คุยกับ มัลลิกา แก่กล้า แห่ง DEXON ตัวละครลับแห่งโลกอุตสาหกรรม ที่เริ่มต้นในจังหวัดระยอง ก่อนก้าวสู่เวทีระดับโลก
มีไม่บ่อยนักที่ในการสัมภาษณ์ ผู้ให้สัมภาษณ์จะตอบคำถามแรกของเราก่อนที่เราจะเอ่ยถาม เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าคำถามแรกที่หลายคนมักสงสัยคืออะไร
‘มัลลิกา แก่กล้า’ ประธานบริหารของ DEXON คือคนคนนั้น เพราะด้วยงานที่บริษัท DEXON ทำ จากการแนะนำตัวเองว่าเป็น ‘ผู้ให้บริการตรวจสอบที่หลากหลายในอุตสาหกรรม’ นั่นทำให้หลายคนเกิดเครื่องหมายคำถามในหัวตามมา ว่าเอาเข้าจริงรายละเอียดงานที่ DEXON ทำคือแบบไหน แล้วการ ‘ตรวจสอบ’ ที่ว่าคืออะไรกันแน่
“ไม่แปลกเลยที่คนจะสงสัยนะ” มัลลิกาเกริ่นไว้แบบนั้น ก่อนที่เธอจะเล่ารายละเอียดธุรกิจให้เราฟัง ซึ่งจากตรงนั้นเองที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เพราะจากบริษัทที่ตอนแรกเปรียบเหมือนตัวละครลับ พอได้รู้เรื่องราว DEXON กลายเป็นบริษัท ‘ระดับโลก’ ในโลกของอุตสาหกรรมได้แบบไร้คำถาม
บทสนทนาที่ว่าเล่าถึงอะไรบ้าง หลบเข้าไปหลังเวทีและรับฟังพร้อมกันในบรรทัดถัดจากนี้
“ก่อนที่จะเริ่มกัน เราอยากเริ่มอธิบายถึงธุรกิจของ DEXON ก่อนนะ เนื่องจากประสบการณ์แล้ว เวลาเราคุยกับคนอื่นถึงสิ่งที่ DEXON ทำ ด้วยลักษณะธุรกิจของ DEXON ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในแวดวงชีวิตประชาชนทั่วไป ดังนั้นไม่แปลกเลยที่คนจะสงสัย เราเลยคิดว่าเริ่มกันตรงการอธิบายว่า DEXON คือใคร น่าจะดี เพราะน่าจะทำให้เข้าใจและเห็นภาพรวมตั้งต้นมากขึ้น
อธิบายในภาพกว้างก่อน DEXON คือธุรกิจผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมค่ะ และเรายังเป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่ใช้ในการตรวจสอบโรงงานในเชิงโครงสร้างและอุปกรณ์ด้วย โดยในแง่การทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่ให้เราเข้าไปตรวจสอบโรงงานให้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้งานมีสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีส่วนใดที่รวนหรือบกพร่องจนอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
แต่ถ้าอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจง่ายกว่านั้น เราเปรียบเปรยธุรกิจ DEXON ว่าเป็นคุณหมอค่ะ โดยร่างกายที่หมอคนนี้ต้องตรวจและรักษาคืออุปกรณ์และระบบโครงสร้างต่างๆ ในอุตสาหกรรมนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนคนเลย คือในเวลาปกติเราไม่มีทางทราบได้ว่าอวัยวะต่างๆ ภายในยังคงสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการดำเนินชีวิตหรือเปล่า ดังนั้นกรณีเดียวที่จะทราบได้คือต้องไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสภาพร่างกาย โดยคุณหมอจะมีวิธีการหลากหลายเลยในการตรวจสอบดังกล่าว เช่นเดียวกับ DEXON ที่เรามีองค์ความรู้ไว้ตรวจสอบอุตสาหกรรมได้มากมาย ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าต้องการแบบไหน เพื่อทำเป็นรายงานส่งให้ลูกค้านำไปใช้งานต่อ”
ฟังดูเป็นงานที่ต้องแบกความรับผิดชอบยิ่งใหญ่มาก คล้ายกับหมออยู่เหมือนกัน
(นิ่งคิด) “โดยส่วนตัวเราไม่ได้มองว่าเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อะไรนะ แต่เรามองว่างานที่ DEXON ทำ คือการรักษา ‘ความน่าเชื่อถือ’ ในการส่งมอบผลการตรวจสอบและแนะนำเบื้องต้นให้กับลูกค้ามากกว่า
