เมื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คำถามที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือจะทำยังไงให้ผู้สูงอายุหรือ ‘คนแก่’ มีสุขภาพชีวิตที่ดีในตอนบั้นปลาย เพราะนั่นนอกจากจะดีต่อตัวคนแก่เอง ก็ยังดีต่อรัฐด้วย เพราะว่ากันตรงๆ ถ้ารัฐต้องแบกรับภาระคนแก่ที่เจ็บป่วยจำนวนมากๆ ถึงจุดหนึ่งรัฐก็ย่อมรับภาระไม่ไหว
ทีนี้เขาก็ดูสารพัดเรื่องว่าอะไรจะทำให้คนแก่ ‘สุขภาพดี’ ซึ่งก็แน่นอน อาหารการกินก็เป็นส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างจะถือกันอย่างสากลว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมอายุ กล่าวคือมันทำให้ ‘ตายช้า’ ซึ่งอาหารการกินอะไรพวกนี้บางทีเขาก็จะไปสังเกตของคนแก่ในภูมิภาคที่อายุยืนกันมากๆ เช่น อิตาลีหรือญี่ปุ่น
ในทางวิทยาศาสตร์มันค่อนข้างชัดแล้วว่ากินหรือเลี่ยงไม่กินอะไรจะทำให้ ‘อายุยืน’ เพราะสถิติที่เก็บมาจำนวนมากก็บอกแบบนั้นซ้ำๆ แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็ค้นพบอยู่เรื่อยๆ ว่าสิ่งที่ทำให้ ‘อายุยืน’ นั้นไม่ได้ทำให้ ‘สุขภาพดี’ เสมอไป เพราะในบรรดาชนชาติที่คนอายุเยอะๆ คนอายุเยอะกันไปหมดก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสุขภาพดีทุกคน กล่าวคือแม้ไม่ได้ล้มตาย แต่ก็ไม่ได้เดินเหินกันสะดวกนัก
เขาเลยไปหาต่อว่า แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้คนแก่มีสุขภาพที่ดี?
และงานวิจัยล่าสุดของญี่ปุ่นชี้ชัดเลยว่าการเลี้ยงหมาปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้คนแก่มีสุขภาพดี (พูดในทางเทคนิคก็คือไม่มี ‘ภาวะเปราะบาง’ (frailty) หรือภาวะที่อ่อนแอและป่วยกระเสาะกระแสะแบบคนแก่) โดยการวิจัยนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างหลักหมื่นคน ที่น่าสนใจเขาพบชัดๆ เลยว่า การเลี้ยงหมาทำให้คนแก่มีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่เลี้ยงหมาจริงๆ ซึ่งประเด็นก็คือ เขาไม่พบว่าคนแก่ที่ไม่เลี้ยงสัตว์เลย หรือคนแก่ที่เลี้ยงแมว ล้วนมีภาวะทางสุขภาพที่ไม่ได้ต่างกัน และคนแก่สองกลุ่มนี้มีสุขภาพแย่กว่าคนเลี้ยงหมาทั้งคู่
คำถามคือทำไม?
เราอาจเคยได้ยินกันว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นสิ่งที่ช่วยชุบชูจิตใจ ทำให้มีกำลังใจในการมีชีวิต แต่ในความเป็นจริง พวกงานวิจัยก็ค่อนข้างจะชี้ชัดว่าไม่ใช่เลี้ยงตัวอะไรก็ได้แล้วจะทำให้สุขภาพดีเหมือนกันหมด แต่จริงๆ แล้ว โดยทั่วไปมีแต่หมาและหมาเท่านั้นที่เลี้ยงแล้วจะสุขภาพดี ส่วนสัตว์เลี้ยงมหาชนอีกชนิดของมนุษยชาติอย่างแมวกลับไม่ได้ส่งผลทางสุขภาพต่อคนเลี้ยงในทำนองเดียวกัน
คำอธิบายเบื้องต้นมีอยู่ว่าการเลี้ยงหมา ไม่ว่าจะหมาเล็กหรือใหญ่ โดยพื้นฐานแล้วมันเรียกร้องใช้คนเลี้ยงต้องมีกิจกรรมทางกายภาพเยอะมากทุกวัน เพราะถ้าไม่นับการต้องก้มๆ เงยๆ เก็บอึเก็บฉี่ของหมาแล้ว สิ่งที่หมาเรียกร้องก็คือการ ‘เล่น’ หรืออย่างน้อยๆ ก็คือการ ‘พาไปเดิน’ ซึ่งในหลายๆ ประเทศเขามีกฎหมายกำกับด้วยซ้ำว่าถ้าคุณเลี้ยงหมา แต่คุณไม่พาหมาออกมาเดินเลย มันผิดกฎหมาย เพราะคุณเลี้ยงหมาแบบผิดธรรมชาติ
การเลี้ยงหมานั้นทำให้คนเลี้ยงหมาต้อง ‘ออกเดิน’ วันละประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเป็นกิจวัตร แม้ว่าเราอาจจะมองว่ากิจกรรมแบบนี้ดูไม่เยอะ แต่ถ้านึกสภาพของคนแก่ที่วันๆ อยู่แต่บ้าน เราคงจะเริ่มเห็นภาพว่า คนแก่ที่เลี้ยงหมา มันจะถูกบังคับกลายๆ ให้ออกไปเดิน ‘ออกกำลังกาย’ เป็นกิจวัตรอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวันทุกวัน ซึ่งคนแก่ที่ไม่เลี้ยงหมา ไม่เลี้ยงสัตว์เลยหรือเลี้ยงแมว มักจะไม่ต้องมี ‘กิจวัตรประจำวัน’ แบบนี้ พวกเขาก็เลย ‘ออกกำลังกายน้อยกว่า’ และมีสุขภาพแย่กว่านี่เอง
ถ้าการต้อง Work from Home ช่วงโควิดสอนอะไรเรา หลายคนคงจะรู้ว่าสภาพร่างกายตัวเองย่ำแย่ลงมากๆ เพราะไม่ได้ออกไปไหน แล้วลองนึกสภาพของคนแก่ที่อยู่แต่บ้านดูว่ามันจะทำให้ร่างกายแย่ขนาดไหน
และในแง่นี้เอง การเลี้ยงหมามันก็เลยบังคับให้คนเลี้ยงต้อง ‘ออกกำลังกาย’ ทุกวัน และส่งผลให้กลายเป็นคนที่มีสุขภาพดีตามมาถ้าเทียบกับคนที่ไม่เลี้ยงในภาพรวม
ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนไม่ได้เลี้ยงหมาจะสุขภาพไม่ดี ประเด็นก็คือคุณอาจต้องจัดเวลาออกกำลังกายเป็นพิเศษเพื่อรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ ในขณะที่สำหรับคนเลี้ยงหมา แค่การทำกิจวัตรประจำวันร่วมกับหมาก็เพียงพอแล้วในการรักษาสุขภาพให้ดีในยามแก่เฒ่า
อ้างอิง
- IFLS. Lower Risk Of Disability For Older Dog Owners In Japan, Study Suggests. https://bit.ly/3CmWis7