2 Min

วิธีรับมือกับ ‘ภาระทางอารมณ์’ จะทำอย่างไรเมื่อรู้สึกติดค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

2 Min
3580 Views
28 Feb 2022

ไม่ว่าใครก็เคยประสบกับเรื่องราวเลวร้ายในอดีตกันมาทั้งนั้น ถึงแม้เวลาจะช่วยเยียวยาให้บาดแผลและความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังคงมีร่องรอยที่ติดค้างอยู่ในใจของเราบ้างไม่มากก็น้อย 

พอยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเจอเรื่องราวมากมาย จนบางทีสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจก็อาจสะสมจนกลายเป็นความรู้สึกหนักอึ้งภายในใจที่สลัดออกไปไม่ได้สักที 

ความรู้สึกติดค้างที่สะสมอยู่ในใจเหล่านี้เรียกว่าภาระทางอารมณ์’ (Emotional baggage) เป็นสัมภาระทางใจที่ติดตัวเราไปทุกที่ การที่เรารู้สึกติดค้างกับอารมณ์และประสบการณ์แย่ๆ ในอดีต มันเหมือนกับเวลาที่เราแบกเป้แห่งความรู้สึกไว้บนบ่า ยิ่งใส่เรื่องราวไปมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเจ็บปวดและหนักใจมากขึ้นเท่านั้น 

ความรู้สึกติดค้างนั้นถูกซ่อนอยู่ในความทรงจำระดับจิตใต้สำนึกซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับระบบลิมบิกในสมอง (Limbic structures) เมื่อเหตุการณ์บางอย่างไปกระตุ้นความรู้สึกนั้น สมองก็พร้อมฉายภาพเดิมซ้ำขึ้นมาในหัว 

ซึ่งภาระทางอารมณ์ส่งผลต่อการแสดงออกของเราหลายอย่าง เช่น ทัศนคติที่มีต่อตนเอง  กระบวนการคิดและรับมือกับปัญหา รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง นอกจากนี้ ยังทำให้ร่างกายของเราตึงเครียดหรือเจ็บป่วยขึ้นมาได้จริงๆ 

เราจึงอยากแนะนำ 3 วิธีปลดปล่อยภาระทางอารมณ์ที่ติดค้างอยู่ในใจที่จะช่วยให้ความหนักอึ้งนั้นเบาลง

     1. เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

ความรู้สึกติดค้างในใจนั้นสามารถย่อยหรือค่อยๆ หายไปได้หากเราเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือทางจิตวิทยาเข้ามาช่วย เช่น การเปรียบเทียบความรู้สึกตัวเองกับรูปแบบความคิดที่บิดเบือน 12 รูปแบบ (Cognitive distortion) หรือการแยกความรู้สึกออกมาเป็นประเภทต่างๆ หากเรารู้ว่าสภาพจิตใจของเราตอนนี้อยู่ตรงไหน เราก็จะสามารถแก้มันได้ถูกจุดและปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างถูกวิธี 

     2. ค้นหาด้านมืดของจิตใจ (Shadow work)

หลายคนอาจไม่เคยได้ยินวิธีนี้มาก่อน Shadow work คือเทคนิคที่นักจิตวิทยาเชื่อว่ามันสามารถรักษาบาดแผลในอดีตของเราได้ ซึ่งหนึ่งวิธีค้นหาด้านมืดนั้นคือการทดลองสิ่งที่เรามีปมเช่น ตอนเด็กๆ เราโดนห้ามไม่ให้ร้องไห้ เราก็ลองปล่อยให้ตัวเองร้องไห้หนักๆ สักครั้งดู ให้ตัวเองได้ลองปลดปล่อยสิ่งที่ไม่เคยทำออกมาให้หมด อารมณ์ที่ติดค้างอยู่ก็อาจจะดีขึ้นได้

     3. ฝึกอยู่นิ่งๆ 

คุณอ่านไม่ผิดหรอก เราแนะนำให้คุณไม่ต้องทำอะไรจริงๆ การปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉยๆ บ้างได้ประโยชน์มากกว่าที่คิดเพราะมันคล้ายกับการชำระล้างจิตใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน ลองนั่งนิ่งๆ ให้สมองปลอดโปร่งและปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยๆ จะช่วยให้จิตใจเราสงบลง ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องราวแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตอีก

 ทั้งนี้ 3 วิธีที่เรานำมาแนะนำเป็นเพียงวิธีปลดปล่อยอารมณ์เบื้องต้นเท่านั้น การก้าวข้ามเรื่องราวที่ติดค้างในอดีตจะยากหรือง่ายนั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนว่าเจออะไรมาบ้าง ถ้าคุณรับมือกับภาระทางอารมณ์เหล่านี้ด้วยตนเองไม่ไหว ก็ลองไปพูดคุยและบำบัดกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงได้ 

การบำบัดอาจฟังดูเหมือนว่ากำลังป่วยแต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่เกี่ยวกัน คนที่ชีวิตมีความสุขดีก็สามารถบำบัดเพิ่มความสุขได้เช่นกัน ฉะนั้น หากรู้สึกว่ามันแย่มากจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราเอาชนะความรู้สึกที่ติดค้างได้

อ้างอิง

  • Healthline. How to Release ‘Emotional Baggage’ and the Tension That Goes with It. https://bit.ly/3rUX102