เรามองว่ามันคล้ายกับจรรยาบรรณอาชีพเลยนะ ที่เราต้องทำรายงานให้ออกมาถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างไม่ผิดพลาด รวมถึงบุคลากรที่เราจะส่งออกไปปฏิบัติงาน เราก็ต้องทำการฝึกฝนฝึกอบรมในแง่ของทักษะและองค์ความรู้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้ทั้งหมดย้อนไปตอบโจทย์จรรยาบรรณที่เรายึดถืออย่าง ‘ความน่าเชื่อถือ’ นั่นเอง”
ทำไม DEXON ถึงสามารถเข้าไปตรวจสอบในหลายๆ อุตสาหกรรมได้
“มันเกิดจากหลายอุตสาหกรรมต้องการให้ DEXON เข้าไปตรวจสอบก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้อุปกรณ์ประกอบในการผลิต ดังนั้นสิ่งที่ DEXON เองต้องทำให้ได้คือการตอบโจทย์ในแง่ของการตรวจสอบที่มีหลากหลายประเภท เช่น การตรวจสอบท่อใต้ดิน ไปจนถึงการตรวจสอบท่อใต้ท้องทะเล ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเสนอกับลูกค้าว่าสิ่งที่เขาต้องการ DEXON สามารถออกแบบแผนการตรวจสอบให้เหมาะสมได้จริง”
ในมุมมองของคุณ อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้ DEXON แตกต่างและโดดเด่นออกมาจากอุตสาหกรรมเดียวกัน
“เราคิดว่าคือเรื่องของนวัตกรรมค่ะ
เท้าความกันก่อน ว่าเอาเข้าจริง DEXON เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้บริษัททำแค่การให้บริการตรวจสอบอุปกรณ์ในโรงงานเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อปี 1999 ทางบริษัทได้รับโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายจากประเทศ ตอนนั้นเองที่ DEXON เริ่มสร้างทีมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาเป็นครั้งแรก เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว
แต่ตรงนั้นเองที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทีมวิจัยของเราที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองนี้เอง ที่กลายเป็นกำลังหลักในการตอบโจทย์ลูกค้าที่แตกต่างกันไปนับตั้งแต่นั้น เกิดเป็นนวัตกรรมทางด้านการตรวจสอบตามมามากมาย จนในปัจจุบัน DEXON ถือเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่สามารถพัฒนาเครื่องมือตรวจสอบ ILI (Inline Inspection) ขึ้นมาเองได้
มากไปกว่านั้น ในตอนนี้ DEXON เองกำลังขยายตลาดสู่ต่างประเทศด้วย ผ่านวิธีการคือ ส่งอุปกรณ์ตรวจสอบที่เราพัฒนาไป พร้อมวิศวกรชำนาญการที่พร้อมปฏิบัติงาน โดยปัจจุบันเราส่งออกไปแล้วหลายประเทศ จนเริ่มได้รับการยอมรับในเวทีโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเราไปในที่สุด”
เป็นจุดเด่นที่ดูจะรักษาไว้ยากเหมือนกัน เพราะนวัตกรรมในโลกหมุนไปตลอด
(พยักหน้า) “แน่นอน สำหรับเรา นี่คือเรื่องที่ต้องเป็นไปอยู่แล้ว ว่าถ้าเราเลือกจะทำงานเกี่ยวกับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี องค์กรนั้นต้องห้ามหยุดนิ่ง เพราะโลกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ลูกค้ามีโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทีมวิจัยของเราจึงต้องเดินไปข้างหน้าตลอด แต่เราก็ไม่ได้มองว่านี่เป็นอุปสรรคนะ กลับกันเลย คือเรามองว่าเป็นเรื่องของโอกาสมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นล่าสุดเลยก็ได้ ที่เราเพิ่งมีโครงการกับบริษัทน้ำมันชั้นนำระดับโลกสัญชาติอเมริกัน โดยเขาอยากให้เราร่วมพัฒนานวัติกรรมเพื่อใช้ในการตรวจสอบท่อ ที่จำเป็นต้องมีความละเอียดในการตรวจสอบรอยร้าวขนาด 1 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายเราในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการตรวจสอบ อีกทั้งด้วยมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาที่สูงลิ่ว นั่นทำให้เรายิ่งต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้สมบูรณ์ แม่นยำ และพร้อมมากกว่าเดิม
