2 Min

Crème Brûlée ขนมครีมเผาประจำชาติฝรั่งเศส แต่มีต้นกำเนิดอยู่ที่สเปน?

2 Min
36 Views
20 Mar 2025

Crème Brûlée ขนมหวานเนื้อครีมสีเหลืองคัสตาร์ด ที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นอยู่ที่เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มหอมกลิ่นวานิลลาและมีเอกลักษณ์ที่ผิวหน้าของขนมจะโรยด้วยน้ำตาลให้ทั่ว แล้วใช้เครื่องพ่นไฟ (Blow torch) เผาให้น้ำตาลละลายเป็นสีน้ำตาลคาราเมลไหม้นิดๆ ก่อนมันจะแข็งตัวเป็นแผ่นบางกรอบ ซึ่งขั้นตอนนี้ล่ะที่เป็นที่มาของชื่อ ‘Crème Brûlée’ (Burt cream) อ่านว่า ‘เครมบรูเล’ ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ‘ครีมเผา’ โดยจะเสิร์ฟแบบเย็นในถ้วยเซรามิก

คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักเครมบรูเลในฐานะขนมประจำชาติฝรั่งเศส เพราะชื่อเรียกก็สื่ออย่างตรงไปตรงมา ผนวกกับการเห็นขนมหวานชนิดนี้ผ่านคาเฟ่ ร้านอาหารในซีรีส์ ภาพยนตร์จากฝั่งเมืองน้ำหอมเสิร์ฟกันเป็นปกติ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า เครมบรูเลคงมีต้นกำเนิดจากเมืองแห่งแฟชั่นนี้แน่ๆ

แต่ในความเป็นจริง เครมบรูเลก็อาจไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส เพราะในประเทศสเปนเองก็มีขนมชนิดนี้อยู่เหมือนกัน แถมสเปนยังเคยยืนกรานว่านี่คือขนมประจำชาติ นั่นจึงทำให้ที่มาที่ไปของขนมหวานชนิดนี้มีความคลุมเครืออยู่ไม่น้อย

ในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสชื่อของเครมบรูเลปรากฏขึ้นครั้งแรกช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ในตำราอาหาร ‘Cuisinier Royal et Bourgeois’ ในปี 1691 ของ ‘ฟร็องซัวส์ มาซีอาโลต์’ (François Massialot) พ่อครัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในพระราชวังแวร์ซาย โดยสูตรออริจินัลนั้นใช้ส่วนประกอบหลักเพียง 4 อย่าง ได้แก่ ไข่แดง ครีมสด น้ำตาล และวานิลลา ขั้นตอนการทำไม่ได้แตกต่างไปจากปัจจุบันเท่าไหร่ นั่นก็คือผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วเทลงในถ้วยที่จัดเตรียมไว้บนถาดใส่น้ำร้อนจากนั้นจึงนำไปอบ ก่อนจะปล่อยให้ขนมเย็นตัวลง แล้วค่อยเผาหน้าขนมที่โรยน้ำตาลจนเกิดเป็นสีคาราเมลนั่นเอง

ส่วนในประเทศสเปนจะเรียกขนมชนิดนี้ว่า ‘Crema Catalana’ อ่านว่า ‘เกรมา กาตาลานา’ ที่แปลว่า ครีมถูกเผา ซึ่งมาจากแคว้นกาตาลุญญา โดยขนมนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงต้นศวรรษที่ 18 และมีข้อสันนิษฐานว่าเกรมา กาตาลานา เป็นขนมที่ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคกลางแล้ว อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างขนมสองชาตินี้อยู่ที่สูตรและส่วนผสม โดยของสเปนจะใช้นมแทนการใช้ครีม และจะเพิ่มส่วนผสมอย่างเปลือกส้มหรือมะนาว และอบเชยลงไปด้วย และแทนที่จะเทส่วนผสมใส่ถ้วยในถาดน้ำร้อนแล้วเข้าเตาอบ สเปนจะเคี่ยวส่วนผสมบนเตาเหล็ก ทำให้เนื้อคัสตาร์ดสีเหลืองนวลนี้มีกลิ่นหอมเครื่องเทศด้วยเล็กน้อย ส่วนหน้าขนมก็ยังเผาไหม้เป็นคาราเมลแผ่นบางกรอบไม่ต่างกัน

และหากยังหาบทสรุปไม่ได้ว่าตกลงแล้วต้นกำเนิดขนมหวานชนิดนี้มาจากไหนกันแน่ ในประเทศใกล้เคียงฝรั่งเศสอย่างสหราชอาณาจักรหรือประเทศอังกฤษนี้เองก็มีขนมเนื้อคัสตาร์ดนี้เหมือนกัน มาในชื่อ ‘Trinity Cream’ หรือ ‘Cambridge Burnt Cream’ โดยนำสูตรต้นฉบับของฟร็องซัวส์ มาซีอาโลต์ มาดัดแปลง โดยเฉพาะผิวหน้าของขนมที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญนี้ ฝั่งอังกฤษจะมีการใช้แท่นเหล็กเผาน้ำตาลให้เป็นรูปตราสัญลักษณ์ของวิทยาลัยเพื่อเสิร์ฟเป็นเมนูหลักให้กับนักเรียนในวิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตั้งแต่ปี 1879 เป็นต้นมา

อันที่จริงมีข้อสันนิษฐานอีกนะว่า จริงๆ ขนมเนื้อคัสตาร์ดนี้มีอยู่ในเมืองอังกฤษมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 30 แล้ว โดยในช่วงนั้นมีการนำนมวัวมาทำเป็นขนมหวานที่คล้ายกับเครมบรูเลเสิร์ฟในวิทยาลัยแห่งนี้มาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่การเผาไหม้ที่ผิวหน้าของขนมเพิ่งจะมีเข้ามาก็ในช่วงหลังนี้เอง

ในปัจุบัน เครมบรูเลได้รับความนิยมในหลายประเทศจนเรียกได้ว่าน่าจะเป็นขนมหวานสากลไปแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ในคาเฟ่และร้านขนมหวานหลายๆ ร้านจะมีการดัดแปลงสูตรเพื่อพรีเซนต์รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน แต่การเผาไหม้น้ำตาลบนหน้าขนมก็ยังคงอยู่ และกลายมาเป็นคัลเจอร์ความสนุกเล็กๆ ให้เราได้จับช้อนมาทุบแผ่นคาราเมลจนแตก เกิดเสียงดัง ‘เป๊าะ’ ก่อนลิ้มชิมรสเหมือนกับตัวละคร ‘เอมิเลีย’ ใน ‘Amélie’ ภาพยนตร์สัญชาติฝรั่งเศสในปี 2001 นั่นเอง 

อ้างอิง