3 Min

DeepNude แอป “มองทะลุเสื้อผ้า” ด้วยเทคโนโลยี DeepFake ที่ทุกคนเข้าถึงได้

3 Min
120302 Views
19 Nov 2021

เราเล่นอินเทอร์เน็ตกันมานานแล้ว เราก็คงจะรู้ว่าอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วย “ภาพตัดต่อ” ในเซนส์ของภาพเปลือยของคนดัง (ไปจนถึงไม่ดัง) ทั้งหลาย ซึ่งในสมัยก่อนเขาก็จะใช้ Photoshop ทำภาพเหล่านี้กัน ซึ่งภายจะคุณภาพดีหรือไม่ เหมือนจริงสุด ๆ หรือดูปุ๊บก็รู้ว่าปลอมก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคนทำล้วน ๆ

แต่ยุคนี้เป็นยุคของ AI การทำ “ภาพตัดต่อ” นั้นไม่ได้ทำยากอีกต่อไป มันมีเทคโนโลยี AI มาช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถสร้างภาพตัดต่อได้อย่างอัตโนมัติ

โดยเราก็คงจะเคยเห็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า DeepFace นี่สามารถเปลี่ยนหน้าตาคนในคลิปวิดีโอให้เป็นอีกคน หรือกระทั่งสามารถสร้างคลิปให้คนพูดในสิ่งที่เขาไม่เคยพูดมาได้ ทั้งหมดเกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับใบหน้าด้วย AI ทั้งนั้น

เราคงเคยเห็นคนทำภาพทำคลิปคนทำแบบนี้มามากมาย แต่คงแทบไม่มีใครเคย “ทำ” ด้วยมือตัวเอง เพราะมันไม่มีแอปที่ทำให้เราใช้เทคโนโลยีพวกนี้ได้ง่าย ๆ ในท้องตลาด

จนกระทั่งเกิด DeepNude ขึ้นมา

DeepNude คืออะไร? เอาง่ายก็คือแอปที่จะให้เราสามารถอัปโหลดผู้หญิง (จริง ๆ ผู้ชายก็ได้) ที่ใส่เสื้อผ้าเข้าไป แล้วแอปก็จะใช้ AI ประมวลผลว่าข้างใต้เสื้อผ้าเป็นอย่างไร แล้วก็จะส่ง “ภาพเปลือย” ที่สร้างจากภาพใส่เสื้อผ้านั้นกลับมาให้เรา พูดง่าย ๆ ก็คือ ผลของมันนั้นเหมือนการ “มองทะลุเสื้อผ้า” แต่ภาพในร่มผ้านั้นไม่ใช่ภาพจริง แต่เป็นภาพที่คอมพิวเตอร์สังเคราะห์ขึ้นมา

สื่อที่รายงานข่าวว่ามีแอปนี้อยู่ในโลกพร้อมไปสัมภาษณ์ผู้สร้าง (ใช้ชื่อว่า Alberto ตอนนี้ตัวจริงเป็นใครก็ยังเป็นปริศนา) เป็นเจ้าแรกคือ Motherboard (ซึ่งเป็นสื่อเทคโนโลยีในเครือ Vice) ในวันพฤหัสที่ 27 มิถุนายน 2019 ซึ่งแอปนี้ก็สามารถไปโหลดในในทางเว็บไซต์ของผู้สร้าง

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องตื่นเต้น ใครจะไม่ตื่นเต้นถ้ามันมีแอปที่สามารถ “มองทะลุเสื้อผ้า” แจกให้ใช้ฟรี ๆ สื่อทั่วโลกก็กระหน่ำลงข่าวกันใหญ่ และฝ่ายที่กลัวเทคโนโลยีเหล่านี้ก็หลอนสุด ๆ

นี่ทำให้หลังจากลงข่าวได้ไม่ถึงวัน เว็บไซต์ DeepNude ก็หยุดให้บริการโหลดแอป และประกาศทาง Twitter ว่า พวกเขากลัวคนจะนำไปใช้ผิด ๆ เพราะดูจากที่คนสนใจเข้าเว็บมาโหลดโปรแกรมจนเว็บล่มแล้ว ต้องมีคนเอาไปใช้ผิด ๆ แน่ ๆ พร้อมทิ้งท้ายว่า “โลกยังไม่พร้อมสำหรับ DeepNude”

แม้ว่าจะเอาแอปลงไปแล้ว แต่กระแสลบมีมาเป็นจำนวนมาก สุดท้ายทางผู้สร้างก็เลยต้องปิดทั้งเว็บ ปิดทั้งบัญชี Twitter ไปอย่างเงียบ ๆ

แต่เรื่องมันจบแค่นั้นเหรอ?

