3 Min

ใจลอยระหว่างทำงาน? นั่นเพราะสมองคุณไม่เชื่อว่างานนั้นสำคัญ โชคดีที่พอมีวิธีแก้

3 Min
1847 Views
01 Jun 2022

เอ๊ะ เมื่อกี๊จะทำงานอะไรนะ?

ทำงานอยู่ดีๆ เอ๊ะ ทำไมไปคิดถึงสิ่งอื่นได้ล่ะ 

บางครั้งที่เริ่มทำงาน จะพบว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง จิตใจของของเรามักล่องลอยไปก่อนที่จะทำงานจริงให้เสร็จได้ บางทีอาการแบบนี้ ก็อาจทำให้เรารู้สึกเหมือนอาการภาพตัดแบบสตีหวีจาก Moon Knight ได้เหมือนกันนะเนี่ย เพราะรู้ตัวอีกทีตัวเองก็ลืมไปแล้วว่าจะต้องทำงานตรงหน้า หรือลืมเรื่องที่ต้องทำไปแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่ยังนึกถึงอยู่เลย กลายเป็นเราไปคิดเรื่องอื่นแทนซะงั้น

โชคดีที่เรื่องนี้มีคำอธิบายให้เข้าใจว่าทำไมจิตใจของเราจึงล่องลอยออกไปในระหว่างทำงาน และยังมีวิธีที่ช่วยจัดการกับความฟุ้งซ่านของเรา แต่ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจที่มาของปัญหากันก่อน ว่าทำไมจิตใจของเราจึงล่องลอยออกไป

เพราะสมองไม่เชื่อว่างานนี้สำคัญ

จิตล่องลอยโดยไม่ได้ตั้งใจ เกิดขึ้นเมื่อความคิดของเราไม่ผูกติดอยู่กับงานที่ทำอยู่ นักวิจัยเชื่อว่าเป็นเพราะจิตใจและสมองของเราตัดสินว่างานที่เราควรจะทำนั้นไม่คุ้มค่า หรือสำคัญเพียงพอ ดังนั้นสมองของเราจึงหลุดความสนใจจากงานหลัก และมุ่งให้ความสนใจกับความคิด ภาพภายในหัว หรือมองหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า และเรียกภาวะเหล่านี้ว่า Mind-wandering

อาการใจลอยใครๆ ก็เป็นได้ในบางเวลา แต่สำหรับบางคน ปัญหาด้านการโฟกัสถือเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเมื่อมันกลายเป็นโรคหรืออาการเรื้อรัง มีงานศึกษาที่คาดการณ์ไว้ว่า บนโลกนี้มีประชากรผู้ใหญ่จำนวนน้อยกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นโรคสมาธิสั้นแล้วประสบกับปัญหาใจลอยเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัญหาร้ายแรงและต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ

อาการใจลอยอาจเป็นอุปสรรคสำหรับคนวัยทำงานหลายคนที่จำเป็นต้องจดจ่อกับงานสำคัญที่ต้องเร่งส่ง เนื่องจากบางช่วงเผลอ บางคนอาจเผลอหลุดความตั้งใจในการทำงานแล้วก็ลืมว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรไปยาวๆ เลย พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ นอกจากงานจะเสร็จไม่ทันแล้ว ยังส่งผลให้คุณภาพงานไม่เป็นไปตามมาตรฐานอีกด้วย แต่ใช่ว่าอาการนี้จะหาทางแก้ไม่ได้ ต่อไปนี้คือวิธีแก้อาการใจลอยที่คุณลองทำได้

  1. หาเวลาเพื่อใจลอยโดยเฉพาะ
    ขั้นแรกของการเอาชนะอาการใจลอยคือต้องรู้จักหาเวลาให้ตัวเองได้ใจลอยอย่างเต็มที่ไปเลย ถ้าพบว่าตัวเองเริ่มใจลอยบ่อยจนไปกระทบกับการทำงาน ลองหันมาจัดตารางเวลาในชีวิตโดยหาเวลาสักนิด ที่เราจะตั้งใจปล่อยความคิดล่องลอยไปอย่างเต็มที่ แล้วคุณอาจพบว่า เวลาเพียงไม่กี่นาทีในหนึ่งวันที่คุณมอบโอกาสให้ตัวเองได้คิดนั้นอาจช่วยแก้ไขปัญหาที่ยังไม่ได้รับการสะสาง วิธีนี้ดีกว่าพยายามไปไล่ปิดกั้นความคิดที่เข้ามา จนเกิดเป็นความคิดวนเวียน และเสี่ยงที่จะฟุ้งซ่านในภายหลัง
  2. เป็นนายความคิด อย่าให้ความคิดเป็นนายเรา
    ถึงแม้อาการใจลอยจะทำให้เราเขวจากการทำงานไปบ้าง แต่จริงๆ มันเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราควรทำคือ อย่าปล่อยให้อาการใจลอยเป็นนายเรา แล้วชักนำเราไปทำอย่างอื่นจนเสียเวลาไปมากมาย เช่น ใจลอยคิดถึงรูปแฟนสุดน่ารักที่เธอโพสต์เมื่อเช้า เลยเผลอไปส่องเฟซบุ๊คแล้วเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีเวลาหายไปแล้วครึ่งชั่วโมงในเวลาที่คุณควรทำงาน อย่างนี้ไม่โอเค

    ถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองกำลังใจลอยคิดไปเรื่องอื่น สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าเผลอไผลให้ความคิดนั้นกลายเป็นการกระทำ และการที่ความคิดลอยเข้ามาในหัวเรานั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ เราควบคุมอาการใจลอยโดยสมบูรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญคือการตอบสนองต่อความคิดใจลอยนั้นด้วยการดึงสติให้กลับมารับผิดชอบงานต่อต่างหาก

    คุณเลือกได้ว่าจะปล่อยความคิดที่ลอยเข้ามาให้มันลอยออกไป หรือจะเลือกปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามความคิดที่ชักนำ แล้วกลายเป็นตัวเองได้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำลงไปจนรู้สึกผิดทีหลัง? 

  3. จดเพื่อจัดระเบียบความคิด
    วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะควบคุมความคิดที่ล่องลอยไปในขณะที่ทำงาน คือจดความคิดที่ไม่อยากจะเสียไปอย่างรวดเร็วลงบนแผ่นกระดาษ เป็นกลวิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ใช้ได้ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเราถึงต้องมีปากกา โพสต์อิท หรือสมุดจด เป็นอุปกรณ์ขีดเขียนบนโต๊ะ นั่นเพราะเราไม่รู้ว่าไอเดียดีๆ มันจะมาตอนไหน พอจดแล้วเรื่องที่รบกวนจิตใจก็จะหายไป และมีสมาธิกับงานมากขึ้น

อาการใจลอยเป็นเรื่องธรรมดาและน่าหงุดหงิดที่ทำให้เราไม่สามารถจดจ่อกับงานในมือได้ แม้ว่าจะน่าหงุดหงิดเพียงไร แต่ปัญหาก็สามารถจัดการได้หากเรารู้จักวิธีการรับมือกับมัน โดยไม่ต้องหงุดหงิดใจ

อ้างอิง