4 Min

รู้ไหม การเก็บภาษีคริปโตของไทยน่าจะไม่เหมือนชาติใดในโลก

4 Min
246 Views
14 Feb 2022

ในโลกนี้ ถ้าพูดถึงประเด็นร้อนที่ทั่วโลกมีภาวะ เสียงแตกในการจัดการที่สุดนั่นคือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือที่มักจะเรียกสั้นๆ ว่าคริปโทซึ่งก็คือสกุลเงินรวมไปจนถึงโทเคนต่างๆ ที่ถูกสร้างมาด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน

ในช่วงแรกๆ คริปโทและอุตสาหกรรมที่รายล้อมนั้นเล็กมาก รัฐก็ไม่สนใจ แต่พอมันใหญ่ขึ้นเมื่อช่วงปี 2017 รัฐทั่วโลกก็เริ่มทำการกำกับดูแลผ่านการบังคับให้เหล่ากระดานเทรดหรือแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายคริปโทต้องมีใบอนุญาตทำธุรกิจเฉพาะ ซึ่งการทำแบบนี้ หลักทั่วไปคือทำเพื่อคุ้มครองนักลงทุน ไม่ให้โดนพวกมิจฉาชีพล่อลวงให้ลงทุนแบบโง่ๆ ดังที่เกิดมานักต่อนัก

แต่ล่าสุด ตลาดคริปโทขยายตัวสุดๆ ในปี 2021 ขยายตัวในระดับที่ว่าตั้งแต่มหาเศรษฐียันคนขับแกรบต่างกระโดดเข้าร่วมตลาดคริปโทกันหมด ท่าทีของรัฐก็เริ่มเปลี่ยนว่ามันควรจะเอายังไงกันต่อดี

บางรัฐมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับคริปโทชัดเจน และแสดงเจตนาว่าไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับคริปโทได้ รัฐพวกนี้พยายามจะแบนคริปโทเลย คือประกาศว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายไม่ได้ต่างจากยาเสพติด จะเอาผิดผู้ซื้อผู้ขายให้หมดถ้าเป็นไปได้ ซึ่งนี่เป็นท่าทีของประเทศอย่างจีนและรัสเซีย

จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีท่าที่แบบเผด็จการหน่อยจะไม่ชอบคริปโท เพราะเจตจำนงของคริปโทตั้งแต่แรกคือมันถูกสร้างมาท้าทายอำนาจรัฐ แต่ในทางกลับกัน ประเทศที่ค่อนข้างเสรี ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนกับการแบนคริปโท เพราะด้วยหลักการและเหตุผลแล้ว รัฐที่มาจากการเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตยมันไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าคริปโทนั้นผิดกฎหมาย หรือพูดอีกแบบก็คือ คุณจะบอกว่าอะไรมันผิดกฎหมายแบบยาเสพติด คุณต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้นซึ่งยาเสพติดมันสามารถอ้างเรื่องสุขภาพ เรื่องปัญหาสาธารณสุขได้ แต่คริปโทมันอ้างแบบเดียวกันไม่ได้

ดังนั้นในเชิงเหตุผลแล้วมันแบนลำบาก ไม่ต้องพูดถึงในเชิงเทคนิคที่จะแบนก็ยากมาก แต่อีกด้านนั้นการไม่ทำอะไรกับคริปโทเลยก็ไม่ได้เช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องนิยามคร่าวๆ ในเชิงกฎหมายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

ทั้งหมดนี้นำมาสู่ภาวะที่น่าปวดหัวมาก เพราะแต่ละรัฐในโลกนี้มองคริปโทไม่เหมือนกัน นำไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่ต่างกัน รวมถึงการเก็บภาษีด้วย ไม่แปลกที่ในไทยเรื่องภาษีคริปโทเป็นเรื่องน่าปวดหัวมาก และยิ่งเข้าช่วงฤดูแห่งการเสียภาษีก็ยิ่งปวดหัว เพราะยังไม่รู้เลยว่าในส่วนของคริปโตนั้นจะจ่ายภาษียังไง?

แน่นอนว่าสุดท้ายสรรพากรไทยก็ออกมาชี้แจง และเพจจำนวนไม่น้อยก็เริ่มสอนวิธีคำนวณภาษีคริปโต แต่ข้อเท็จจริงก็คือในไทยมันยังไม่มีกฎหมายภาษีคริปโทชัดเจน และแนวทางที่ว่ามันก็เกิดจากการตีความรายได้ของทางกรมสรรพากรเอง ซึ่งในประเทศอื่นก็น่าสนใจว่าเขาจะถือหลักว่าถ้าอะไรที่กฎหมายไม่ระบุว่าต้องเสียภาษีให้ชัดๆ ก็ไม่ต้องเสียภาษีนี่จึงเป็นเหตุผลที่ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาต้องออกประมวลกฎหมายภาษีใหม่เพื่อจะรวมคริปโทเข้าไปในสารบบ เพราะถ้าไม่ออกกฎหมายใหม่ก็จะถือว่ารัฐไม่มีอำนาจเก็บภาษีคริปโตภายใต้ข้อกำหนดทางภาษีทีมีอยู่

