เทียบราคา ‘ยาบ้า’ ถูกลงเรื่อยๆ จากยุค ‘สงครามยาเสพติด’ สู่ยุค ‘กัญชาเสรี’ แต่ยิ่งถูกก็ยิ่งระบาดหนัก
อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าใจระบุว่า ประเทศไทยกำลังเป็นฮับ (hub) กระจายยาเสพติดจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ยาบ้า แต่ปัญหาที่น่ากลัวคือยาเสพติดราคาถูกอย่างยาบ้าสามารถแพร่กระจายไปยังผู้เสพหลายกลุ่มได้ ‘ง่ายกว่า’ ยาเสพติดชนิดอื่นๆ การสำรวจ ‘ราคา’ ยาบ้าจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้คนในสังคมเตรียมตัวและเฝ้าระวังผลที่จะตามมาจากการเสพยาบ้ากันมากขึ้น ยิ่งในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองหนัก แม้กระทั่ง ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ ก็อาจหาประโยชน์จากยาบ้าเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการรีดไถเงินจากผู้ค้ายา ไปจนถึงการปล้นของกลางมาขายต่อ
ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ฉบับย่นย่อของแอมเฟตามีน (Amphetamine) ก่อนที่จะกลายมาเป็น ‘ยาบ้า’ ในปัจจุบัน สารเสพติดตัวนี้เคยถูกเรียกว่า ‘ยาม้า’ หรือ ‘ยาขยัน’ มาก่อน และเคยเป็นของหาง่ายที่สามารถพบได้ตามปั๊มน้ำมันหรือร้านขายของชำทั่วไปในยุคก่อนทศวรรษ 1990
สาเหตุที่ยาม้าหรือยาขยันเป็นของยอดฮิตในกลุ่มคนที่ใช้แรงงานหรือคนที่ต้องทำงานติดต่อกันนานๆ ก็เพราะผลข้างเคียงในช่วงแรกๆ ของแอมเฟตามีนทำให้คนเสพรู้สึกตื่นตัว เพราะสารเคมีตัวนี้มีผลกระตุ้นประสาทส่วนกลาง แต่พอเสพไปนานๆ ก็ทำลายสมองและทำให้เกิดภาวะผิดปกติทางระบบประสาท จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่สื่อไทยมักจะเรียกว่า ‘คนคลั่งยาบ้า’ จนเป็นภัยกับคนอื่น
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา ก็เลยเปลี่ยนชื่อเรียกแอมเฟตามีนจากยาม้า–ยาขยันเป็น ‘ยาบ้า’ ในปี 2539 โดยระบุว่า “เพื่อให้คนตระหนักถึงผลข้างเคียงของยาเสพติดชนิดนี้” ที่ไม่เป็นผลดีใดๆ กับผู้ใช้งาน
แต่ถามว่าเปลี่ยนชื่อเป็นยาบ้าแล้วทำให้แอมเฟตามีนหมดไปจากประเทศหรือเปล่า…เราทุกคนก็คงรู้กันดีว่า ‘ไม่เลย’
เทคโนโลยีก้าวหน้า ราคายาบ้าก็เลยถูกลง
ปัญหายาบ้าในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้น เห็นได้จากรายงานประจำปีช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม บ่งชี้ว่า การจับกุมคดียาบ้าและของกลางที่ยึดมาได้เพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี
ช่วงที่รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ประกาศนโยบาย ‘สงคราม (ต่อต้าน) ยาเสพติด’ ระหว่างปี 2544-2547 มีผลต่อราคายาบ้า โดยข้อมูลประกอบการประชุมของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2548 เรื่องผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระบุว่า ราคาขายปลีกยาบ้าช่วงก่อนจะมีสงครามยาเสพติดอยู่ที่ 60-120 บาทต่อเม็ด แต่ยุคหลังจากนั้นยาบ้าราคาตกเม็ดละ 200-300 บาท
ส่วนปี 2550-2553 สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำรายงานประจำปีเรื่องการปราบปรามยาเสพติด แต่ไม่ได้มีการระบุราคายาเสพติดแต่ละชนิด ก็เลยไม่อาจจะระบุได้ว่าช่วงปีนั้นราคาขายปลีกยาบ้าต่อเม็ดเป็นราคาเท่าไหร่กันแน่
ขณะที่ปี 2554-2556 มีการระบุว่า ราคายาบ้าตกเม็ดละ 370 บาท ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลผ่านสื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าเป็นข้อมูลในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการปราบปรามยาเสพติด และย้ำว่า ยาบ้าราคาถูกก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง และเยาวชนติดยาเสพติดเพิ่มจำนวนมากเพราะ ‘เข้าถึงได้ง่าย’
ช่วงระหว่างปี 2557-2558 มีรายงานอ้างอิงข้อมูลของ ป.ป.ส. ระบุว่า ยาบ้าขายปลีกอยู่ที่เม็ดละ 300 บาท แต่ในปี 2559-2560 มีผู้เสพยาบ้ารายหนึ่งให้ข้อมูลกับสื่อไทย PPTV HD 36 ว่า ราคายาบ้ายุคนี้อยู่ที่ประมาณเม็ดละ 100-150 บาท
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาราคาขายปลีกยาบ้าระหว่างปี 2560-2564 ที่จัดทำโดย ‘กนิษฐา ไทยกล้า’ นักวิจัยของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (RIHES) ที่ได้ทุนสนับสนุนโดยศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด (ศศก.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ยุคนี้ราคาขายปลีกยาบ้าอยู่ที่เม็ดละประมาณ 80-100 บาท แต่รายงานในปี 2564 ของ ป.ป.ส. บ่งชี้ว่า ยาบ้าราคาถูกสุดที่พบในปีนี้คือเม็ดละ 30 บาท
จนกระทั่งปี 2565 ‘ยุคกัญชาเสรี’ สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศสมาชิกอาเซียน ระบุตรงกันว่า ยาบ้าเป็นยาเสพติดที่มีสถิติการจับกุมมากที่สุดในไทย และเตือนด้วยว่าการที่ยาบ้า (และยาเสพติดอื่นๆ) ราคาถูกลงคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นจะส่งผลให้การค้าและการเสพขยายตัวสูงต่อเนื่อง
ที่ยาบ้าราคาถูกลงเป็นเพราะเทคโนโลยีการผลิตยาเสพติดถูกพัฒนาไปมาก ทำให้ผลิตง่ายขึ้นและผลิตได้เป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง ซึ่งข้อมูลของ UNODC ก็สอดคล้องกับการรายงานของสื่อไทยที่อ้างอิงการจับกุมคดียาบ้าแต่ละเคสในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ราคาขายปลีกยาบ้าต่อเม็ดนั้นถูกลงมาก เฉลี่ยประมาณ 10-30 บาท ไปจนถึง 30-50 บาทเท่านั้น
แต่ยิ่งคนเสพยาบ้ากันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อสังคมมากขึ้น เห็นได้จากข่าวคราวคนเสพยาบ้าที่หลอนและคลุ้มคลั่งจนไปทำร้ายคนอื่นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเงินจาก ‘ธุรกิจมืด’ ยังทำให้ ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’ หลายรายกลายเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง เหมือนกรณีล่าสุดซึ่งมีกลุ่มปลัดและ อส. ถูกเปิดโปงว่า ‘จัดฉาก’ ปล้นยาเสพติดของกลาง และต้องสงสัยว่าจะนำไปขายต่อ และกรณีสุดอื้อฉาวของ ‘ผู้กำกับโจ้’ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ที่มีคลิปคลุมถุงดำ–ซ้อมและรีดไถเงินจากผู้ต้องหาคดียาเสพติด
อ้างอิง
- Resolution.SOC. ผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตั้งแต่มีนาคม 2544-ธันวาคม 2547 เพื่อประกอบระเบียบวาระการประชุม. https://bit.ly/3QrswIa
- ONCB. รายงานประจำ2564 ผลการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ สำนักปราบปรามยาเสพติด. https://bit.ly/3zbPnBJ
- Voice TV. ‘เฉลิม‘ อัด รบ.สอบตกแก้ยาเสพติด – ชี้ยาบ้ายุคนี้ 3 เม็ด 100 บาท. https://bit.ly/3SHJbIl
- FDA. สรุปปริมาณและมูลค่ายาเสพติดให้โทษของกลางที่อนุมัติทำลายครั้งที่ 4 ประจำปี 2557. https://bit.ly/3D9yh8F
- PPTVHD36. ยาบ้าระบาดหนัก ราคาเหลือเม็ดละ 20-50 บาท. https://bit.ly/3sudaZJ
- RIHES. รายงานฉบับสมบูรณ์ ตลาดการค้ายาเสพติดในประเทศไทย. https://bit.ly/3FcoJMS
- SDG Move. รายงานฉบับใหม่ของ UNODC ชี้ยาบ้าในอาเซียนราคาถูกลง เข้าถึงง่ายขึ้น ส่งผลให้การค้าและเสพขยายตัวสูงต่อเนื่อง. https://bit.ly/3D7uV7Y
- Thairath. ยาบ้าเม็ดละ 10 บาท รวบหนุ่มเอเย่นต์ปราจีนบุรี ของกลางเกือบสามพันเม็ด. https://bit.ly/3TEE0KD