ย้อนรอยต้นกำเนิดแอร์ นวัตกรรมที่ชาวไทย ต้องพร้อมใจกันขอบคุณ

3 Min
346 Views
09 Aug 2021

ในวันที่อากาศร้อน สำหรับชาวไทยคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านวัตกรรมที่เข้ามาเยียวยาพวกเราอย่าง แอร์ แต่เคยตั้งคำถามกันไหมใครกันหนอที่เป็นคนคิดแอร์ ? เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เรามีชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวัน

เอาจริงๆ เทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันหลายๆ อย่าง ตั้งแต่เครื่องซักผ้าไปจนถึงสมาร์ทโฟน มันพูดยากว่าใครคือ “คนคิด” เพราะกว่ามันจะหน้าตาเหมือนที่เราใช้กันในปัจจุบัน มันต้องผ่านการค่อย ๆ คิดพัฒนาเทคโนโลยีมาที่ละขั้นๆ ซึ่งคนหลายคนและหลายรุ่นมากค่อยๆ คิดกันมา ดังนั้น มันฟันธงลงไปไม่ได้ว่าใครคือคนคิดเทคโนโลยีเหล่านี้เพียงคนเดียว

แต่ก็โชคดีเหลือเกินที่เทคโนโลยีบางอย่าง เราสามารถจะพูดฟันธงลงไปได้เลยว่า “คนคิด” คือใคร และแอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น

Willis Carrier เกิดในปี 1876 ที่นิวยอร์ค เขาเป็นคนเรียนเก่งได้ทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัย Cornell และในวัย 25 ปีเขาก็จบปริญญาโทด้านวิศวกรรม ก่อนที่จะเข้าไปทำงานที่ Buffalo Forge Company ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจ้างผลิตสิ่งต่างๆ รวมทั้งทำด้านระบบทำความร้อนในอาคาร

ระหว่างทำงาน เขาได้เจอกับปัญหาของลูกค้าที่เป็นโรงพิมพ์ ซึ่งปัญหามันก็คือ ความชื้นในอากาศที่ไม่แน่นอนได้ทำให้กระดาษขยาย และหดตัวแบบคาดเดาไม่ได้ เขาเลยคิดระบบในการจัดการกับความร้อนและความชื้นในอากาศขึ้นและจดสิทธิบัตร ซึ่งนั่นคือสิทธิบัตรใบแรกของเขา และมันได้สถาปนามาตรฐานของเทคโนโลยี “ปรับอากาศ” ในอาคารมาจนถึงทุกวันนี้เลยว่ามันต้องมี 1. ระบบควบคุมอุณหภูมิ 2. ระบบควบคุมความชื้น 3. ระบบควบคุมการถ่ายเทของอากาศ 4. ระบบฟอกอากาศ

หลังจากเขาในวัย 29 ปี ได้สิทธิบัตรใบแรก เขาก็ไม่ลดละจะสร้างนวัตกรรมในการควบคุมอากาศ และในปี 1911 Willis Carrier ในวัย 35 ปี เขาก็ได้พรีเซนต์เปเปอร์ที่เรียกได้ว่าเป็นเปเปอร์ไอเดียต้นแบบของเทคโนโลยีแอร์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ที่งานประชุมวิศวกรรมเครื่องกลแห่งชาติของอเมริกา

อย่างไรก็ดีไม่นานนักบริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็ยกเลิกแผนกที่ทำเรื่องระบบการทำความร้อนในอาคารไป แต่เนื่องจาก Willis Carrier มีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะปฏิวัติเทคโนโลยีควบคุมอากาศให้กับโลก เขาและเพื่อนวิศวกรอีก 6 คนก็เลยแยกออกมาตั้งบริษัท เพื่อพัฒนา “ระบบปรับอากาศ” โดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทนี้ชื่อ Carrier Engineering Corporation (ซึ่งถ้าเราคุ้นๆ มันก็คือบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของแบรนด์แอร์ Carrier ในปัจจุบันนี่แหละครับ)

ในปี 1915 Willis Carrier ในวัย 39 ปีได้มีบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรก และเขาก็หมายมั่นปั้นมือที่จะสร้าง “เครื่องปรับอากาศ” ให้สำเร็จ อย่างไรก็ดี อุปสรรคของเขาตอนนี้ก็คือ มันยังไม่มีสารเคมีที่ใช้ทำความเย็นที่ใช้การได้จริงที่ไม่เป็นพิษและติดไฟได้ง่ายทำให้เกิดอันตราย

