3 Min

ดราม่าทรงผมนักเรียน วนกลับมาทุกครั้งที่เปิดเทอม เมื่อบางโรงเรียนยังยึดกฎสมัยจอมพลถนอม

3 Min
1082 Views
17 May 2022

เมื่อโรงเรียนกำลังจะกลับมาเปิดเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังหยุดไปนานด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประเด็นทรงผมและเครื่องแต่งกายทั้งนักเรียนวัยประถมและมัธยมก็กลับมาฉายซ้ำ ดราม่านักเรียนครูโรงเรียน มีข้อถกเถียงโต้แย้งกันเกิดขึ้นแทบทุกภาคของประเทศ

ที่พัทลุงครูโรงเรียนแห่งหนึ่งออกประกาศผ่านทางเฟซบุ๊คของโรงเรียนให้นักเรียนตัดผมสั้นตามกฎข้อบังคับเดิมของกระทรวงศึกษาธิการที่ยึดถือกันมานานหลายทศวรรษ

ที่นครศรีธรรมราช ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งบังคับให้นักเรียนยึดกฎกระทรวงเดิม โดยให้เหตุผลว่าทำตามไม่ได้ก็ให้ย้ายออกไปแน่นอนว่าดราม่าสิ

นี่แค่เพียงจุดยืนของโรงเรียนต่อกฎระเบียบทรงผมก่อนเปิดเทอมเชื่อว่าหากถึงวันเปิดเทอมจริงๆช่วงกลางเดือนนี้ภาพคุณครูใช้กรรไกรจับนักเรียนเรียงแถวหั่นผมยาวก็อาจย้อนกลับมาอีกรอบเหมือนที่เกิดขึ้นทุกๆปี

ขณะที่อีกด้าน ภาพของนักเรียนชายหญิงใบหน้ายิ้มแป้น พร้อมข้อความพาดหัวข่าวว่าสุดปัง! มัธยมวัดธาตุทอง ให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ตามความเหมาะสม ให้เข้ากับหน้าตาก็ว่อนไปทั่วโลกโซเชียลเมื่อเพจเฟซบุ๊คทางการของโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองประกาศให้นักเรียนไว้ทรงผมได้อย่างเสรีเพียงแต่ต้องจัดทรงให้เรียบร้อย

แต่ก็มีคำถามจากชาวหัวอนุรักษนิยมที่เข้าไปสอบถามว่าความเหมาะสมของใคร?” ทางผู้ดูแลเพจของโรงเรียนจึงมาตอบว่าความเหมาะสมของนักเรียนที่เขาได้เลือกทรงผมให้เข้ากับหน้าตาตนเองค่ะจนได้รับเสียงปรบมือทิพย์ในโซเชียลทันที

โลกที่แสนจะย้อนแย้งนี้สร้างความสับสนให้กับสังคมไทยอีกว่าตกลงเรื่องนี้ที่ถูกต้องคืออะไรฝ่ายไหนใครเกรียนครูทำไม่ถูกต้องหรือนักเรียนบ้าเสรีภาพไม่ยึดกติกา

เรื่องนี้ต้องย้อนให้ฟังว่า กฎระเบียบว่าด้วยทรงผมของนักเรียนก่อนหน้านี้ มี 2 ฉบับที่เคยบังคับใช้

  1. กฎกระทรวง (ศึกษาธิการ) ฉบับที่ 1 (.. 2515) ที่ออกตามความในคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.. 2515 ซึ่งกำหนดให้นักเรียนชายต้องตัดผมเกรียนติดหนังศีรษะ ส่วนนักเรียนหญิงต้องตัดผมสั้นเสมอติ่งหูของตนเอง มีข้อความต่อท้ายว่า หากทางโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้น ก็ต้องให้รวบผมให้เรียบร้อย (แน่นอนว่า ข้อความนี้ไม่มีใครสนใจ)
  2. ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงบางส่วน จึงเป็นกฎกระทรวง (ศึกษาธิการ) ฉบับที่ 2 (.. 2518) ยกเลิกข้อกำหนดที่ว่าให้นักเรียนชายไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะตัดเกรียนชิดผิวหนัง กำหนดแต่เพียงว่าห้ามนักเรียนชายไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผม แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องทรงผมของนักเรียนหญิง

อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวง (ศึกษาธิการ) ฉบับที่ 1 ที่ระบุว่าต้องเกรียนติดหนังศีรษะและสั้นเสมอติ่งหูเป็นกฎที่โรงเรียนและครูทั้งประเทศยึดถือมากกว่า

ต่อมาในปี 2546 มีการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.. 2546 จึงยกเลิกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 แต่กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (.. 2518) ดังกล่าว ยังคงใช้บังคับต่อไป

ที่ผ่านมาจึงมีการต่อสู้เพื่อปลดแอกทรงผมนักเรียนมาอย่างต่อเนื่อง และปี 2556 สมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี และพงศ์เทพ เทพกาญจนาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีการออกหนังสือเวียนเพื่อเป็นการแจ้งและซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องทรงผมของนักเรียน เพื่อให้โรงเรียนต่างๆ ปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน กล่าวคือ ให้ยึดกฎกระทรวง (ศึกษาธิการ) ฉบับที่ 2 (.. 2518) ที่ให้นักเรียนชายสามารถไว้ผมรองทรงได้ ไม่ต้องผมเกรียนเสมอไป และการไว้ผมของนักเรียนหญิงให้เป็นไปตามระเบียบของแต่ละโรงเรียนกำหนด แต่ให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ทันได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ก็ถูก คสช. ยึดอำนาจไปเสียก่อน

หลังรัฐประหาร ในปี 2557 และประกาศนโยบายค่านิยม 12 ประการให้นักเรียนท่องจำ ซึ่งถูกใจบรรดาคุณครูรุ่นเก่าจำนวนมาก และพัฒนาการของสื่อโซเชียลทำให้ภาพของการจับนักเรียนกล้อนผมโผล่ออกมาทุกๆ เทอม สร้างแรงต่อต้านจากนักเรียนอยู่เป็นระยะ เกิดกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้ และจัดนิทรรศการเชิงสัญลักษณ์การศึกษาฆ่าฉันที่บริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

หลังเลือกตั้ง 2562 จึงก่อเกิดกลุ่มนักเรียนเลวที่เคลื่อนไหวเพื่อปลดแอกอำนาจนิยมในรั้วโรงเรียน มีการรวมกลุ่มไปพบและกดดันให้ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ในขณะนั้น) ให้แก้ปัญหา จนกระทั่งรัฐมนตรี ศธ. ต้องรับฟังและออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.. 2563 ใหม่ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความชัดเจน

สาระสำคัญคือข้อ 4 ที่ระบุว่า นักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย ส่วนนักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย แต่ต้องไม่ดัดผม ย้อมสีผม หรือไว้หนวดเครา

คำถามคือ ในเมื่อกระทรวงฯ มีระเบียบใหม่ชัดเจนขนาดนี้ แต่ทำไมหลายโรงเรียนยังยึดกฎสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมปรับตัวและเคารพกติกาปัจจุบัน ทั้งที่ข้ออ้างเรื่องผมยาวทำให้เรียนไม่สะดวก รากผมดูดสารอาหารทำให้ไม่ฉลาด ก็ไม่จริง งานวิจัยสมัยใหม่ก็หักล้างไปหมดแล้ว เหลือข้อเดียวคือ ไม่เรียบร้อยในสายตาครูนั่นเอง

ฉะนั้นที่ดราม่ากันอยู่นี่ ก็คงมองออกแล้วว่าใครที่เป็นฝ่ายเกรียน

อ้างอิง

  • นักเรียนเลว: ณัฏฐพลรับมอบนกหวีดหลังจบดีเบตปมคุกคามนักเรียน. https://bbc.in/3Mcga5s
  • Matichon. ‘สุภัทรย้ำ ศธ.อนุญาตนักเรียนไว้ผมยาวได้ ยึดหลักบุคลิกภาพที่ดี การมีส่วนร่วม. https://bit.ly/3PjEbJx
  • 101. ระเบียบใหม่เรื่องทรงผมนักเรียนได้เรื่องจริงหรือ? https://bit.ly/3llzzFj
  • OBEC. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.. 2563. https://bit.ly/37GjYgc