2 Min

ไขความลับแมวตกจากตึก 32 ชั้นแล้วรอดชีวิต

2 Min
1993 Views
17 Oct 2022

แมวคือสัตว์ที่ว่ากันว่ามี 9 ชีวิต เพราะความสามารถในการเอาตัวรอดจากการตกจากที่สูงของมัน อย่างไรก็ดี ถ้าบอกว่ามีแมวตกจากตึก 10 ชั้นแล้วไม่ตาย หลายคนคงไม่เชื่อ

แต่ในความเป็นจริง ความสูงที่สุดของตึกที่แมวตกลงมาแล้วไม่ตาย ซึ่งได้รับการบันทึกไว้คือ 32 ชั้น!!

ข้อเท็จจริงแสนประหลาดอย่างหนึ่งของแมวก็คือ ไม่ว่ามันจะตกจากตึกกี่ชั้นก็ตาม มันมีโอกาสรอดสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องที่พิลึกกว่านั้นก็คือ แมวยิ่งตกจากตึกไม่สูงมันยิ่งมีโอกาสเจ็บหนัก เช่นขาหัก กรามหัก ซึ่งเราเรียกอาการแบบนี้ว่า ‘High-Rise syndrome’

ซึ่งนั่นหมายความว่า แมวถ้าตกจากตึกสูงไม่เกิน 7 ชั้น มันมีโอกาสขาหัก แต่ตกจากที่สูงกว่านั้น ขาอาจจะไม่หัก หรือจะบาดเจ็บน้อยกว่า

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? จริงๆ มันมีวิทยาศาสตร์อธิบาย

คือเราต้องเข้าใจก่อนว่า เวลาสิ่งใดๆ ตกจากตึก มันจะมีสิ่งที่เรียกว่าความเร็วสูงสุดซึ่งก็คือความเร็วที่สุดที่เกิดขึ้นเพราะแรงต้านอากาศมันทำงานให้สิ่งที่ตกลงมามันตกได้ไม่เร็วกว่านี้

จากการคำนวณ แมวที่ตกตึก น่าจะถึงความเร็วสูงสุดได้ประมาณความสูงตึก 7 ชั้น

ซึ่งการตกลงด้วยความเร็วสูงสุด เขาบอกว่ามันจะรู้สึกเหมือนตัวนั้นไร้น้ำหนักคือมันรู้สึกถึงการผ่อนคลาย (อันนี้ต้องไปถามพวกนักกระโดดร่มว่าผ่อนคลายจริงไหม)

และสำหรับแมว น่าจะด้วยสัญชาตญาณของมัน เมื่อความเร็วถึงระดับนั้น มันจะกางสี่ขาออกเหมือนนักกระโดดร่ม ซึ่งผลคือมันเป็นการเพิ่มแรงต้านอากาศ ดังนั้นความเร็วขณะร่วงจะช้าลง ซึ่งมันทำไปพร้อมๆ กับการเตรียมหล่นลงพื้นแบบเพิ่มพื้นผิวสัมผัสให้มากที่สุดเพื่อกระจายแรงกระแทกไปให้ทั่ว ไม่ใช่ให้มันลงด้วยเท้าทั้ง 4

ที่เหลือ ก็เป็นเรื่องของความยืดหยุ่นร่างกายระดับเทพของแมว ซึ่งผลก็คือ หลังจากมันกระจายแรงกระแทกไปทั่วร่างกายอันยืดหยุ่นของมัน มันก็จะรอดชีวิต รอดกระทั่งบาดเจ็บร้ายแรง แม้จะตกจากตึกสูงเป็น 10 ชั้นก็ตาม!

ซึ่งถามว่า ทำไมแมวตกตึกเตี้ยๆ มันไม่ทำแบบเดียวกัน คำตอบคือ ระยะมันสั้นเกินไป แมวมันไม่สามารถเปลี่ยนท่าได้ทัน เลยเอาเท้าลงตามปกติ ซึ่งผลก็คือขาหัก!

ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นสมมติฐานที่เขาคิดเอาจากสถิติการบาดเจ็บของแมวตกตึก ไม่ได้มีการทดลองเอาแมวจริงๆ โยนจากตึก ซึ่งก็ดีแล้วแหละ สงสารน้อง!

อ้างอิง