แต่นักสร้างนวัตกรรมอย่างเขาก็ไม่ลดละ และในวัย 45 ปี เขาก็ยื่นสิทธิบัตรเกี่ยวกับกระบวนการผลิตสารเคมีตัวหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติที่ทำความเย็นได้ แต่ไม่เป็นพิษและติดไฟได้ยาก …และสารเคมีที่ว่านี้ทุกวันนี้เราเรียกมันว่า “น้ำยาแอร์”

เมื่อเทคโนโลยีมาครบแล้ว Carrier Corporation ก็พร้อมให้บริการ “ติดแอร์” ตลอดช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งสถานที่แรกๆ ที่ใช้บริการของ Carrier Corporation คือห้าง J.L. Hudson ที่เมืองดีทรอยต์ และนี่ถือเป็นห้างแรกๆ ของโลกที่ “ติดแอร์” ซึ่งยุคนั้นก็สร้างความตื่นเต้นให้คนอเมริกันจำนวนมาก

หลังจากห้างสรรพสินค้า ลูกค้าเจ้าต่อๆ มาที่ “ติดแอร์” ก็ได้แก่ ทางรัฐบาลสหรัฐ ที่ให้ Carrier Corporation ไป “ติดแอร์” ที่ทำเนียบรัฐบาล และต่อมาไม่นานโรงหนังทั่วอเมริกาก็ “ติดแอร์” กันเป็นมาตรฐาน

เรียกได้ว่าในปี 1930 ที่ Willis Carrier อายุได้ 54 ปี เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศของเขากลายมาเป็น “มาตรฐานอุตสาหกรรม” ในหลายๆ แวดวงไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ถ้าพอรู้ประวัติศาสตร์หลังจากนั้น เศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลกก็เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่เรียกว่า The Great Depression และหลังจากนั้นหายนะทางเศรษฐกิจก็คอมโบมาด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งธุรกิจอะไรก็ไม่เจริญหรอกครับช่วงนั้น เรียกได้ว่ารอดมาได้ก็เก่งแล้ว

แต่ Carrier Corporation ก็รอดมาได้ และพอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงทศวรรษ 1950 ที่เศรษฐกิจอเมริกาบูมอีกรอบ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า โรงหนังและทำเนียบรัฐบาลเท่านั้นที่จะต้องมีแอร์แล้ว แต่ตอนนี้ออฟฟิศต่างๆ ก็ต้อง “ติดแอร์” เป็นมาตรฐานแล้ว และนี่ทำให้บริษัทที่บุกเบิกเทคโนโลยีนี้อย่าง Carrier Corporation ได้ส่วนแบ่งของตลาดนี้ไปอย่างมหาศาล

ด้าน Willis Carrier ไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย เขามีอาการหัวใจวายจนต้องหยุดทำงานไปในปี 1948 ก่อนจะจบชีวิตลงในปี 1950 ในวัย 73 ปี

เรียกได้ว่า เขาอยู่ไม่ทันเห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เขาสร้างมากับมือต่อโลกอย่างเต็มที่ เพราะขนาดยุคที่สำนักงานทั้งหมดต้อง “ติดแอร์” เป็นมาตรฐานเขายังอยู่ไม่ทันเลย ไม่ต้องพูดถึงยุคที่คน “ติดแอร์” กันตามที่พักอาศัยกันเป็นปกติ (ซึ่งอเมริกาทุกวันนี้เป็นสังคมที่คน “ติดแอร์” กันมากที่สุดในโลกไปแล้ว)

แต่ก็นั่นแหละครับ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ทันความเปลี่ยนแปลงที่เขาสร้างให้กับโลก ทุกวันนี้เราก็มีชีวิตแบบ “อยู่เย็น เป็นสุข” ก็เพราะเทคโนโลยีที่ Willis Carrier คิดไว้เมื่อราว 100 ปีที่แล้ว นี่แหละ

ดังนั้น เวลาจะขอบคุณว่าใครเป็นคนคิดแอร์ให้เราใช้ทุกวันนี้ ขอบคุณกันถูกคนแล้วนะครับ