into the world’s first cyborg says he has ‘exceptional’ quality of life and is no longer ‘one of the living dead’. https://bit.ly/363he8k