ซึ่งสุดท้ายทีมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ DEXON ในประเทศไทยก็สามารถทำได้ เป็นอีกหนึ่งงานที่เราภูมิใจมาก ว่าบริษัทที่เริ่มต้นในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง มีศักยภาพพอในการทำงานร่วมกันกับบริษัทชั้นนำระดับโลกได้อย่างไม่เคอะเขิน”
ถึงจะทำงานเชิงนวัตกรรมและการตรวจสอบ แต่ฟังดูแล้วทีมและบุคลากรคือสิ่งสำคัญมากสำหรับบริษัท มีเคล็ดลับอย่างไรที่ทำให้คนทำงานแสดงศักยภาพออกมาได้ขนาดนี้
“เราคิดว่าประเด็นนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะคะ หนึ่งคือ การพัฒนาบุคลากรรายบุคคล และสองคือ การสร้างทีม
เริ่มจากการสร้างทีมกันก่อน เราคิดว่าแนวคิดหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นจุดเด่นของ DEXON คือเรามองว่าบุคลากรที่มีความสามารถนั้นกระจายอยู่ทั่วโลก และบุคลากรไทยก็เก่งไม่แพ้กัน ดังนั้นสิ่งที่เราทำจึงเป็นการสร้างทีมโดยส่วนหนึ่งเป็นการเชิญคนเก่งๆ จากทั่วโลกให้มาร่วมงานกัน โดยที่ระหว่างนั้นเราก็มุ่งหวังให้บุคลากรไทยจะได้เรียนรู้จนมีความรู้และความชำนาญเทียบเท่า เพื่อที่ในระยะยาวเราจะก้าวไปสู่ระดับโลกได้ด้วยทีมงานไทยเอง
ส่วนในแง่ของการพัฒนาบุคลากรรายบุคคล เราก็มีนโยบายในการส่งทีมงานออกไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศอยู่เป็นประจำ เราเตรียมงบประมาณไว้ให้กับส่วนนี้เยอะมาก เพราะ DEXON เชื่ออย่างใจจริงว่าบริษัทขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ นี่คือกุญแจสู่ความสำเร็จที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงเป็นจุดเด่นของบริษัทอยู่เสมอ”
มีแกนความเชื่อหลักที่ทุกคนในทีมยึดถือเหมือนกันไหม
“มันคือทัศนคติว่า ‘Can do’ ค่ะ
เอาเข้าจริงเราว่านี่คืออีกหนึ่งองค์ประกอบหลักเลยนะ ที่ทำให้ DEXON ประสบความสำเร็จได้แบบทุกวันนี้ เราพยายามปลูกฝังให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองสามารถ ‘ทำได้!’ ในทุกสถานการณ์ เพราะด้วยลักษณะธุรกิจแล้ว ลูกค้าจะหยิบยื่นโจทย์ใหม่ๆ หรือโจทย์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้เราตลอด ดังนั้นจึงจำเป็นที่ทีมงานทุกคนต้องมองโจทย์เหล่านั้นว่าคือโอกาสที่ DEXON สามารถคว้าไว้ได้ หรือพูดง่ายๆ ว่างานบังคับให้เราก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนตลอด ดังนั้นเราจึงไม่ควรกลัวในการก้าวออกมานั่นเอง”
ปลูกฝังความเชื่อนี้อย่างไร
“เรื่องนี้เป็นมุมมองส่วนตัวนะ คือเรามองว่าเวลาที่องค์กรอยากปลูกฝังอะไรให้คนในทีม วิธีการที่ง่ายที่สุดเลยคือ ผู้นำองค์กรนั่นแหละ ที่ต้องทำให้ทุกคนเห็น
อย่างในกรณีของ DEXON ผู้บริหารของที่นี่มองทุกงานที่เข้ามาว่าเป็นโอกาสอยู่เสมอ แม้ในบางครั้งจะมีพนักงานบางส่วนที่คิดสวนทาง แต่ถ้าผู้บริหารเลือกที่จะพุ่งไปข้างหน้าจนสามารถทำงานดังกล่าวให้ออกมาสำเร็จได้จริงๆ อะไรเหล่านี้จะค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติของเขาเอง จนวันหนึ่งแนวคิดของทีมก็จะเป็นไปในทางเดียวกัน”
จากที่ฟังมาทั้งหมด งานของ DEXON ดูเป็นงานที่อยู่ ‘เบื้องหลัง’ อยู่เหมือนกัน แล้วกับคนทำงานเองหลังจาก ‘Can do’ จนสำเร็จแล้ว รางวัลของงานที่เติมเต็มจิตใจคือส่วนไหน
