ใครทาสแมวยกมือขึ้น!
วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับปรสิตชนิดหนึ่งครับ อาจจะเป็นหนึ่งในปรสิตล้างสมองพวกเราให้ยอมกลายเป็นทาสแมวอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ เอาล่ะ เรามาร่วมออกเดินทางไปค้นหาความลับและทำความรู้จักเจ้าปรสิตตัวนี้กันดีกว่า แต่ไม่ใช่เฉพาะทาสแมวที่ควรรู้ แต่เป็นประเด็นด้านสุขภาพที่ทุกคนควรศึกษาไว้เหมือนกัน
พระเอกของเราในวันนี้คือเจ้า ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อปรสิต ท็อกโซพลาสมา กอนดิ (Toxoplasma gondii) เป็นปรสิตที่แพร่กระจายสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแมว หนู และแน่นอนมนุษย์เฉกเช่นพวกเรา
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนัก เพราะผู้คนกว่า 1 ใน 3 ก็มักจะมีเจ้าเชื้อตัวนี้อยู่ในร่างกายกันอยู่แล้ว แถมที่สำคัญใครที่มีภูมิคุ้มกันปกติมันก็แทบจะไม่ได้แสดงผลทางกายภาพใด ๆ แต่ประเด็นก็คือท็อกโซพลาสโมซิสมักจะเข้าไปบิดเบือนความคิดและพฤติกรรมของเราด้วย
เชื้อปรสิตชนิดมักจะเกิดการสืบพันธุ์ในลำไส้ของแมว และหลังจากนั้นมันจะถูกถ่ายออกมาผ่านทางอุจจาระ และเจ้าอุจจาระของแมวนี่แหละเป็นตัวการสำคัญในการแพร่กระจาย
หากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีโอกาสเข้าไปปนเปื้อนก็จะรับเชื้อเข้าไปอย่างง่าย ๆ แต่ด้วยความที่มันไม่สามารถสืบพันธุ์ในร่างกายของหนูหรือมนุษย์ได้ มันก็จะต้องพาตัวเองกลับที่ลำไส้ของแมวให้ได้ในวันใดวันหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นหนูที่มีสิทธิ์จะถูกผู้ล่าอย่างแมวกินกลับเข้าไปนั่นเอง
ด้วยความที่มันต้องการสืบพันธุ์นอกจากจะไปแพร่เข้าไปในร่างกายหนูแล้ว มันยังไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หนูกลายเป็นเหยื่อของแมวได้ง่ายขึ้นอีกด้วย หนูที่ได้รับปรสิตตัวนี้เข้าไปปรับเปลี่ยนการรับรู้ในสมองของหนู หนูจะมีอาการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ช้าขึ้น ที่สำคัญมันไม่ได้แค่ช้าลง หนูยังมีพฤติกรรมใกล้ชิดแมวขึ้นด้วย อย่างการชอบฉี่ของแมว และไม่เกรงกลัวแมวเท่าที่มันเคยเป็น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ จะทำให้สัตว์ฟันแทะอย่างหนูกลายเป็นเหยื่ออันโอชะได้ง่ายขึ้น ผลที่ตามก็คือเจ้าปรสิตก็สามารถกลับเข้าไปสืบพันธุ์ในลำไส้ของหนูได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง
โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่าวิธีการที่มันเข้าไปบิดเบือนสมองในเรื่องการปล่อยสารทางอารมณ์ต่าง ๆ อย่างพวกโดพามีน เซโรโทนิน หรือเทสโทสเตอโรน เป็นต้น
พอเห็นภาพกันมากขึ้นไหมครับ ว่าการดิ้นรนเพื่อที่จะสืบพันธุ์ของเจ้าปรสิตตัวนี้มันส่งผลต่อพฤติกรรมสิ่งมีชีวิตที่มันเข้าไปแพร่เชื้ออย่างไรบ้าง และแน่นอนครับคนเราก็สามารถรับเจ้าปรสิตนี้เข้าไปเช่นกัน ซึ่งส่วนมากมักจะมาจากการคลุกคลีกับแมว การทำความสะอาดกระบะที่มีอุจจาระแมวอยู่ หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไป
ซึ่งมันก็สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของเราได้เฉกเช่นเดียวกับหนูนั่นแหละครับ เราอาจจะมีการตอบสนองช้าลง การยับยั้งชั่งใจน้อยลง กล้าได้กล้าเสียมากยิ่งขึ้น แถมยังมีการเชื่อมโยงกับโรคจิตเภทบางอย่างอีกด้วย ถึงแม้จะไม่มีได้การศึกษาอย่างชัดเจนแต่ก็เชื่อว่าปรสิตตัวน่าจะหาหนทางต่าง ๆ เพื่อให้มันได้เข้าใกล้กลับเจ้าแม่มากที่สุด และมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์ยอมตกเป็นทาสและคลุกคลีอยู่แมวตลอดวันแบบไม่มีเบื่อเลยก็ได้
โดยเจ้าปรสิตตัวนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญของสาเหตุที่ว่า ‘คนท้อง’ ไม่ควรเลี้ยงแมว เพราะเชื้อตัวนี้สามารถผ่านเข้าที่ทารกผ่านทางรก และอันตรายก็จะไปตกอยู่ที่เด็กในครรภ์นั่นเอง เด็กอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ มีความผิดปกติอื่น ๆ หรืออาจมีการอาการแท้งได้เลยด้วยซ้ำ (แต่สำหรับบางกรณีเชื้อนี้ถึงแม้จะผ่านไปถึงทารกได้แต่ก็ไม่ได้สร้างอันตรายใด ๆ )
ทางแพทย์ยังย้ำเตือนอีกว่า ไม่ใช่เฉพาะช่วงตั้งครรภ์ แต่หากสุภาพสตรีท่านใดมีแผนที่จะแต่งงานหรือมีแผนที่จะมีบุตรก็ควรจะตรวจโรคนี้ ส่วนสุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์อยู่แล้วก็ควรไปตรวจโรคนี้ไว้เสียแต่เนิ่น ๆ ครับ
เพราะฉะนั้นเราคงไม่ได้บอกให้ทุกคนเอาน้องเหมียวไปทิ้ง แต่ก็พยายามทำความสะอาดร่างกายและพื้นที่ให้บ่อยขึ้น และก็ไม่ต้องหวาดกลัวไปครับ อย่างที่เราบอกไปในข้างต้นมันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เราคิด เพราะภูมิคุ้มกันของคนปกติก็เพียงพอที่จะเป็นโรคร้ายจากมันได้ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องก็ควรไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและต้องเพิ่มระดับการดูแลรักษาตัวเองให้มากเลยนะครับ เพราะมันร้ายแรงถึงการเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
แล้วคุณล่ะ คิดว่าปรสิตนี้เป็นเหมือนอาวุธสำคัญในการครองโลกของเจ้าแมวหรือเปล่า?
หรือมันไม่ได้เป็นโรคที่ทำให้เรารักแมว แต่เพราะเรารักแมว เราเลยยินยอมให้เจ้าปรสิตนี้เข้าสู่ในร่างกายเรานั่นเอง
อ้างอิง: