ระบบดิจิทัลทั้งโลกจะถูกแฮกในข้ามคืน หาก ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ เกิดขึ้นจริง
ปัจจุบันระบบดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาตอนเช้า หลายคนเปิดเช็คข้อความหรือไม่ก็ข่าวสารจากโทรศัพท์มือถือ ไปทำงานก็ตรวจสอบเส้นทางผ่าน Google Maps โอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร หรือแม้กระทั่งการติดต่อสื่อสารข้ามพรมแดนตอนนี้ก็ทำได้ฟรีและรวดเร็วกว่าไม่กี่สิบปีก่อนมาก
แน่นอนว่าระบบดิจิทัลเหล่านี้มี ‘ระบบความปลอดภัย’ เพราะถ้าไม่มี เราคงไม่กล้าใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าออนไลน์ หรือพูดคุยเรื่องส่วนตัวผ่านทางวิดีโอคอลได้อย่างสบายใจ เพราะระบบความปลอดภัยที่ว่านี้เข้ารหัสลับอย่างดีด้วยสูตรคณิตศาสตร์ สูตรคณิตศาสตร์จะทำหน้าที่เหมือน “แม่กุญแจ” ถ้าไม่มีลูกกุญแจ ไขยังไงก็ไขไม่ออก ซึ่งแม่กุญแจเชิงคณิตศาสตร์นี้ เป็นที่ทราบกันว่าคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ถ้าจะถอดรหัสต้องใช้เวลาหลายพันปี ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าข้อมูลของเราเหล่านี้ “ปลอดภัย”
แต่หากวันหนึ่งข้างหน้า ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ สถานะความปลอดภัยที่ว่านี้ จะกลายเป็นศูนย์ทันที
1. ตุลาคม ปี 2019 ที่ผ่านมา Google ออกมาประกาศว่า พวกเขาได้สร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) ที่เร็วกว่าคอมปัจจุบันนับหมื่นเท่า สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะปัญหาหนึ่ง ถึงแม้จะมีความเสถียรต่ำ และไม่สามารถแฮกระบบดิจิทัลได้ เวลาต่อมาทั่วโลกก็รู้จักแถลงการณ์ฉบับนั้นในชื่อ ‘Quantum Supremacy’
Quantum Supremacy | MIT Technology Review
จากนั้นในเดือนธันวาคม ปี 2020 ศูนย์วิจัยในเมืองจิ่วจาง (Jiuzhang) ประเทศจีน ได้ออกมาประกาศสดๆ ร้อนๆ ถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถพิสูจน์ Quantum Supremacy ได้อีกเครื่องของโลก แถมครั้งนี้ยังทำลายสถิติควอนตัมคอมพิวเตอร์ของ Google ได้อีกด้วย
โดยควอนตัมคอมพิวเตอร์ของศูนย์วิจัยเมืองจิ่วจางนั้นเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดบนโลก (สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะอย่าง) ถึง 2.5 พันล้านเท่า
ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในศูนย์วิจัยเมืองจิ่วจาง | Future Timeline
2.
‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ ต่างจาก ‘คอมพิวเตอร์’ ที่เราใช้กันอยู่อย่างไร?
อธิบายง่ายๆ คือ ต่างกันตรงที่ ‘ระบบ’ ในการคำนวณ ระบบคอมพิวเตอร์ปัจจุบันจะใช้ 0 และ 1 ในการเก็บข้อมูล เก็บทีละหน่วย แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ข้อมูลนั้นจะมีความเป็นไปได้ทั้ง 0 และ 1 โดยเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันแบบทวีคูณ
การทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบันเทียบกับควอนตัวคอมพิวเตอร์ | Volkwagens AG
และด้วยคุณสมบัตินี้เอง ควอนตัมคอมพิวเตอร์จึงทำงานเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ที่เรามีอยู่ และสามารถแก้รหัสบัตรเครดิตที่ “ปลอดภัย” ได้ในพริบตา ยิ่งไปกว่านั้น การเข้ารหัสที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารทางไกล ไปจนถึงการเข้ารหัสลับของรัฐบาลหรือองค์กรระหว่างประเทศ ก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
ระบบการเงิน การปกครอง เศรษฐกิจ การสื่อสาร และอื่นๆ ที่เราใช้กันอยู่บนโลกนี้ จะพังทลายราบคาบ
คำถามคือเราสามารถเตรียมการอะไรเพื่อรับมือกับมันได้บ้าง?
3.
การค้นพบควอนตัมฟิสิกส์ได้นำมาซึ่งการเข้ารหัสแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘การเข้ารหัสแบบควอนตัม’ (Quantum Cryptography) การเข้ารหัสแบบใหม่นี้ หากถูกแฮ็กเมื่อไหร่ ข้อมูลจะถูกทำลายทันที อีกทั้งเจ้าของข้อมูลจะรู้ได้ทันทีเมื่อมีการดักฟัง ดังนั้นในโลกควอนตัมคอมพิวเตอร์ เราจะไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนสอดแนม โดนดักฟัง หรือโดนคัดลอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ไปใช้โดยที่เราไม่อนุญาต สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะกฎควอนตัมฟิสิกส์ห้ามเอาไว้ หากนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงกฎแรงโน้มถ่วงที่บังคับให้โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
แน่นอนว่าการสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องนั้น เวลานี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะยังมีเรื่องทางเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญต้องจัดการอีกไม่น้อย เช่น การคัดแยกและการควบคุมอะตอม และค่าต้นทุนเทคโนโลยีที่จะทำได้ ณ ตอนนี้ถือว่าแพงมหาศาล
อย่างไรก็ตาม บริษัททางด้านเทคโนโลยีชั้นนำต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ดีกว่า เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าใครทำสำเร็จ คนนั้นคือคนที่จะครอบครองโลกที่ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล
ไม่นานมานี้ ราวเดือนกันยายน ปี 2020 ยักษ์ใหญ่อย่าง IBM เพิ่งประกาศว่าจะสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลเร็วกว่า Google ถึง 20 เท่า ภายใน 3 ปี หรือปี 2023
4.
หากอนาคตอันใกล้ ควอนตัมคอมพิวเตอร์พัฒนาอย่างเต็มสูบแล้ว โลกของเราจะก้าวเข้าสู่พรมแดนใหม่ โลกที่ระบบดิจิทัลทั้งหมดจะถูกรื้อทิ้ง และแทนที่ด้วยระบบที่ปลอดภัยกว่าและดีกว่าในทุกมิติ
วันนี้ระบบดิจิทัลแทรกซึมอยู่ในแทบทุกอณูของชีวิตมนุษย์ วันใดควอนตัมคอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้แทนระบบคอมพิวเตอร์แบบเก่า ชีวิตของเราทุกคนคงเปลี่ยนแบบพลิกโลกไปอย่างสิ้นเชิง
ทำไมควอนตัมคอมพิวเตอร์ถึงจะเปลี่ยนอนาคตของมนุษย์ | The Asean Post