ไม่ใช่เลย เพราะ “ทุกอย่างที่ขึ้นมาบนอินเทอร์เน็ต ไม่มีวันหายไป” ตอนนี้ เนื่องจาก “ผู้สร้าง” หายไปแล้ว ก็มีคนจำนวนมากเอาสำเนาของแอป DeepNude มาให้โหลดกันเกลื่อนอินเทอร์เน็ต (โดยบางเจ้าเป็นพวก Scammer ที่หวังจะล่อลวงคนมาโหลด ดังนั้นใครจะไปโหลดก็ระวังนะครับ)

และที่โหดกว่านั้นคือบนเว็บ Github ซึ่งเป็นเว็บที่เหล่าโปรแกรมเมอร์จะเอาโค้ดโปรแกรมมาลงไว้ ตอนนี้ มีโปรแกรมเลียนแบบ DeepNude ให้โหลดเรียบร้อยแล้ว (ดูได้ที่ https://github.com/open-deepnude/open-deepnude)

ทั้งหมดดูจะเป็นเรื่องระดับ “สยองขวัญ” ของคนจำนวนมาก แต่ในมุมของคนพัฒนาเทคโนโลยีก็คือ เทคโนโลยีพื้นฐานของ DeepNude มันคือเทคโนโลยีจำลองภาพที่ไม่มีพิษภัยอะไรเลย และเป็นเทคโนโลยีที่มีให้ใช้ฟรี ๆ กันมานมนานแล้ว คนทำ DeepNude ก็แค่ทำให้มันใช้ง่ายขึ้น พร้อม “รีแบรนด์” มันให้โก้เก๋ กับสิ่งที่คนในโลกโปรแกรมมิ่งเห็นแล้วคงหาวกับความเก่าของเทคโนโลยี

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าใคร ๆ ก็สร้าง DeepNude ขึ้นมาได้จากโค้ดและรูปภาพที่หาได้บนอินเทอร์เน็ตฟรี ๆ ไม่ผิดกฎหมาย แล้วทำไมการเอาสิ่งเปล่านี้มาประกอบกันเป็นแอป DeepNude ให้คนทั่ว ๆ ไปใช้ถึงควรจะเป็นสิ่งที่ผิดกันล่ะ?

ประเด็นของคนที่ยังเผยแพร่ DeepNude ก็คือ สุดท้ายเราไม่ควรจะปิดหูปิดตาสาธารณชนจากเทคโนโลยีที่เป็นไปได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ทำได้จริง ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่ช้าก็เร็วก็มีคนต้องทำมันมาอีก ไม่มีรัฐบาลประเทศไหนหยุดมันได้ด้วย

ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่สมควรมากกว่าไม่ใช่การ “แบน” หรือทำราวกับว่ามันไม่มีอยู่จริง แต่เป็นการเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญในฐานะของที่เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นบนโลกแล้ว และจะไม่หายไปไหน

แน่นอน ในทางกฎหมาย หรือทางจริยธรรม เราจะโต้เถียงกันยังไงก็ได้ว่าเราควรจะ “ตัดต่อ” ภาพคนอื่นโดยเขาไม่ยินยอมมั้ย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เทคโนโลยีพวกนี้ มันสร้างจากเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีเกลื่อนอินเทอร์เน็ต และมันเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานระดับที่ว่า ถ้าเราไปแบนมัน มันก็หมายความว่าเราจะเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเปล่านี้อีกจำนวนมากด้วย

นี่อาจเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนในวงกว้างที่ทำราวกับว่าเทคโนโลยีอย่าง DeepFake และ DeepFace ไม่มีอยู่จริง หรือยังไม่ถูกใช้ในวงกว้าง เพราะในความเป็นจริง เทคโนโลยีพวกนี้ถูกใช้กันเกลื่อนแล้ว ใคร ๆ ก็ใช้ได้ และก็ไม่ต้องไปหาไกลใน YouTube มีวิดีโอสอนทำวิดีโอ DeepFace มากมายเต็มไปหมด

กล่าวคือ เราหนีเทคโนโลยีแบบนี้ไม่พ้นแล้ว และการไม่สามารถลบล้าง DeepNude ออกไปจากอินเทอร์เน็ตก็คงจะเป็นการปลุกให้หลาย ๆ คนตื่นจากโลกที่เทคโนโลยี “สร้างภาพปลอม” เหล่านี้ไม่ได้เป็นของคนทั่ว ๆ ไปอีก