สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเราในหลากหลายด้าน ทั้งในเรื่องการทำงาน การเข้าสังคม และอาจรวมถึง ‘การกินข้าว’ ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในไทยเองยังไม่ได้ตัวเลขออกมายืนยันชัดว่า หลังจากช่วงเวลานี้ไป ‘ผู้คนจะทานอาหารคนเดียวมากขึ้น’ แต่ที่ผ่านก็น่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเราใช้เวลาไปกับการกินข้าวคนเดียวมากขึ้น อย่าง สำหรับมนุษย์คอนโดฯ ที่มื้อกลางวันหรือมื้อเย็นมักจะไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน แต่การกักตัวอยู่บ้าน ทำให้ทุกมื้อกลายเป็นมื้อคนเดียวไปเสียอย่างนั้น
ถ้ามองผิวเผินการกินข้าวคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับ เพราะมันเป็นกิจกรรมที่สามารถทำเป็นหมู่คณะ และก็สามารถทำแยกเดี่ยวได้อยู่แล้ว แต่ทำไม หลายครั้งพวกเราเองถึงมีการตั้งคำถามกับการกินข้าวคนเดียว มันดูเหงา? มันดูโดดเดี่ยว? มันดูแปลกแยก? ไม่ว่าคุณจะมีความคิดแบบนี้หรือไม่ แต่ก็น่าจะเคยได้ยินหรือคุ้นชินกับชุดความคิดประมาณนี้อยู่บ้าง
ถ้าเราสังเกตกันอีกนิดเราจะพบเลยว่า มักจะเกิดขึ้นเวลาเราเข้าไปกินร้านอาหารที่เป็นกิจจะลักษณะ เป็นร้านอาหารที่ครอบครัวไปทาน เป็นร้านอาหารที่เป็นที่นิยมทานแบบเพื่อนฝูง อย่างร้านหมูกระทะ ร้านชาบู หรือกิจกรรมตอนกลางคืน อย่างการนั่งดื่ม เป็นต้น
การเข้าไปทานร้านอาหารเหล่านี้เพียงคนเดียว อาจจะผิดธรรมชาติ (ที่ใครกำหนดมาก็ไม่ทราบแน่) ของร้านอาหารประเภทนั้นอยู่บ้าง แต่เอาจริงมันไม่ได้ผิดประเด็นอื่นอะไรเลยครับ ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครว่าอะไรเลย แถมทางร้านเองก็น่าจะยินดีเสียด้วยซ้ำ เพราะคงไม่มีใครรู้สึกแปลกแยกอะไร หากต้องนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ห้องของตัวเองใช่ไหมล่ะ?
แต่ที่เรารู้สึกไม่ดี มันอาจจะมาจากเรื่องของ Spotlight Effect มันเป็นเหมือนสภาวะที่เรามักจะรู้สึกจับผิดตัวเองมากกว่า ที่คนอื่นมองเข้ามาเห็น อย่าง คุณเดินหกล้มกลางฟุธบาต คนอาจจะรู้สึกว่าทุกคนต้องมองเห็นกันหมด แต่เอาเข้าจริงแล้ว แทบจะไม่มีใครมองเห็นหรือสนใจคุณเลยด้วยซ้ำ ถึงเห็นจริง เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมาก เพราะเขาไม่ได้รู้จัก และมันก็เป็นความผิดพลาดปกติของมนุษย์อยู่แล้ว
โดยถ้าย้อนกลับไปในปี 2015 ครับ มีงานศึกษาวิจัยที่ช่วยยืนยันว่า ‘การจองโต๊ะสำหรับคนเดียว’ มีอัตราสูงขึ้นมากถึง 62% หากเทียบกับ 2 ปีก่อนหน้านั้น ในอดีตมีบทความหลายบทความที่พูดถึงประโยชน์ของการกินข้าวเป็นหมู่คณะ ที่ส่วนมากมันมักจะส่งผลในเชิงจิตใจเป็นหลัก
แต่ในวันที่โลกมีความเป็นปัจเจกมากขึ้น การกินข้าวคนเดียวอาจเป็นเรื่องธรรมดา และน่าเหมาะกว่าสำหรับบางสถานการณ์เสียด้วยซ้ำ Kate Bratskeir ได้นำเสนอเนื้อหาไว้ใน Huffpost ซึ่งน่าจะทำให้เราพอเข้าใจประโยชน์ของการรับประทานอาหารคนเดียวอยู่หลากหลายปัจจัย
คนเดียวไม่ได้แปลว่าโดดเดี่ยวเสมอไป : ถึงแม้ว่าในอดีตคนอาจมองว่าการกินข้าวคนเดียวเป็นคนเหงาเป็นคนโดดเดี่ยว แต่ความจริงไม่ใช่เลยครับ การได้อยู่คนเดียวในสังคมที่วุ่นวายบ้าง อาจจะได้เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ได้ทบทวนเรื่องราวในแต่ละวัน และก็สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
ไม่ต้องนั่งคุยชิทแชทให้น่าเบื่อ: ตามนั้นเลยครับ สำหรับบางเหตุการณ์ การไปทานข้าวกับคนที่เราไม่สนิท เราก็ไม่รู้จะคุยอะไร แต่ถ้าจะปล่อยให้เกิดเดดแอร์ไปเสียเปล่า ๆ ก็จะยิ่งอัดอัดเข้าไปอีก แต่พยายามหาเรื่องมาถามไถ่ ทั้งที่สองฝ่ายอาจจะไม่ได้อยากจะคุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำ
อยากกินอะไรก็กิน: จะน้อย จะเยอะ จะกุ้ง จะหมู เราสั่งได้เต็มที่ในแบบของเรา ไม่ต้องห่วงว่าใครไม่ทานอะไร ใครทานอะไร มันจะมีอะไรดีไปกว่าการได้เป็นตัวเองที่สุดในมื้ออาหารแล้วล่ะครับ
จริง ๆ แล้ว ไม่ได้แค่เรื่องของการทานอาหาร แต่กิจกรรมคนเดียว เป็นที่นิยมกันมากขึ้น การกินข้าวคนเดียว การดูหนังคนเดียว นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับยุคสมัยใหม่ แล้วก็มีธุรกิจมากมายออกมาพร้อมรับ ณ จุดนี้ แล้วคุณคิดอย่างไรครับกับประเด็นนี้มาร่วมแชร์กันดีกว่า!
อ้างอิง: