‘นักพยากรณ์อากาศประจำเมือง’ อาชีพที่จะสำคัญมากขึ้นในอนาคต

3 Min
530 Views
12 Jan 2022

hurricane l The Weather Channel

ปี 2021 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ ‘สภาพอากาศสุดขั้ว’ ทั้งจากพายุ อุทกภัย และคลื่นความร้อนได้สร้างความเสียหายให้กับหลายเมืองในทุกภูมิภาคทั่วโลก คิดเป็นมูลค่าเหตุการณ์ละหลายพันล้านดอลลาร์ ไม่นับชีวิตที่เสียไปอย่างประเมินค่ามิได้

นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศฟันธงไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลพวงจากวิกฤตการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นเพียงบทโหมโรงก่อนเจอของจริงในวันที่เราพ่ายแพ้ให้กับเส้นตาย 1.5 องศาเซลเซียส ที่ขีดกันไว้เมื่อหลายปีก่อน

แม้ฟังดูเป็นอนาคตที่น่ากลัว แต่ละครั้งสูญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เกิดการอพยพมากมาย แต่เมื่อลองเทียบข้อมูลการเสียชีวิตแล้ว ปัจจุบันถือว่ามีตัวเลขต่ำกว่าในช่วงยุค 1970 ที่ตายคราวละหลักแสนในทุกครั้งเกิดพายุใหญ่ ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านพยากรณ์อากาศ และระบบเตือนภัยต่างๆ ตลอดจนแนวทางเตรียมรับมือที่ดีและมีมากขึ้น

และอีกส่วนที่ขาดไม่ได้ ‘นักพยากรณ์อากาศประจำเมือง’ ซึ่งกำลังเป็นงานที่ได้รับการว่าจ้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน

weather forecaster l Forbes

‘นักพยากรณ์อากาศประจำเมือง’ คือใคร

‘นักพยากรณ์อากาศประจำเมือง’ อาจไม่ใช่ชื่ออาชีพที่ฟังคุ้นหูเท่าไร แต่ปัจจุบันเริ่มมีบริษัทเอกชนก่อร่างสร้างตัวและเข้ามามีบทบาทด้านนี้กันมากขึ้น 

บางบริษัทขยายกิจการจนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สำเร็จในเวลาไม่กี่ปี โดยเฉพาะในประเทศที่มีขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา และสภาพภูมิอากาศแต่ละภูมิภาคค่อนข้างต่างกันอย่างชัดเจน หรือในอินเดียที่เผชิญกับภัยพิบัติบ่อยครั้ง

หน้าที่ของ ‘นักพยากรณ์ฯ’ ก็ทำงานตรงๆ ตามชื่อ คอยพยากรณ์หรือคาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรรุนแรงแค่ไหน หิมะจะตกหนักหรือน้ำจะท่วมสูง และมันจะนำไปสู่อะไร การจราจรจะเป็นอัมพาตหรือไม่ ระยะเวลาเหตุการณ์จะกินเวลานานเท่าไร

นอกจากอธิบายเหตุการณ์ที่ (อาจ) เกิดขึ้นแล้ว ยังให้คำแนะนำว่าควรเตรียมการอย่างไร ต้องเตรียมรถไถหิมะหรือเตรียมโรยเกลือปริมาณเท่าไร ประชาชนต้องอพยพไปศูนย์หลบภัยหรือไม่ ต้องเตรียมเสบียงฉุกเฉินเท่าไร ตลอดจนมีส่วนช่วยให้คำแนะนำถึงการจัดหรือยกเลิกกิจกรรมในเรื่องเมืองระหว่างวันที่ฟ้าฝนอาจจะแปรปรวนหรือไม่ 

พูดง่ายๆ ก็คือการให้ ‘ข้อมูล’ ที่เพียงพอต่อการตัดสินใจนั่นเอง

ทำไมต้องประจำเมือง 

ในที่นี้ต้องขอย้ำว่า งานนี้คือการพยากรณ์อากาศให้กับ ‘เมือง’ ไม่ใช่รัฐ จังหวัด หรือภูมิภาค หรือถ้าเปรียบกับไทย ก็คือนักพยากรณ์สภาพอากาศประจำสุขุมวิท ประจำจตุจักร ประจำดอนเมือง อะไรทำนองนั้น ไม่ใช่ประจำกรุงเทพฯ หรือนนทบุรี หรือพยากรณ์ในรูปแบบภูมิภาคที่เรียกรวมๆ ว่า ปริมณฑล  ไม่ใช่อย่างนั้น

เหตุที่ต้องเจาะลึกกัน เพราะโดยทั่วไปข้อมูลการพยากรณ์อากาศมักจะรายงานในภาพรวมเสียส่วนใหญ่ หรือลองนึกถึงการพยากรณ์อากาศตามรายการข่าวที่มักแจ้งว่าภาคเหนือมีฝนตกชุก ภาคกลางฝนน้อย ฯลฯ

ข้อมูลพวกนี้อาจถูกต้องก็จริง แต่ก็อาจไม่ได้ ‘แม่นยำ’ เมื่อเจาะลึกลงไปตามพื้นที่ เป็นต้นว่าพื้นที่แต่ละแห่ง แม้จะอยู่ในเขตเดียวกันแต่บริบทของภูมิประเทศอาจไม่เหมือนกัน เมืองหนึ่งอาจอยู่บนที่สูงอีกเมืองอาจอยู่ที่ต่ำ หากมีฝนตกหนัก เมืองที่อยู่ต่ำก็ต้องระวังมากกว่าเมืองที่อยู่สูง ซึ่งก็มีรายละเอียดปลีกย่อยให้ต้องพิจารณาอีกเยอะ

และที่สำคัญคำแนะนำก็ไม่ได้มีรายละเอียดมากนักว่าต้องเตรียมตัวแค่ไหน หรือนี่จะเป็นเหตุฉุกเฉินระดับใด สัญญาณเตือนเป็นสีเขียว สีเหลือง หรือสีแดง 

แต่ส่วนที่สำคัญมากกว่านั้น ทุกวันนี้กลับพบว่าการแจ้งเหตุฉุกเฉินไปยังเมืองเล็กๆ ที่อาจเป็นพื้นที่ชายขอบ มีประชากรไม่เยอะกลับมีระบบเตือนภัยที่ค่อนข้างต่ำ หรือกล่าวได้อีกอย่างว่าเป็นเมืองที่ภาครัฐไม่ได้ลงทุนเรื่องการแจ้งเตือนภัยมากนัก 

จากจุดนี้เอง ทำให้เมืองบางเมืองหันมาใช้บริการนักพยากรณ์เอกชนแทนที่จะฟังประกาศของรัฐ หรือพูดได้อีกอย่างว่า อาชีพนี้เกิดขึ้นจากช่องโหว่ของภาครัฐที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเมืองต่างๆ อย่างเท่าเทียมนั่นเอง แม้จะจ่ายภาษีเท่ากันก็ตาม

อันที่จริงแล้วการจะฟันธงว่าอาชีพนี้คืองานแห่งโลกอนาคตเลย ก็คงจะพูดอย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้เสียทีเดียว มันก็เหมือนอาชีพอื่นๆ ที่ดำรงอยู่ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกสารพัน ไล่มาตั้งแต่เรื่องราวของความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติถ้าคุณคิดถูกก็จะมีเชื่อใจ แต่ถ้าคิดผิดความไว้ใจก็หายไป 

แต่ส่วนใหญ่ที่เมืองบางเมืองเลือกใช้บริการนักพยากรณ์อากาศประจำเมือง แทนที่จะฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ ไม่ใช่เพราะความถูกต้องแม่นยำ แต่เป็นเพราะวิธีการสื่อสารที่ทางฝั่งเอกชนจะคุย ‘รู้เรื่อง’ มากกว่าข้อมูลทางการหรือกึ่งทางการของรัฐ หากหน่วยงานรัฐพัฒนางานสื่อสารไปในทางที่เข้าใจง่าย เราก็อาจไม่จำเป็นต้องจ้างเอกชนมาช่วยก็ได้ 

กับอีกส่วนคือของคำแนะนำและการให้คำปรึกษา ที่ตราบใดหน่วยงานรัฐยังคงทำงานตามเวลาราชการ ไม่ได้ออนไลน์ 24 ชั่วโมง ความต้องการการช่วยเหลือจากภายนอกก็คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ในยุคที่เรายังแก้ไขวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่สำเร็จ การรับฟัง ‘ข้อมูล’ จากหลายๆ แหล่งเพื่อนำมาประกอบการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก็เป็นสิ่งที่สมควรต้องมี 

หรือตราบใดที่เรายังอยู่ในยุคสมัย #ผนงรจตกม การลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง ก็คงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

อ้างอิง