6 Min

ความเป็นไทยคือ ‘อินเนอร์’ หรือเป็นสิ่งที่เราถูกปลูกฝังให้เชื่อต่อกันมา?

6 Min
3920 Views
11 Jul 2022

ถ้าพูดถึงความเป็นไทย คุณนึกถึงอะไร และ #นิยามความเป็นไทย ที่ผุดขึ้นมาในหัวตั้งแต่แรกเห็นคำนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง ถ้าเกิดเป็นคนไทยแล้วจะมีความเป็นไทยในตัว 100 เปอร์เซ็นต์เลยไหม?

เชื่อว่าหลายคนมีคำตอบที่แตกต่างหลากหลาย เพราะความเป็นไทยก็มีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปหลายยุค แม้แต่การเกิดมาในประเทศไทยก็ไม่ได้ทำให้คนทุกคนที่เกิดในแผ่นดินนี้รู้สึกถึงความเป็นไทยได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้และเลือกอัตลักษณ์ของตัวเองในตอนที่โตขึ้นจนถึงขั้นรู้ความกันแล้วความเป็นไทยจึงไม่ไช่อินเนอร์แน่ๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถูกต้องตรงกันในทุกๆ ด้าน

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายบ่งชี้ว่าคนไทยในปัจจุบันมีรากเหง้าจากเชื้อชาติเผ่าพันธุ์มากมายที่เคลื่อนย้ายเลื่อนไหลในเอเชียตะวันออกมานานหลายร้อยปี ทำให้สายเลือดที่ประกอบสร้างขึ้นเป็นคนไทยในทุกวันนี้ไม่ได้มาจากแค่เชื้อชาติเดียว ด้วยเหตุนี้รัฐจึงต้องกำหนดความเป็นไทยที่เป็นค่ามาตรฐานของสังคมขึ้นมา

แต่ความเป็นไทยที่ถูกกำหนดโดยรัฐกับสิ่งที่คนทั่วไปเชื่อหรือยึดมั่นไม่ได้เหมือนกันเสมอไป

วิวัฒนาการความเป็นไทยในยุคสร้างชาติ

เรารู้กันดีว่ากว่าจะเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ดินแดนแห่งนี้เคยถูกเรียกว่าสยามมาก่อน และถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นก็มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า อาณาจักรยุคโบราณในบริเวณนี้ไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวแบบปึกแผ่นแน่นหนา แต่มีทั้งการต่อสู้ทำสงครามและกวาดต้อนผู้คนมาเป็นเชลยสร้างบ้านแปงเมืองกันมานานหลายร้อยปี ผู้ที่เรียกตัวเองว่าคนไทยในยุคนี้จึงอาจสืบเชื้อสายมาจากคนมอญ คนขแมร์ ลาว จาม มลายู รวมถึงเชื้อชาติอื่นๆ ที่อพยพย้ายถิ่นฐานจากที่อื่นมาตั้งรกรากในยุคต้นๆ ของอาณาจักรรัตนโกสินทร์สมัยที่ยังเรียกตัวเองในนามสยามประเทศ

จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.. 2475 สยามได้เปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งถูกชาติตะวันตกมองว่าล้าหลังมาเป็นประชาธิปไตยในช่วงสั้นๆ และเปลี่ยนชื่อจากสยามมาเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.. 2482 ก่อนจะเผชิญกับการรัฐประหารใน พ.. 2500 ทำให้ไทยตกอยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารต่อมาอีกราว 2 ทศวรรษ และในยุคเผด็จการทหารนี้เองที่มีการประกอบสร้างความเป็นไทยขึ้นมาโน้มน้าวจิตใจผู้คนในประเทศกันอย่างเข้มข้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเป็นไทยนั้นมีการเมืองเป็นสารตั้งต้น

บริบทแวดล้อมที่สำคัญคือ ตอนนั้นเป็นยุคของรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งรัฐประหารยึดอำนาจมาจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม อีกที ตามด้วยยุค จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเพิ่งเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ได้ไม่นาน ต้องตกอยู่ท่ามกลางแรงกดดันของชาติตะวันตกที่กำลังทำสงครามเย็นกันอยู่ โดยสหรัฐอเมริกาหนุนหลังประเทศประชาธิปไตย และสหภาพโซเวียตคอยสนับสนุนฝั่งคอมมิวนิสต์ ขณะที่อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีผลต่อกลุ่มคนจำนวนหนึ่งซึ่งต้องการเปลี่ยนประเทศไทยไปจากระบอบเผด็จการที่เป็นอยู่เช่นกัน

รัฐบาลในยุคนั้นจึงรณรงค์อย่างหนักให้ประชาชนมีสำนึกของความเป็นไทยแม้แต่ลูกหลานคนจีนที่มาตั้งรกรากในไทยก็ยังต้องปลุกความเป็นไทยในตัวเองขึ้นมา โดยรัฐให้คำนิยามว่าคนไทยจะต้องเคารพและยึดมั่นใน 3 สถาบันที่เป็นเสาหลักของประเทศ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ส่วนผู้ที่ไม่เคารพใน 3 เสาหลักถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ 

การปลูกฝังความเป็นไทยในแบบที่เน้นย้ำว่าผู้ที่เห็นต่างจากนโยบายรัฐยุคนั้นคือคนอื่นเช่น เป็นญวน เป็นแกว เป็นลาว เป็นอั้งยี่ เป็นคอมมิวนิสต์ นำไปสู่การกวาดล้างคนจำนวนมาก ทั้งยังทำให้ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจรัฐถูกผลักไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งประวัติศาสตร์บาดแผลในยุคนี้ถูกบันทึกไว้ว่า ประชาชนจำนวนมากที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องเสียชีวิตเพราะถูกเจ้าหน้าที่รัฐปราบปรามด้วยอาวุธจริงทั้งช่วงก่อนและหลังเหตุการณ์เดือนตุลาคม 2516-2519 โดยที่บรรยากาศอันกดดันเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อการรับรู้เรื่องชาติไทยและความเป็นไทยของผู้คนในห้วงเวลานั้นและในยุคต่อๆ มา

ยุครีแบรนด์การท่องเที่ยวความเป็นไทยคือจุดขายทางวัฒนธรรม

หลังจากเหตุการณ์เดือนตุลาคม ประเทศไทยเผชิญการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอีกหลายครั้ง จากยุคที่ถูกเรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบไปจนถึงยุคประชาธิปไตยเต็มใบหลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.. 2540 ก่อนจะถูกดึงกลับไปสู่ยุครัฐบาลทหารในช่วงสั้นๆ หลังรัฐประหารในปี 2549 และเข้าสู่ยุคระบอบพันทาง (Hybrid regime) ตามการนิยามของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ต่างชาติหลังจากการยึดอำนาจรัฐบาลเลือกตั้งเมื่อปี 2557 

ในยุคที่หัวหน้าคณะรัฐประหารกลายมาเป็นผู้นำรัฐบาล (และยังสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน) เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ความเป็นไทยซึ่งเคยถูกปลูกฝังโดยยึดโยงกับความเป็นชาติและความมั่นคงในอดีต ถูกนำกลับมารีแบรนด์ (rebrand) หรือปรับวิธีคิดใหม่ให้สะท้อนความหลากหลายขององค์ประกอบภายในชาติยิ่งกว่าเดิม และดูเหมือนจะพูดถึงคนเล็กคนน้อยในเชิงอัตลักษณ์ท้องถิ่นมากขึ้น

หลักฐานบ่งชี้คือแคมเปญรณรงค์การท่องเที่ยววิถีไทยซึ่งชูจุดขายด้านความเป็นไทยที่รอให้ชาวต่างชาติมาค้นหา ถูกประกาศออกมาในปี 2558 โดยใช้ชื่อแคมเปญภาษาอังกฤษว่า ‘2015 Discover Thainess’ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้คำนิยามว่าวิถีไทยคือการนำเสนอความเป็นไทยในมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยขยายไปสู่ความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่างจากความเป็นไทยแบบประเพณีนิยมส่วนกลางที่มักจะยึดเอาวัฒนธรรมภาคกลางเป็นค่ามาตรฐาน ซึ่งเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้ก็คือการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายไปเที่ยวในจังหวัดอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่การกระจุกตัวอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่างที่เคยเป็นมาตลอด

อีกเหตุผลที่ทำให้ความเป็นไทยต้องปรับตัวในยุคนี้ น่าจะเป็นเพราะหลังรัฐประหาร 2557 ไทยถูกหลายชาติลดระดับความร่วมมือและความสัมพันธ์ในบางด้าน การรณรงค์เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศจึงต้องเน้นย้ำจุดแข็งด้านวัฒนธรรมต่างๆ เพื่อให้พ้นไปจากการถูกเพ่งเล็งเรื่องการเมืองและการปกครอง เห็นได้จากการที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในสมัยนั้นย้ำว่าวิถีไทยและความเป็นไทยก็คือภาพลักษณ์ด้านบวก ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความรัก ความสามัคคี ความปลอดภัย และมิตรไมตรีของคนไทย โดยเฉพาะความสุข ความรื่นเริง และความเป็นอยู่แบบไทยที่พบเห็นได้ทุกถิ่นทั่วไทย 

ความเป็นไทยในปีนั้น (และปีต่อๆ มา) จึงเปิดพื้นที่ให้ผู้คนและวัฒนธรรมกลุ่มย่อยมากขึ้น ประเพณีท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ถูกขับเน้นให้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เพื่อสะท้อนความหลากหลายที่แตกต่างจากภาพจำความเป็นไทยที่ถูกยึดโยงกับวัดวาอารามและพระราชวังหลวงที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมักถูกยกให้เป็นตัวแทนความเป็นไทยในยุคก่อนหน้า 

นอกจากนี้ยังมีการตีความใหม่ว่าความเป็นไทยก็ต้องปรับตัวเข้ากับโลกยุคมิลเลนเนียลส์เช่นกัน ซึ่งตัวอย่างแบบป๊อปๆ ที่เห็นได้ชัดในปีนั้นคือชุดประจำชาติไทยในเวทีการประกวดนางงามโลกมิสยูนิเวิร์ส 2018’ มีการเปลี่ยนจากชุดไทยประยุกต์ที่มักจะมีสไบและผ้าไทยเป็นพื้นฐาน ให้กลายเป็นชุดรถตุ๊กตุ๊กซึ่งเรียกเสียงฮือฮากันไปทั่วโลก และเสียงวิจารณ์ในตอนแรกๆ ที่เปิดตัวก็เงียบกริบเมื่อชุดดังกล่าวคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมในปีนั้นมาครอง และเป็นหมุดหมายหนึ่งที่นิยามความเป็นไทยซึ่งจะถูกส่งออกไปสื่อสารกับชาวโลกมีความร่วมสมัยมากขึ้น เพราะมีการนำสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวันจริงๆ ของผู้คนในประเทศมาเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นไทย 

หลังจากนั้นมา ถ้าไม่นับสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทยที่ระบุในเอกสารราชการ การพูดถึงความเป็นไทยกับคนรุ่นใหม่ก็กลายเป็นความท้าทายมาโดยตลอด เพราะถ้าไปถามความเห็นคนที่เป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ตอนต้นในโลกยุคศตวรรษที่ 21 จะเห็นว่าคนรุ่นนี้พร้อมที่จะแสดงความเห็นกับทุกเรื่องลงในสื่อโซเชียล และมีหลายครั้งที่คนรุ่นนี้ถกเถียงกับคนต่างยุคเพราะไม่ได้มองความเป็นไทยในบริบทเดียวกับพ่อแม่ปู่ย่าตายายและผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน 

การปลูกฝังหรือพยายามรณรงค์ความเป็นไทยในรูปแบบเดิมที่ตายตัวจึงไม่ใช่สิ่งที่คนในยุคดิจิทัลพร้อมจะยอมรับโดยไม่ตั้งคำถาม เพราะยุคที่ข้อมูลข่าวสารเชื่อมโยงโลกทั้งโลกไว้ด้วยกัน ปรากฏว่าคนจำนวนมากเลือกที่จะนิยามตัวเองเป็นพลเมืองโลก’ (Global Citizen) มากขึ้น และหลายครั้งคนเหล่านี้ก็ไม่ได้เลือกความเป็นไทยแต่เลือกที่จะโอบรับแนวคิดหรือค่านิยมสากลซึ่งยึดโยงกับคนในประเทศอื่นๆ อีกซีกโลกหนึ่งแทน

แคมเปญ #โคตรไทย จาก BrandThink และ Thai PBS ชวนคุณถอดรหัส ค้นหาและเข้าใจในความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและอาจไม่ได้มีแต่ในตำรา ย้อนกลับไปเข้าใจเรื่องราวของเราตั้งแต่ก่อนคำว่าไทยจะถือกำเนิด เพื่อตอบคำถามโลกแตกว่าสุดท้ายแล้วไทยแท้มีจริงไหม? 

สำรวจความเป็นไทยจากจุดเริ่มต้น จากมนุษย์โบราณอายุหมื่นปี จากถ้อยคำและภาษามากมาย จากชาติพันธุ์ที่หลากหลาย จากเม็ดเลือดในร่างกาย และเข้าใจเรื่องราวการเดินทางว่าเราเป็นไทยอย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร ผ่านการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ หลักฐานทางโบราณคดี จากสารคดี ไทยพีบีเอสเธอ เขา เรา ใคร สำรวจคนไทยในแผ่นดินให้เข้าใจใน 10 นาที มาร่วมเดินทางไปกับเราได้ที่ www.thaipbs.or.th/CodeThai

เข้าใจ  ความเป็นไทย  ในมิติทางสังคมกันให้มากยิ่งขึ้น จากการตั้งคำถาม มุมมอง ความคิดเห็น ข้อมูลที่แตกต่าง หลากหลาย ของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ บุคคลที่น่าสนใจ ที่   https://thinkster.brandthink.me/campaign/code-thai

อ้างอิง

  • BBC Thai. นักประวัติศาสตร์ไขปริศนานายกฯชาติไทยมีมาเกือบ 1,000 ปี. https://bbc.in/3fHMZbC
  • Cambridge University Press. Being Thai: A Narrow Identity in a Wide World. https://bit.ly/3FEldHL
  • Coconut Thailand. Miss Universe Thailand walks proudly in ‘Tuk Tuk dress. https://bit.ly/3GO07I9
  • ETA Journal. วิถีไทย ทุนทางสังคมและวัฒนธรรม. https://bit.ly/3nHdKBt