ในแง่นี้ การเก็บภาษีคริปโทของไทยค่อนข้างจะแปลกๆ และงงๆ มาก ดูไม่มีมาตรฐานใดๆ เลย คือจะให้สุดขีดไปเลยแบบอินเดียที่มองว่าคริปโทเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ทุกธุรกรรมต้องเก็บภาษีแบบภาษีสรรพสามิตก็ไม่ใช่ เพราะสรรพากรไทยก็ไม่ได้บอกว่า การโอนคริปโทให้กัน (อันเป็นฟังก์ชันพื้นฐาน) ต้องเสียภาษี แต่ในทางกลับกัน สำหรับสรรพากรการได้มาซึ่งคริปโทที่มีลักษณะแบบรายได้ทั้งหมดต้องเสียภาษี

และนี่ก็นำมาสู่อีกความประหลาด เพราะในประเทศอื่น ระเบียบภาษีคริปโทมันไม่ใช่แบบนี้ เพราะบนฐานที่ว่ารัฐไม่ได้ยอมรับว่าคริปโตเป็นเงินแล้ว รัฐจะเก็บภาษีการรับคริปโทแบบรับเงินได้อย่างไร? นี่คือความไม่คงเส้นคงวาที่สรรพากรไทยดูจะพยายามเก็บภาษีคริปโทแบบงงๆ ด้วยการบอกว่าถ้าคุณรับคริปโทมา หรือได้คริปโทมาฟรีๆ ให้คุณเทียบคริปโตเป็นค่าเงินบาทและคิดเป็นเงินได้ของปีภาษีนั้นๆ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศไหนในโลกเขาทำกัน เพราะมันเหมือนคุณไปบอกคนที่รับเงินโบนัสว่าเป็นหุ้นบริษัท’ (ตามที่พวกสตาร์ทอัปมักจะฮิตกัน) ต้องเอามูลค่าหุ้นไปเทียบเป็นเงิน แล้วคิดเป็นรายได้ในปีนั้น และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครทำแน่ๆ กับสินทรัพย์ใดๆ ทั้งนั้น แต่ดันใช้ระบบงงๆ นี้กับคริปโท

ถ้าจะให้อธิบายเพิ่มเติมก็คือ ไทยอาจพยายามใช้ระบบแบบภาษีของขวัญมาเก็บภาษีคริปโท ซึ่งระบบแบบนี้ชาติอื่นไม่ใช่ไม่มี แต่เขาใช้กับของขวัญจริงๆ ไม่ใช่คริปโท และเขาจะมีข้อกำหนดชัดว่าการรับของขวัญเกินมูลค่าเท่าไรถึงจะต้องเสียภาษี

ทีนี้ถ้าหันมาดูประเทศที่มีความคงเส้นคงวาภายใต้หลักการ เขาก็จะถือว่าคริปโทนี่เก็บภาษีเหมือนหุ้นเป๊ะๆ เลย คือใช้ระบบภาษีกำไรทุน’ (capital gain tax) คือคุณจะเสียภาษีต่อเมื่อคุณได้กำไรและถ้าคุณขาดทุนก็เอามาหักเป็นต้นทุนได้ นี่คือระบบแบบที่อเมริกาและอังกฤษใช้ ซึ่งมันง่ายมากในการเก็บภาษีคริปโท เพราะคุณคิดง่ายๆ ว่าคุณเก็บภาษีหุ้นยังไง คุณก็เก็บคริปโทแบบนั้น มาตรฐานเดียวกัน ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก

และก็แน่นอน แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล แต่แม้แต่ในยุโรปเอง หลายประเทศก็ไม่ได้มองว่าคริปโทมีลักษณะแบบหุ้นแต่มีลักษณะแบบเงินมากกว่า คือเขามองมันคล้ายๆ ว่าเป็นสกุลเงินต่างประเทศสกุลหนึ่ง และนั่นคือคุณสามารถซื้อขายถ่ายโอนได้ไม่ต้องกลัวเสียภาษีใดๆ และประเทศที่ใช้ระบบนี้ก็ได้แก่เยอรมนีและโปรตุเกส (กรณีเยอรมนีมีข้อยกเว้นว่าคุณต้องถือคริปโทเกิน 1 ปีถึงจะขายได้โดยไม่ต้องเสียภาษีส่วนกำไร แต่นั่นเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น)

ซึ่งในโลกนี้ อีกด้านหนึ่งของความบ้าคลั่งของการปฏิบัติราวกับคริปโทเป็นเงินก็คือประเทศอย่างเอลซัลวาดอร์ที่ประกาศให้ Bitcoin มีสถานะเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายหรือมีมูลค่าเทียบเท่าสกุลเงินหลักของประเทศเลยในทุกด้าน คือไม่ใช่แค่ไม่ต้องเสียภาษีพิเศษ แต่ใช้เป็นเงินได้จริงๆ เลย กฎหมายยอมรับ

ทั้งหมดนี้ คือภาพรวมของคริปโทในสายตาของรัฐต่างๆ ในช่วงต้นปี 2022 ก็จะเห็นว่ามันไม่มีคำตอบและข้อสรุปใดๆ ไปในทางเดียวกันเลย และน่าจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรว่าโลกนี้จะตกลงกันสร้างมาตรฐานว่าควรต้องดีลกับคริปโทอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ ถึงตรงนี้ก็คงจะพอเห็นความไม่ปกติของการเก็บภาษีคริปโทในไทยกันได้ประมาณหนึ่งแล้ว และความงงๆ นี้ก็ควรจะจบลงด้วยการออกกฎหมายชัดๆ ว่าในทางภาษีนั้น คริปโทคืออะไรกันแน่?

ภาพ: วัชรพงศ์ แหล่งหล้า

อ้างอิง