2 Min

‘Creep’ – Radiohead เพลงบรรยายตัวตนความแปลกแยกของ Rocket ที่ Radiohead ไม่คิดจะหยิบมันมาเล่นในคอนเสิร์ต

2 Min
659 Views
22 May 2023

‘The Guardians of The Galaxy 3’ ไม่เพียงเป็นหนังที่ปิดไตรภาคแห่งผู้พิทักษ์จักรวาลที่ซาบซึ้ง แหลมคม และทรงคุณค่าอันดับต้นๆ ของจักรวาล Marvel เท่านั้น แต่หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของหนังชุดนี้ คือเพลงซาวด์แทร็กที่บรรจุเพลงฮิตแห่งยุคสมัย ทำให้หนังมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากที่จะมีใครเลียนแบบได้อีกด้วย

โดยเฉพาะ ‘GotG3’ ที่เพียงแค่เพลงเปิด ก็ทำให้คนหลงรักได้อย่างง่ายดายแล้ว เพราะมันเป็นบทเพลงที่บ่งบอกตัวตนของร็อคเก็ต แรคคูนที่ไม่เคยยอมรับในตัวเอง ซ้ำยังโบยตีหัวใจตัวเองด้วยอดีตอันโหดร้ายอีกด้วย ซึ่งมันซ้อนทับกับที่มาของบทเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นเพลงฮิตไม่กี่เพลงของวง Radiohead ที่เจ้าตัวไม่อยากจะหยิบมันมาเล่นในงานคอนเสิร์ต

“ผมค่อนข้างจะมีปัญหา ในการเป็นชายหนุ่มในยุค 90s มันไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนที่แสดงออกและใส่ใจต่อเพศตรงข้าม เพราะช่วงเวลานั้นเทรนด์ดนตรีมันเต็มไปด้วยโลกของฮาร์ดร็อก”

ทอม ยอร์ก (Thom Yorke) ฟรอนต์แมนของวงเคยเล่าถึงที่มาของเพลงนี้ในช่วงปี 1993 ยอร์กเขียนมันในช่วงปี 1987 ที่เขายังคงเป็นนักศึกษา และเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นไม่คู่ควร จะด้วยบุคลิกขี้อายพูดน้อย หรืออัตลักษณ์ภายนอกที่ม่านตาข้างหนึ่งของเขามีปัญหา ที่ให้เขารู้สึกเกลียดชังในตัวเองในยุคนั้น เพลง Creep ที่อธิบายตัวตนอันแสนแปลกประหลาดที่ฝังลึกอยู่ข้างในผ่านบทเพลง

But I’m a creep
I’m a weirdo
What the hell am I doin’ here?
I don’t belong here

เพลงที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำจากการโบยตีตัวเองเพลงนี้ เป็นซิงเกิลเปิดตัวของ Radiohead แต่มันหาได้โด่งดังไม่ ในปี 1993 ยุคสมัยที่โลกยังไม่รู้จักคำว่า Britpop ซิงเกิล Creep ถูกปล่อยออกมา แล้วค่อยๆ เลือนหายไปในเวลาไม่นาน

แต่แม้ในอังกฤษบ้านเกิดจะไม่ดัง แต่ในอีกซีกโลกอย่างประเทศอิสราเอล กลับฮิตระดับสนั่นเมือง ทำให้หลายๆ ประเทศ เริ่มหันกลับมามองเพลงนี้ใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอเมริกาที่โด่งดังในอีกปีต่อมา จากที่วงเริ่มออกเดินสายทัวร์ในอเมริกาในช่วงปี 1994 นั่นเอง โดยเวอร์ชั่นอะคูสติกถูกปล่อยออกมาในภายหลัง และเวอร์ชั่นนี้ทำให้ผู้ฟังรู้จักวงนี้และเพลงนี้ในวงกว้างขึ้น

แต่ยอร์กและวงกลับเบื่อหน่ายช่วงเวลานี้อย่างมาก เขาร้องเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนรู้สึกว่าถ้าสำรอกออกมาเป็นเพลงได้ เพลงนี้น่าจะถูกสำรอกออกมาเป็นสิบๆ ครั้งต่อเดือน

ในที่สุดพวกเขาพยายามทำเพลงที่แหวกและแตกต่างออกไป จนพวกเขาหลุดจากวงโคจรแห่งความคาดหวังของคนฟังเพลงที่ต้องการฟังเพลงฮิต เพราะพวกเขากลายเป็นวงดนตรี Art Rock ที่ทำเพลงได้ยอดเยี่ยมสุดในอีกหลายทศวรรษต่อมาจวบจนปัจจุบัน

และการแสดงออกถึงความเกลียดชังและเบื่อหน่ายบทเพลงนี้คือการปิดสวิตช์งดเล่นเพลงนี้ไปเสียดื้อๆ ในทุกๆ โชว์ด้วยเหตุผลที่ว่า “เขาก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนั้นแล้ว และไม่อยากให้มันกลับมาอีกแล้ว” จะมีเพียงไม่กี่โชว์เท่านั้นที่เพลงนี้จะหยิบมันออกมาเล่นในคอนเสิร์ต

ในขณะเดียวกัน บทเพลง Creep เวอร์ชั่นอะคูสติก ก็ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง เพื่อบอกเล่าตัวตนของร็อคเก็ต ที่อดีตอันมืดหม่นของเขาค่อยๆ ถูกฉายออกมา เพื่อบอกเล่าต้นกำเนิดที่แสนจะบอบช้ำที่อยู่ในห้องทดลองร่วมกับเพื่อนๆ ที่ถูกจับมาทรมานที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน ความรู้สึกตามเนื้อเพลง What the hell am I doin’ here? ถูกถ่ายทอดให้เห็นถึงความสิ้นหวังของตัวร็อคเก็ตก่อนค่อยๆ ระเบิดมันออกมาจนกลายเป็นการฝากบาดแผลให้กับ High Evolutionary ให้เจ็บจำที่สุด

แม้จะเป็นเพลงที่เจ้าของเพลงเองไม่อยากหยิบมันมาเล่นซ้ำ แต่เพลงนี้ก็เป็นหนึ่งในบทเพลงที่บรรยายความบอบช้ำได้ยอดเยี่ยมตลอดกาล เพราะมันคือตัวแทนความแปลกแยกเปลี่ยวเหงาที่ชัดเจนและยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน