4 Min

รู้ไหม Chrome OS แซง MacOS เป็นระบบปฏิบัติการอันดับ 2 ของคอมพิวเตอร์บุคคลแล้ว

4 Min
3860 Views
06 Mar 2021

โควิด-19 เปลี่ยนโลกเราไปหลายอย่าง และถึงเราคงจะเบื่อประโยคทำนองนี้แล้ว แต่ในความเป็นจริง เราก็ยังตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไม่รอบด้าน เพราะช่วงต้นปี 2021 จะเริ่มมีสรุปสถิติทั้งปี 2020 มาให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ ที่เกิดขึ้น

และเรื่องหนึ่งที่เปลี่ยนไปเงียบๆ ก็คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อันดับ 2 ของโลกนั้นไม่ใช่ MacOS อย่างที่เราส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่เป็น Chrome OS ของ Google

ว่าแต่อะไรคือ Chrome OS? นี่แหละ…เราเลยต้องมาเล่าให้ฟัง

กำเนิด Chrome OS

ดังที่รู้กัน ทุกวันนี้ Android คือระบบปฏิบัติการ “คอมพิวเตอร์” ที่คนใช้มากที่สุดในโลก เพราะถ้านับทั้งคอมพิวเตอร์บุคคลและสมาร์ทโฟนเป็นคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้นแล้ว ระบบปฏิบัติการที่คนใช้กันเยอะที่สุดในโลกคือ Android มาตั้งแต่ปี 2017 แล้วแต่ถามว่า ความพยายามจะ “ครองโลก” ในเชิงระบบปฏิบัติการของ Google มีแค่นี้เหรอ? คำตอบคือไม่ใช่

Google นั้นไม่ได้มีแผน “ครองระบบปฏิบัติการ” เพียงแค่สร้างระบบปฏิบัติการ Android สำหรับสมาร์ทโฟนมาในปี 2008 เท่านั้น แต่ในปี 2009 ทาง Google ก็ได้เริ่มสร้างระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ขึ้นมา โดยเรียกว่า Chrome OS ตามชื่อบราวเซอร์ Chrome ของ Google ที่พัฒนามาพร้อมๆ กับระบบ Android (และกลายมาเป็นบราวเซอร์ที่ฮิตที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2014)

ซึ่งในปี 2011 ทาง Google ก็เริ่มผลิตแล็บท็อปที่ติดตั้ง Chrome OS มาขาย ซึ่งคอมพิวเตอร์พวกนี้เรียกว่า Chromebook และก็เรียกได้ว่าปี 2021 นี้เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของ Chromebook พอดี

ถามว่า Chromebook ต่างจาก Notebook ปกติหรือ Macbook ยังไง?

เราคงต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อนว่า Google ออกแบบ Chromebook ให้มันเป็นคอมพิวเตอร์ที่แทบไม่มีโปรแกรมอะไรอยู่ในเครื่องเลย ทุกอย่างใช้ออนไลน์หมด

หน้าจอของ Google Docs

หน้าจอของ Google Docs | Wikipedia

ซึ่ง “โปรแกรมทำงาน” พวกนี้ Google ให้ใช้ฟรีแบบออนไลน์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Google Docs, Google Sheets และ Google Slides ซึ่งสามารถใช้แทน Word, Excel และ Powerpoint ของ Microsoft ได้ทั้งนั้น ซึ่งบริการออนไลน์พวกนี้ Google เริ่มให้มาแล้วตั้งแต่ปี 2006 หรือก่อนจะเปิดตัว Chromebook ถึง 5 ปี

อ่านมาแบบนี้ก็คงจะสงสัยว่า ถ้า “ไม่มีเน็ต” ก็ใช้ Chromebook ไม่ได้เลยสิ!?

คำตอบคือ ‘ใช่’ และนี่เป็นเหตุผลที่ Chromebook ช่วงแรกๆ ไม่มีใครอยากจะใช้เลย เพราะลองนึกภาพโลก 10 ปีก่อน ไม่ใช่ว่า “ที่ไหนก็มีเน็ต” แบบทุกวันนี้ รวมไปจนถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ ก็ไม่ได้เสถียรแบบทุกวันนี้ด้วย

และนี่ก็ยังไม่ต้องพูดถึงโปรแกรมที่ทุกคนซื้อ Chromebook รุ่นแรกๆ มาก็งงว่าจะใช้โปรแกรมอะไร เพราะมันลงโปรแกรมทั้งของ Windows และ MacOS ไม่ได้ ถึงแม้ว่าระบบปฏิบัติการ Chrome OS จะพัฒนาให้ลงโปรแกรม Android ต่างๆ ได้ในปี 2014 และสามารถเชื่อมต่อกับ Google Play อย่างสมบูรณ์ในปี 2016 แต่พื้นฐานโปรแกรมต่างๆ บน Chromebook ก็ยังต่างกันกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่คนใช้มานานบน Windows และ MacOS มากอยู่ดี

และปัจจัยทั้งหมดก็เลยทำให้ Chromebook ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ขายดีมายาวนาน และทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Chrome OS ไม่ไปไหนมาเกือบ 10 ปี

โควิด-19 และจุดเปลี่ยนให้ Chromebook ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

โควิด-19 เรียกได้ว่าเป็น “ตัวโชคดี” แท้ๆ ของ Chrome OS เพราะปีที่แล้ว ยอดของ Chromebook พุ่งแล้วพุ่งอีก พุ่งจนงง และทำให้ในตอนปลายปี 2020 มันเอาชนะ MacOS กลายมาเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์บุคคลอันดับ 2 สำเร็จ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ณ ตอนนี้ ในโลกมี Chromebook มากกว่าคอมพิวเตอร์ทั้งมวลของ Apple แล้ว (ซึ่งนั่นคือ Macbook และ iMac รวมกัน ยังสู้ไม่ได้)

มันเกิดอะไรขึ้น?

ตรงนี้เราอาจต้องกลับมาที่ “จุดแข็ง” ของ Chromebook ซึ่งก็คือ “ราคา” เรียกได้ว่า มันเป็นไอเดียของ Google แต่แรกอยู่แล้วที่จะย้ายโปรแกรมและการประมวลผลทั้งหมดมา “ออนไลน์” ทำให้คอมพิวเตอร์ที่จะใช้บริการพวกนี้สเปคไม่ต้องสูงอะไรมาก CPU ก็ไม่ต้องแรง ความจุก็ไม่ต้องเยอะ และผลที่ตามมาก็คือ Chromebook มันเลยมีราคาถูกกว่า Notebook ปกติที่ลง Windows (หรือกระทั่งระบบปฏิบัติการต่างๆ ในตระกูล Linux) แบบเห็นๆ

พูดง่ายๆ ในขณะที่โดยทั่วไป Notebook สเปคที่พอจะใช้ทำงานทั่วไปได้ไหลลื่น มันก็น่าจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท แต่ถ้ามาดู Chromebook แล้ว เรียกได้ว่ามีงบ 7,000 บาท ก็สามารถหา Chromebook ระดับที่ใช้การได้ไปทำงานสบายๆ

แล้วใครคือกลุ่มลูกค้าของ Chromebook?

ดังที่เล่ามา โควิด-19 ทำให้ Chromebook ขายดี กลุ่มคนที่ซื้อ Chromebook ก็คือคนจำนวนหนึ่งที่ต้อง Work from Home อันเป็นผลจากการล็อกดาวน์ แต่ที่มากกว่านั้นคือพวก “เด็กนักเรียน” ทั่วโลก ที่ต้อง “เรียนหนังสือผ่าน Zoom”

เรื่องนี้คนที่ไม่มีลูกอาจไม่เข้าใจเท่าไร แต่อยากให้ลองคิดตามว่า พ่อแม่ทั่วโลกโดยทั่วไปไม่มีใครซื้อคอมพิวเตอร์ให้เด็กเล็กๆ หรอก แต่การต้องเรียนหนังสือจากที่บ้านทำให้พ่อแม่จำนวนมากต้องจำใจซื้อคอมพิวเตอร์ให้ลูกเรียนหนังสือจากบ้านได้ ซึ่งมันไม่มีใครอยากซื้อคอมพิวเตอร์ดีๆ หรือ “เกินการใช้งาน” และนี่เลยทำให้ Chromebook เป็นคำตอบของพ่อแม่จำนวนมากที่จะซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับเรียนหนังสือที่บ้านให้ลูก ซึ่งมันก็เป็นคำตอบที่ดี ราคามันย่อมเยา ใช้เรียนได้ ทำงานได้ และถึงจะไม่เหมาะต่อการใช้เล่นเกม แต่พ่อแม่ทั่วไปก็คงไม่ได้อยากให้ลูกเล็กๆ เล่นเกมอยู่แล้ว

คนที่ต้องการ Chromebook จำนวนมันเยอะขนาดไหน ก็เอาเป็นว่าปีเดียวส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์บุคคลเปลี่ยนไปเลย

และที่น่าสนใจอีกก็คือ เอาจริงๆ ส่วนแบ่งตลาดของ MacOS นั้นแทบไม่ได้ลดลงเลย แต่ที่ส่วนแบ่งตลาดลดลงคือ Windows ต่างหาก และแม้ว่าจะยังยืนเด่นอย่างท้าทายที่ส่วนแบ่งตลาด 80% แต่ก็เรียกได้ว่าประมาทไม่ได้เลย เพราะ Google บู๊กับ Windows โหดมากมาตลอด จนเรียกได้ว่าตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะนี่เป็น “ที่มั่นสุดท้าย” ของ Windows ก็ได้

และการเสียส่วนแบ่งตลาดไปเกือบ 5% ในปีเดียวของ Windows ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตลกเท่าไร

อ้างอิง: