3 Min

อย่าเพิ่งปรี๊ดแตก! นักวิจัยเผย ‘การควบคุมอารมณ์ได้ดี’ ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ พร้อมเผย 5 เคล็ดลับการควบคุมอารมณ์

3 Min
6 Views
17 Jul 2025

ไม่ว่าจะยืนอยู่ในอาชีพใด เราต่างต้องพบกับปัญหาร้อยแปดอย่าง ทั้งความไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ลงมือทำจะสำเร็จไม่หรือ การตัดสินใจเรื่องต่างๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีหรือเปล่า แถมยังต้องเจอกับหลากหลายคำถามประดังเข้ามาปั่นป่วนจิตใจให้เราอาจหันเหไปทางอื่น 

จริงอยู่ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เราเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันได้นะ 

ดร.โซรานา อิฟเซวิก พริงเกิล (Dr. Zorana Ivcevic Pringle) นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการสร้างสรรค์และความฉลาดทางอารมณ์ จาก Yale Center for Emotional Intelligence เผยว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จและมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด ไม่เพียงแต่จะมีสมองอันชาญฉลาดหรือมี IQ สูงเท่านั้น แต่ยังมี ‘ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่ดี’ อันเป็นทักษะที่เป็นเสมือนพลังพิเศษติดตัวพวกเขาด้วย 

ทักษะนี้ช่วยให้เราสามารถรับมือกับสิ่งใหม่ๆ หรือในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ดี โดยเฉพาะกับผู้ที่ทำงานสร้างสรรค์ เมื่อต้องลงมือสร้างงานใหม่ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความเสี่ยงที่จะเจอความล้มเหลว เจอคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง จนอาจล้มเลิกความตั้งใจในเวลาต่อมา การยอมรับความไม่แน่นอนที่มักเกิดขึ้นเป็นปกติกับการทำงานสร้างสรรค์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

แต่การควบคุมอารมณ์ ไม่ได้เป็นเรื่องของคนทำงานสร้างสรรค์หรือคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น อารมณ์ยังมีผลต่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะกับการใช้ชีวิต

แต่เราจะทำอย่างไร หากรู้ตัวว่ากำลังถูกอารมณ์เชิงลบเข้าครอบงำ ดร.พริงเกิลได้เผย 5 วิธีพัฒนาทักษะการควบคุมอารมณ์ที่จะช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ไปได้ ดังนี้ 

1. ประเมินสถานการณ์ตรงหน้าให้เป็น
คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี มักจะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าออกว่ามันจะทำให้เขามีพลังหรือหมดพลัง สิ่งนี้ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้า แต่มันช่วยให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากเพื่อไปถึงเป้าหมายและความตั้งใจส่วนตัวเป็นหลักได้ 

เช่นเมื่อถึงเวลาทำในสิ่งที่ตั้งใจแต่สัมผัสได้ว่า ระหว่างทางไม่ราบรื่นแน่ๆ เราสามารถเริ่มจัดการความรู้สึกของเราก่อนไปเผชิญกับความไม่ราบรื่นเหล่านั้นที่อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ไม่ในทางใดก็ทางหนึ่งได้เลย 

2. เปลี่ยนสภาพแวดล้อม
วิธีนี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของพริงเกิลกับการพยายามจะเขียนหนังสือให้จบแต่กว่าจะเค้นออกมาได้ก็ยากเย็นเหลือเกิน และเธอก็ต้องทำงานวิจัยส่งให้ทันเดดไลน์ด้วย การทำงานควบคู่ทั้งสองอย่างทำให้เธอเครียดจนสมองตื้อตัน แต่พอลองเปลี่ยนสถานที่ไปนั่งทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ มันกลับช่วยให้เธอรู้ว่าควรทำอะไร เธอสามารถตัดสินใจในเรื่องยากได้ดี และหาทางออกได้ง่ายมากขึ้นด้วย

3. เปลี่ยนจุดสนใจ
การเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดทางกาย ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและความทุกข์ทางอารมณ์ได้ หากเกิดความรู้สึกหงุดหงิด โมโหกับเรื่องตรงหน้า ให้หยุดพักทำสิ่งนั้นแล้วหันไปทำอย่างอื่นเลย วิธีนี้ช่วยระงับอารมณ์ได้ดี แถมยังทำให้เรามองเห็นมุมมองที่ต่างไปจากเดิมด้วย 

เธอได้อ้างถึงการศึกษาหนึ่งซึ่งระบุไว้ว่า คนเรามีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดถ้าเจอกับเป้าหมายที่ท้าทายและสามารถสลับเปลี่ยนงานไปมาได้ โดยทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้พวกเขามีแรงบันดาลใจและมีความสามารถต่อการเปลี่ยนมุมมองความสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

4. ตั้งคำถามเพื่อมองหาทางออกใหม่
เมื่อรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กำลังจะล้มเหลว เรามักจะเกิดความรู้สึกเชิงลบที่รุนแรงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความท้อแท้ ความผิดหวังและสิ้นหวัง ให้มองว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เราล้มเลิกความตั้งใจได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกเชิงลบ ให้ลองถอยออกมาหนึ่งก้าวและลองตั้งข้อสงสัยเพื่อมองหาทางเลือกใหม่ๆ ดู

นอกจากนี้อยากให้ลองประเมินปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการกระตุ้นความรู้สึกเชิงลบของตนเอง เช่น ความกระวนกระวายที่เป็นอยู่นั้นเกิดจากอะไรกันแน่ มันเกิดจากความวิตกกังวลหรือเปล่า แล้วความวิตกกังวลนั้นเกิดจากอะไร หรือเกิดขึ้นเพราะคุณอยากทุ่มเทใจกับสิ่งนั้นมากๆ หรือเปล่านะ

5. เปลี่ยนวิธีการรับมือ
บางครั้งเราอาจจะเหนื่อยล้าหรือหงุดหงิดกับงาน แต่ก็ยังต้องอดทนหรือบังคับให้ตัวเองต้องกระตือรือร้นไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากไม่รู้จะจัดการอย่างไร อาจมีสองทางเลือกที่พอช่วยได้ ทางเลือกแรกอาจฟังดูแย่หน่อย คือแกล้งทำเป็นกำลังรู้สึกไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วิธีนี้แค่ช่วยให้เราผ่านมันไปได้ แต่อาจต้องแลกมากับการต้องแบกรับอารมณ์ที่ทำให้เหนื่อยล้ากว่าเดิม

ทางเลือกที่สอง พยายามเปลี่ยนความรู้สึกของคุณเพื่อสัมผัสกับอารมณ์และทัศนคติที่สถานการณ์นั้นต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งมักจะได้ผลในแง่ของการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้แสดงออกอย่างจริงใจ และสร้างความคิดสร้างสรรค์ต่อสถานการณ์ที่พบเจอมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ดร.พริงเกิลเคยกล่าวไว้ในหนังสือของเธอว่า “ความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องของการตัดสินใจซ้ำๆ ไม่ใช่พรสวรรค์ที่มาจากธรรมชาติ” ดังนั้นอย่าเกรงกลัวว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ขอเพียงแค่คุณมีทักษะการควบคุมอารมณ์ที่ดี คุณก็จะก้าวผ่านมันไปได้นั่นเอง

และไม่แน่นะ เป้าหมายที่คุณตั้งใจไว้อาจเกิดผลสำเร็จในสักวันหนึ่งก็ได้

อ้างอิง:

  • Yale psychologist: The No.1 skill that the most creative and successful people have—‘it’s their superpower’ https://shorturl.asia/SsuXa