5 Min

มีอะไรใน ‘ประชากรศาสตร์’ ทำไมคนไทย ‘ควรรู้’ เกี่ยวกับเรื่องนี้

5 Min
734 Views
26 Jul 2022

คนเหนือต้องผิวขาว

คนอีสานหน้าไม่เหมือนคนกรุงเทพฯ

คนใต้ต้องผิวเข้ม

ตาตี่แต่ทำไมไม่ใช่คนจีน?”

ประโยคทั้งหมดที่ว่ามาอาจเคยมีคนได้ยินมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในชีวิตจริง แต่ความหมายของสิ่งที่พูดอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงเสมอไป และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในสังคมจำนวนมากรู้สึกว่าพวกเขาถูกเข้าใจผิดเพราะมายาคติที่ครอบคลุมอยู่รายรอบตัว

ที่จริงแล้ว ความเป็นคนไทยในปัจจุบันมีรากเหง้าจากความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และการปรับเปลี่ยนทางนโยบายของภาครัฐ แต่เท่าที่ผ่านมา แบบเรียนไทยในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดตรงส่วนนี้มากนัก รวมถึงไม่ได้อัพเดตข้อมูลปลีกย่อยอีกหลายอย่าง จึงไม่แปลกที่คนจำนวนมากจะต้องเจอกับความเข้าใจผิดหรือความคิดแบบเหมารวมที่ยังมีอยู่ในสังคม

การจะทำลายมายาคติเหล่านี้ได้ ต้องทำให้คนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของผู้คนกับสิ่งที่ประกอบสร้างขึ้นมาเป็นสังคมไทยในปัจจุบัน และองค์ความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือประชากรศาสตร์ที่หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ยังงงๆ อยู่ว่ามันเกี่ยวกับอะไรกันแน่

อัตลักษณ์และความเป็นไทยในประชากรศาสตร์

ทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการส่วนใหญ่เชื่อว่า มนุษย์มีพัฒนาการและก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงเพราะมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนผ่านแว่นตาของวิชาประชากรศาสตร์จะช่วยให้เข้าใจได้ว่าการเกิด การตาย การโยกย้ายถิ่นฐาน รวมถึงการถูกกดดันด้วยนโยบายของภาครัฐ ล้วนมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของคนในสังคมมาตั้งแต่อดีต ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้คือเหตุผลที่สำคัญอย่างมากที่ทำให้คนบางกลุ่มหรือคนจำนวนมากมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม หรืออัตลักษณ์อย่างที่ได้เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังจะส่งผลต่อการกำหนดความเป็นไปของสภาพสังคมในอนาคตอีกด้วย

ก่อนหน้าจะมีคนไทยในปัจจุบัน มีการย้ำหลายครั้งแล้วว่าดินแดนสยามเคยเป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนของกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ และตลอดเวลาหลายร้อยปี มีทั้งภาวะสงคราม ภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้ดินแดนแห่งนี้เจอกับการย้ายถิ่นฐานและการตั้งรกรากของผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลายอย่างที่ว่ามาแล้ว จนเกิดเป็นการหลอมรวมทางวัฒนธรรม 

เมื่อประเทศไทยถือกำเนิดขึ้น ก็มีการกำหนดนโยบายจากภาครัฐเพื่อที่จะวางรากฐานการพัฒนาและรองรับการเติบโตของประชากรในรัฐสมัยใหม่ที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก การเลื่อนไหลของผู้คนจึงไม่ใช่แค่การเปิดรับจากนอกประเทศสู่ในประเทศ แต่เป็นการเคลื่อนย้ายของคนในจากภาคเหนือ อีสาน ใต้-(ตะวัน)ออก-(ตะวัน)ตก ไหลสู่ภาคกลางหรือจังหวัดอื่นๆ ที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพูดว่าการวางรากฐานทางเศรษฐกิจหลังยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.. 2475 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านประชากรที่ส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน เพราะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ยังดำเนินต่อเนื่องมาทุกวันนี้ ทำให้เกิดการย้ายถิ่นฐานของผู้คนเข้ามาในเขตเมืองใหญ่ เพราะช่วงแรกที่ไทยพยายามเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม ทำให้แรงงานภาคเกษตรถูกกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อมจนต้องเปลี่ยนวิถีทำมาหากินมาเป็นแรงงานในภาคการผลิต เพราะการกว้านซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทำให้ผู้คนถูกผลักเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ขณะที่การปรับระบบการศึกษาก็เน้นที่การผลิตคนมาทำงานในระบบที่กำลังเติบโต 

ผลพวงของนโยบายเศรษฐกิจและความต้องการแรงงานยุคแรกๆ ของไทย ทำให้คนจากแทบจะทุกภูมิภาคมุ่งหน้าสู่เมือง โดยเฉพาะช่วงประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1 (.. 2504-2509) จนถึงฉบับที่ 7 (.. 2535-2539) ที่เน้นความเจริญเติบโตในด้านอุตสาหกรรม การค้า การท่องเที่ยว และการบริการ แต่ผลข้างเคียงของนโยบายนี้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นอย่างมาก เพราะการขยายตัวของเมืองและโอกาสทางการงานอาชีพกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่จังหวัด เช่นเดียวกับการกระจายระบบสาธารณูปโภคให้ทั่วถึงทั้งประเทศก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง

การโยกย้ายถิ่นฐาน ที่เรียกแบบบ้านๆ ว่าการไปทำมาหากินในเมืองจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นเหตุผลให้คนจากภูมิภาคต่างๆ เกิดการไหลเลื่อนจนผสมผสานกับคนในพื้นที่ดั้งเดิม กลายเป็นคนไทยในยุคปัจจุบันที่เกิดจากการหลอมรวมผ่านมิติความสัมพันธ์ การว่าจ้างงาน การตั้งรกรากและถิ่นฐานใหม่ ไปจนถึงการกลืนกลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม กลายเป็นอัตลักษณ์ของผู้คนแบบที่เห็นกันอยู่ในตอนนี้

การตั้งคำถามว่าคนเหนือทำไมถึงผิวไม่ขาว คนอีสานหน้าตาเหมือนคนภาคกลาง คนใต้หน้าเหมือนคนจีน หรือคนภาคตะวันออกแต่พูดไม่เหน่อจึงเป็นการนำชุดความรู้และความเคยชินเก่าๆ มาครอบทับผู้คนที่มีความหลากหลาย ซึ่งนอกจากจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแล้ว ยังอาจทำให้ผิดหูผู้ที่ต้องรับฟังข้อมูลแบบนี้อยู่บ่อยๆ อีกด้วย

อนาคตประชากรไทยจะเป็นอย่างไรต่อ?

ในช่วงทศวรรษต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างแน่นอน เพราะอัตราการเกิดนั้นไม่สัมพันธ์กับการตายมาได้สักพักใหญ่ๆ ทำให้การนำเข้าแรงงานต่างชาติเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็อย่าแปลกใจที่คนจากประเทศเพื่อนบ้านจะหลั่งไหลมาไทยอย่างต่อเนื่อง 

ยิ่งในยุคที่ประเทศรอบข้างไทยต้องเจอกับความผันผวนทางการเมือง รวมถึงความขัดแย้งถึงขั้นสู้รบ ทำให้การอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน รวมถึงการลี้ภัยเป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะตราบใดที่สถานการณ์ไม่สงบ ผู้คนซึ่งไม่อาจคาดเดาชะตากรรมของตัวเองก็คงยังกลับไปถิ่นฐานบ้านเกิดไม่ได้ง่ายๆ 

เมื่อคนต่างชาติเข้ามาในตลาดแรงงานไทยอย่างเป็นระบบ ก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมและแบกรับภาระด้านภาษีต่างๆ เช่นกัน พวกเขาจึงไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทยการทำความเข้าใจโดยไม่เลือกปฏิบัติจะทำให้การอยู่ร่วมกันมีความราบรื่นและสร้างสรรค์กว่าการแบ่งแยกเราและเขาเพราะทั้งหมดนี้ก็ล้วนคือประชากรที่ต้องอาศัยอยู่และเป็นพลวัตขับเคลื่อนบ้านนี้เมืองนี้แทบไม่ต่างจากเราเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ลูกหลานคนต่างชาติที่เกิดในไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งตามหลักสากลแล้วก็ควรได้รับสถานะพลเมืองไทย ยังคงตกหล่นและไม่ได้รับสิทธิด้านสถานะ เพราะการเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมายของคนที่เป็นพ่อและแม่ จนกลายเป็นปัญหาคาราคาซังมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และอีกทางหนึ่งก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันว่ากระบวนการพิจารณาสัญชาติและการให้ความรู้ขั้นพื้นฐานแก่ประชากรที่เกิดในไทยก็ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง ทำให้ทรัพยากรมนุษย์กลุ่มนี้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็น

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ประชากรที่หลุดออกจากระบบสวัสดิการเพราะเหตุผลด้านสัญชาติเหล่านี้อาจจำต้องเข้าสู่วังวนการค้ามนุษย์ อาจถูกเอารัดเอาเปรียบด้านแรงงาน และอาจจะนำไปสู่การก่ออาชญากรรมหรือการละเมิดสิทธิในด้านต่างๆ ในอนาคต ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ไม่เป็นผลดีกับประเทศไทยโดยรวม เพราะอาจจะกลายเป็นวังวนความรุนแรงและการทำธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย

แคมเปญ #โคตรไทย จาก BrandThink และ Thai PBS ชวนคุณถอดรหัส ค้นหาและเข้าใจในความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและอาจไม่ได้มีแต่ในตำรา ย้อนกลับไปเข้าใจเรื่องราวของเราตั้งแต่ก่อนคำว่าไทยจะถือกำเนิด เพื่อตอบคำถามโลกแตกว่าสุดท้ายแล้วไทยแท้มีจริงไหม? 

สำรวจความเป็นไทยจากจุดเริ่มต้น จากมนุษย์โบราณอายุหมื่นปี จากถ้อยคำและภาษามากมาย จากชาติพันธุ์ที่หลากหลาย จากเม็ดเลือดในร่างกาย และเข้าใจเรื่องราวการเดินทางว่าเราเป็นไทยอย่างในทุกวันนี้ได้อย่างไร ผ่านการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ หลักฐานทางโบราณคดี จากสารคดี ไทยพีบีเอสเธอ เขา เรา ใคร สำรวจคนไทยในแผ่นดินให้เข้าใจใน 10 นาที มาร่วมเดินทางไปกับเราได้ที่ : www.thaipbs.or.th/CodeThai

เข้าใจ  ความเป็นไทย  ในมิติทางสังคมกันให้มากยิ่งขึ้น จากการตั้งคำถาม มุมมอง ความคิดเห็น ข้อมูลที่แตกต่าง หลากหลาย ของผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ บุคคลที่น่าสนใจ ที่  https://thinkster.brandthink.me/campaign/code-thai

อ้างอิง