2 Min

รู้จักที่มาที่ไปของ “ยาเสียสาว”

2 Min
445 Views
18 Nov 2021

ในชีวิตคนที่ใช้ชีวิตสุจริตถูกทำนองคลองธรรมส่วนใหญ่ คงจะไม่ได้ยินคำว่า “ยาเสียสาว” กันบ่อย ๆ แต่หลังจากมีข่าวพริตตี้สาวชื่อดัง เสียชีวิตจากการหัวใจวายเฉียบพลัน คล้ายโดนมอมเหล้า และคนจำนวนมากก็คาดว่าจะมีการเอา “ยาเสียสาว” ผสมเข้าไปให้เธอกินด้วย เราก็เลยได้ยินคำว่า “ยาเสียสาว” กันอีกครั้ง

ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ “ยาเสียสาว”? เรามารู้จักมันกันหน่อย

อันที่จริงคำว่า “ยาเสียสาว” หรือในภาษาอังกฤษว่า Date Rape Drugs นั้นไม่ใช่ยาเพียงตัวเดียวหรือกลุ่มเดียว แต่มันเป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของสารเคมีที่กินเข้าไปแล้วมีผลให้สติไม่สมประดี มึนงง หลับสนิท ตื่นมาจำอะไรไม่ได้

ดังนั้น คำนี้เอาจริง ๆ มันรวมตั้งแต่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาที่ถูกกฎหมายบางกลุ่มที่หาซื้อได้หากมีใบสั่งยา ไปจนถึงยาที่เข้าข่ายยาเสพติดให้โทษที่แค่ครอบครองก็ผิดกฎหมาย

พูดอีกแบบคือ มันหมายรวม ๆ ถึง “สารเคมี” เป็นสิบ ๆ ตัว ซึ่งมีชื่อทางการค้าต่าง ๆ กัน และ “ชื่อเล่น” ที่เอาไว้เรียกในตลาดมืดอีกสารพัด ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไรที่ถ้าเราไปไล่ดูเราจะมึนงงมาก เพราะมันมีโคตรเยอะ

ซึ่งที่เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนก็คือ ยาเหล่านี้ โดยพื้นฐานไม่ได้ถูกสร้างมาเป็น “ยาเสียสาว” แต่มันมักจะมีหน้าที่ทางการแพทย์บางอย่างทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นยากล่อมประสาทสำหรับผู้ป่วยจิตเวช ไปจนถึงยาชายาสลบที่ใช้ในการผ่าตัด

ดังนั้น ในแง่นี้มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ยาพวกนี้หมดไปจากสังคม เพราะมันมีหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ของมันอยู่ แค่บางคนเอามันมาใช้แบบ “ผิดวัตถุประสงค์” เป็น “ยาเสียสาว”

ยาพวกนี้มีทั้งแบบน้ำและเม็ด มีทั้งแบบผสมน้ำแล้วไม่มีกลิ่นไม่มีสี ไปจนถึงผสมน้ำไปแล้วเปลี่ยนสี ซึ่งถ้าใส่น้ำสีเข้ม ๆ อย่างโค้กก็จะมองไม่เห็น และกินไปโดยไม่รู้ได้

ในทางปฏิบัติมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าเรากินยาเหล่านี้เข้าไปตอนไหน และวิธีป้องกันในทางปฏิบัติก็คือ การไม่รับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า ไปจนถึงการไม่ปล่อยแก้วของตัวเองที่มีเครื่องดื่มวางทิ้งในในพื้นที่ “อันตราย” ที่คนจะแอบใส่ยาลงไปได้ หลักการพื้นฐานมีเท่านี้จริง ๆ ในการป้องกัน

ทีนี้ สมมติว่าเราคิดว่าเราสงสัยว่าเราโดน “ยาเสียสาว” เข้าไปจะทำยังไง? สิ่งแรกเลยคือต้องไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจตัวยาเหล่านี้ว่ามีอยู่ในร่างกายเราหรือไม่ ซึ่งในตอนนี้ ยังไม่มีตัวยาอะไรที่มักจะไม่เจอถ้าตรวจปัสสาวะภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากที่ร่างกายรับเข้าไป แต่หลังจากนั้นการตรวจเจออาจยากขึ้น ขึ้นอยู่กับตัวยา

เช่น ยา GHB ที่เป็นยากดประสาท หลายคนมองว่าน่าจะเกี่ยวพันกับข่าวพริตตี้ดังนี้ ถือเป็นยาที่จะหายไปจากระบบเร็วสุดแล้ว แต่ในระยะ 6-12 ชั่วโมงที่กินเข้าไปก็ยังตรวจเจอได้อยู่ ส่วนพวกยากลุ่ม Benzodiapezines (ซึ่งมีชื่อทางการค้าเป็นยาขายตามร้านยาทั่วไปอย่าง Valium, Xanax, Dormicum ไปจนถึง Rohypnol) ที่เป็นยากล่อมประสาทจะอยู่ในระบบนานกว่า โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 2-5 วัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เอาจริง ๆ “อันตราย” ทางเคมีจากยาเหล่านี้ เวลาถูกนำมาใช้เป็น “ยาเสียสาว” หลัก ๆ เกิดจากการบริโภคไปพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปจนถึงยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ในกระบวนการ “มอม” ซึ่งถ้าโดสมันเยอะทั้งคู่ ก็อาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายได้สารพัด เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ “เสียสาว” แต่อาจถึงขั้น “เสียชีวิต”

สุดท้าย-ๆ คนที่ต้อง “ระวังภัย” ยาเหล่านี้ไม่ใช่แค่สาว ๆ เท่านั้น แต่ผู้ชายก็ต้องระวัง เพราะยาเหล่านี้มันก็สามารถไปอยู่ในเครื่องดื่มที่ผู้ชายกินอย่างไม่รู้ตัว และทำให้หมดสติไปในที่สุดได้ แม้ว่าจะไม่ “เสียหนุ่ม” แต่ก็อาจ “เสียทรัพย์” ได้เช่นกัน