(นิ่งคิดและยิ้ม) “รู้ไหมว่าพวกเราไม่เคยรู้สึกไม่ดีเลยนะ ที่คนทั่วไปไม่รู้จัก DEXON ด้วยงานที่เราทำมันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราใส่ใจคือในแทบทุกองค์กรชั้นนำของไทยน่ะ มีเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ด้านอุตสาหกรรมของพวกเขาสมบูรณ์ขึ้นมาได้ นั่นต่างหากคือสิ่งสำคัญ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นจากการตรวจสอบของเรา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราภูมิใจเหมือนกัน
ดังนั้นไม่เป็นไรหรอกที่คนทั่วไปจะไม่รู้จัก DEXON เพราะเราเป็นแค่หน่วยงานเล็กๆ ในภาพรวมใหญ่เท่านั้น แต่ถ้าถามในมุมของบริษัทใหญ่ ตรงนี้ต่างหากที่เราอยากให้พวกเขารู้จักเราค่ะ”
คำถามสุดท้ายครับ ถ้าให้ลองมองย้อนสรุปการทำงานในฐานะผู้บริหารของ DEXON อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้
“พอพูดถึงคำว่าบทเรียน โดยส่วนตัวเราคิดต่อไปถึงคำว่าวิกฤตนะ เพราะในทุกวิกฤตมักให้บทเรียนกับเราเสมอ ดังนั้นจะตอบคำถามนี้โดยการเล่าถึง 2 วิกฤตที่ DEXON ได้เจอก็แล้วกัน
วิกฤตแรกคือ ในปี 2015 ที่ทั่วโลกเผชิญ Oil Crisis ขึ้นมาในประเทศไทย ด้วยความที่ DEXON ให้บริการในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก รายได้หลักขององค์กรจึงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นวิกฤตดังกล่าวจึงกระทบเราแบบเต็มๆ เพราะแต่ละบริษัทก็อยากลดค่าใช้จ่าย สิ่งที่พวกเขาเลือกตัดเลยส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของ DEXON เกิดเป็นวิกฤตในบริษัทเราเช่นกัน
แต่เชื่อไหมว่ากลายเป็นว่าสิ่งที่เป็นวิกฤตในวันนั้น ในเวลาต่อมาไม่นานเลย มันได้กลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ DEXON ได้เติบโตขึ้นมาหนึ่งก้าว คือจากที่เรามุ่งเน้นการตรวจสอบวิศวกรรมแก่อุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นแหล่งรายได้หลัก ช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนโฟกัส มามุ่งเน้นที่หลายภาคส่วนมากกว่าเดิม เกิดเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจไปโดยปริยาย ทำให้ก้าวผ่านวิกฤตมาได้ แถมบริษัทยังมีความยั่งยืนมากขึ้น
ส่วนอีกหนึ่งวิกฤต คือสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง นั่นคือวิกฤตโควิด-19 เพราะด้วยมาตรการการกักตัว มันทำให้บริษัทที่ขับเคลื่อนโดยบุคลากรอย่างเราได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเราเองก็อยากโอบอุ้มพนักงานทั้งหมดเอาไว้ด้วย วิกฤตดังกล่าวจึงกลายเป็นความท้าทายอย่างที่สุด ว่าเราจะทำยังไงดี เพื่อพาบริษัทรอดไปได้
แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่วิกฤตกลายเป็นโอกาส อาจเพราะทัศนคติว่า ‘Can do’ ด้วย ที่ทำให้เรามองปัญหาที่เข้ามาด้วยสายตาว่า ทุกอย่างสามารถหาทางออกได้ นั่นเองจึงทำให้พวกเราพัฒนาการบริการ ‘แบบออนไลน์’ ขึ้นมาเป็นครั้งแรก คือจากที่เราต้องส่งวิศวกรไปพร้อมกับอุปกรณ์ในการตรวจสอบ เราพัฒนาช่องทางออนไลน์ขึ้นมาเพื่อสร้างคอร์สอบรมให้ผู้ใช้บริการทั่วโลกสามารถใช้อุปกรณ์ของเราได้ เหมือนสถานการณ์บังคับให้เราเปลี่ยนแปลง จนสุดท้ายเราก็สามารถผ่านวิกฤตมาได้อีกครั้ง พร้อมบริการใหม่ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้บริการมากกว่าเดิม
ดังนั้นบทเรียนที่สำคัญของเรา มันอาจจะเป็นคำที่เคยได้ยินกันมาบ่อยแล้วว่า ‘ทุกวิกฤตมีโอกาส’ นั่นแหละ เพียงแต่ในฐานะที่ผ่านวิกฤตมาจริงๆ เรายืนยันว่านี่เป็นบทเรียนที่สำคัญต่อชีวิต เพราะมันทำให้เราเติบโตไปข้างหน้า โดยอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่เข้ามาได้ค่ะ”
#DEXON