รู้ไหม ดิน คือ “ของกิน” ของคนจนมาแต่โบราณกาล

2 Min
2727 Views
09 Aug 2020

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตก็ต้อง “กินข้าว”

ซึ่งอาหารการกินของมนุษย์ทุกวันนี้ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพราะถูกหล่อหลอมมาด้วย “วัฒนธรรม” ในแต่ละท้องที่

ดังนั้น มนุษย์ในแต่ละสังคมจึงมีมุมมองต่อของอร่อยและไม่อร่อยที่แตกต่างกัน

ในแง่นี้มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ “เลือกกิน” ยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตใดในโลก

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนจะ “เลือกกิน” ได้ทั้งหมด

คนที่มีฐานะดีอาจจะ “เลือกกิน” ได้มากหน่อย เช่น นั่งไถแอปสั่งอาหารผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ “ไม่รู้จะกินอะไร”

ส่วนคนที่ฐานะไม่ดี ทางเลือกก็อาจจะมีแค่กินข้าวคลุกกับน้ำพริกน้ำปลา

แต่รู้หรือไม่ว่า มนุษย์ผู้ยากจนข้นแค้นในสังคมโบราณ มีอาหารการกินที่แย่กว่านั้นเยอะ นั่นคือ “กินดิน”

กินดิน | baterk.com

การกินดิน หรือที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่า Geophagy มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ยาวนาน

เบื้องแรก บันทึกและหลักฐานทางโบราณคดีระบุชัดเจนว่า สัตว์ตระกูลวานรไปจนถึงบรรพบุรุษของมนุษย์นั้นมีการ “กินดิน” กัน

Geophagy | wikipedia.org

ดังนั้นการกินดินไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นพฤติกรรมที่สืบต่อมาแต่อดีต

ในสมัยโรมันโบราณก็มีการบันทึกเรื่องการ “กินดิน” เมื่อคนยุโรปเดินทางไปรอบโลกและ “ช็อก” กับวิถีชีวิตแบบแปลกๆ ของคนพื้นเมือง หนึ่งในนั้นคือการกิน “ดิน”

พฤติกรรมดังกล่าวมีให้เห็นตั้งแต่ในชนพื้นเมืองอเมริกาใต้ถึงแอฟริกา เช่น พวกทาสชาวแอฟริกา ที่ถูกส่งไปอเมริกา เวลาไม่มีอะไรกินจริงๆ ก็ “กินดิน” กัน เพราะพวกเขาถือว่าดินเป็นสิ่งที่กินได้ (ถ้าไม่มีอะไรกินจริงๆ)

อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจตั้งข้อสงสัย “กินดิน” เข้าไป ไม่ตายเหรอ?

ก่อนอื่นต้องอธิบายว่า การ “กินดิน” นั้นไม่ได้หมายถึงกินดินอะไรก็ได้ แต่เป็นดินบางประเภทที่คนในท้องถิ่นจะรู้ว่าดินนั้นพอกินได้

ชาวแอฟริกากินดิน | mthai.com

ถ้ามองด้วยแว่นตาวิทยาศาสตร์ การกินดินก็คือการกินแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายโดยตรง โดยไม่ผ่านพืชที่ปลูกในดินนั้น

และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลให้คนในอดีต “กินดิน” และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ภูมิปัญญาพื้นบ้านในหลายท้องถิ่นแนะนำให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ “กินดิน” เพราะพวกเธอต้องการแร่ธาตุต่างๆ มากกว่าคนปกติ

อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่ง ดินก็ไม่ได้มีแค่ “ของมีประโยชน์” เท่านั้น แต่ยังมีจุลินทรีย์อันตราย จนถึงปรสิตสารพัด

กินดินของชาวเฮติ | mommybooklet.com

ซึ่งคนที่กินดินก็มักจะกินดิบๆ ไม่ได้ปรุงสุก ดังนั้นจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคและปรสิต และการกินมากไป อาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารได้

ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่แนะนำให้ “กินดิน” อย่างสิ้นเชิง

กระทั่งปี 2008 การกินดินกลายเป็นประเด็นใหญ่ เมื่อสื่อรายงานว่า คนที่จนมากๆ ในเฮติ กิน “คุกกี้ดิน” ที่ทำจากดินผสมกับน้ำมันพืชและเกลือ แล้วเอามาตากแห้ง และขายกันชิ้นละไม่ถึง 2 บาท

คุกกี้ดิน | postjung.com

คนทั่วไปอาจรู้สึกประหลาดใจ แต่ความจริงแล้ว นี่เป็นพฤติกรรมที่ยังพบได้ในแถบชุมชนยากจนในแอฟริกาตอนใต้ เช่นเดียวกับเฮติ

เรื่องการกินดินของคนจนในเฮติ ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ โลกไม่ได้อยากรู้และใส่ใจ และไม่ได้นำเสนอภาพคนที่ “จนสุดๆ” ในโลก ว่าเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร

แต่หากจะมองในแง่ดี ก็จะเห็นว่าพฤติกรรม “กินดิน” นั้นแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้วในโลก ซึ่งน่าจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า โลกทุกวันนี้ ไม่ว่าใครจะรู้สึกว่ามันแย่ขนาดไหน โลกก็ยังดีกว่าในยุคก่อนๆ อย่างมหาศาล

เพราะ “คนจน” ไม่ต้อง “กินดิน” เป็นปกติอย่างในอดีตอีกแล้ว

ถึงตรงนี้ เราอาจต้องขอบคุณการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรที่เกิดขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในโลกอย่างมหาศาล

แม้การพัฒนาดังกล่าว จะสนับสนุกการปลูกพืชเชิงเดี่ยวแบบ “ใช้สารเคมี” ที่ไม่เป็นธรรมชาติ และทำลายสมดุลธรรมชาติในระยะยาว

แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์ทั่วโลกมีอาหารการกินเพิ่มขึ้นมหาศาล

จนแทบไม่เหลือคนจนที่ยากจนข้นแค้นจนต้อง “กินดิน” ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา

อ้างอิง: