ทำไมแบรนด์ดังถึงหันมาทำ Merchandise ต้อนรับการเปิดตัวคอลเลกชันแรกของคาราบาว แบรนด์ที่เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม แต่คือไลฟ์สไตล์ของผู้คน
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นแบรนด์ดังระดับโลกหลายๆ แบรนด์ โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มและอาหาร มักจะหันมาทำ Merchandise ออกมาเป็นเสื้อผ้า ของใช้ หรือของสะสมที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเอง และบางทีของชิ้นนั้นก็เป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์มากนัก ทั้งที่รายได้หลักมาจากการขายสินค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น KFC ธุรกิจอาหารแบบด่วนที่นอกจากจะเด่นดังเรื่องไก่ทอดแล้ว ยังขยันผลิต Merchandise ออกมาเป็นว่าเล่น และกลายเป็นกระแสฮือฮาให้เหล่าแฟนคลับ KFC ไปตามหาสินค้ากันยกใหญ่ โดยส่วนมากมักเป็นสินค้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ไปจนถึงของแต่งบ้าน ซึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์หลังเปิดตัว Merchandise และวางขายใน KFC Limited E-Store เพียง 1 สัปดาห์ มีสินค้ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ขายหมดสต๊อก เช่น หมวก เสื้อ หมอน เข็มกลัด สร้อยคอ ไปจนถึงกรอบรูปเลยทีเดียว
หรือแบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ฮิตติดลมบนอย่างโค้กเอง ก็มี Merchandise สนุกๆ ออกมาให้ตามเก็บกันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความเป็นแบรนด์เครื่องดื่มอย่างกระติกน้ำ และยังมีสินค้าที่เชื่อมโยงถึงความเป็นไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ไปจนถึงสินค้าที่เอาใจสาวๆ อย่างเครื่องสำอางและน้ำยาทาเล็บ เรียกได้ว่าโค้กทำ Merchandise ออกมาเข้าถึงคนแทบทุกเพศทุกวัย และในแต่ละปีโค้กมีรายได้ที่มาจากการจำหน่าย Merchandise ปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
จาก Case Study เหล่านี้จะเห็นได้ว่าพลังของ Merchandise ช่วยปลุกปั้นให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว กลายเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงและอยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากนี้ยังมีปริศนาอื่นๆ ซ่อนอยู่เบื้องหลังการทำ Merchandise ที่วันนี้เราจะพาไปไขปริศนานี้กัน
พร้อมพาไปทำความรู้จักกับ Merchandise คอลเลกชันแรกของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทยที่ผู้คนมักคุ้นหูกันดีกับสโลแกนนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ‘คาราบาว’ โดยจะมีความน่าสนใจอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันได้เลย!
ทำไมแบรนด์ดังถึงหันมาทำ Merchandise
1 – เป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์
บางทีการออกมาพูดถึงวิสัยทัศน์โดยตรง อาจไม่น่าอิมแพคเท่าการกระทำที่แสดงออกให้เห็นว่าแบรนด์นี้เป็นอย่างไร การทำ Merchandise จึงถือเป็นเครื่องมือชั้นดีอีกอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์หรือ DNA ของแบรนด์ได้
โดยเฉพาะในปัจจุบันที่หลายแบรนด์ไม่ได้แค่ต้องการยืนหนึ่งในวงการสินค้าที่ตนเองผลิตเท่านั้น แต่ยังอยากไปยืนอยู่ในใจผู้บริโภค การทำสินค้าที่เชื่อมโยงกับความชอบและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คน จึงทำให้แบรนด์ได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและในใจของผู้บริโภคได้อย่างง่ายดายมากขึ้น รวมถึงการที่แบรนด์ติดตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ว่าอะไรกำลังอยู่ในกระแส ก็จะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูทันสมัยตลอดเวลาอีกด้วย
2 – เปิดประตูสู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
เหตุผลต่อมาคือนอกจากแบรนด์จะต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมให้คงอยู่อย่างเหนียวแน่นแล้ว การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ไม่แพ้กัน ซึ่งบางทีกลุ่มเป้าหมายใหม่นี้อาจอยู่คนละ Segment กับฐานลูกค้าเดิม ทั้งแตกต่างกันด้วยอายุและไลฟ์สไตล์ ซึ่งหากผลิตไลน์สินค้าเพิ่มให้ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายอาจดูเป็นเรื่องยากและใช้งบประมาณที่มากเกินไป
การทำ Merchandise ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย จึงทำให้เเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกระเพื่อมเพื่อเรียกกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้สินค้าหลักให้หันมาสนใจแบรนด์ได้ ผ่านการสร้างภาพจำจากโลโก้และ CI ที่เห็นเด่นชัดใน Merchandise ซึ่งนอกจากจะได้ยอดขายจากสินค้าเหล่านี้แล้ว ยังเป็นการเปิดประตูบานใหม่สู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กลายมาเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าหลักของแบรนด์ในอนาคตก็เป็นได้
3 – เปลี่ยนลูกค้าให้มาเป็นแฟนพันธุ์แท้
แบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งแล้ว มักจะมีฐานลูกค้าที่เป็น Loyalty หรือลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ โดยแสดงให้เห็นผ่านการซื้อสินค้าซ้ำและมีส่วนร่วมกับแคมเปญต่างๆ ของแบรนด์ เพราะฉะนั้นหากมีการทำ Merchandise ออกมา จึงไม่ได้เป็นแค่เพียงของใช้สำหรับจัดจำหน่ายเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่สร้างสายสัมพันธ์และความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับลูกค้า
และในขณะเดียวกันก็เป็นการเปลี่ยน ‘ลูกค้า’ ให้เป็น ‘แฟนพันธุ์แท้’ หรือจะเรียกว่าเป็นการสร้าง ‘สาวกแบรนด์’ (Evangelist) เลยก็ว่าได้ ซึ่งพอแบรนด์ที่ตนเองรักมีการออก Merchandise หรือของสะสมที่มีโลโก้แบรนด์ ลูกค้าประจำก็อยากได้สินค้านั้นมาครอบครอง จนบางคนอาจเป็นแฟนตัวยงที่ตามเก็บทุกคอลเลกชันเลยก็ว่าได้
รวมถึงการมีแฟนพันธุ์แท้ประจำแบรนด์ ยังช่วยทำหน้าที่ให้การสนับสนุน เป็นกระบอกเสียงบอกต่อข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ผ่านการกดไลก์ กดแชร์ หรือบอกต่อคนใกล้ตัว และพร้อมเป็นผู้ปกป้องแบรนด์ที่ตนเองรัก
จากเหตุผลหลักๆ นี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์ดังๆ ถึงเลือกทำ Merchandise ออกมามากมาย ซึ่งตามที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าล่าสุดก็ได้มีแบรนด์ไทยอย่างคาราบาว ที่นอกจากจะประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังแล้ว ยังได้มีการทำ Merchandise คอลเลกชันแรกออกมาเป็นของตัวเองอีกด้วย
คาราบาวเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงในกลุ่มของตลาดแมส (Mass) หรือตลาดที่มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยมักจะเป็นวัยทำงานและกลุ่ม Blue Collar ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานในออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการมี Brand DNA ที่แข็งแรง ทำให้ในวันนี้คาราบาวเป็นมากกว่าแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง แต่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้คน
ด้วยการต่อยอดสู่การทำ Merchandise เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ในคอนเซ็ปต์ ‘Carabao Outdoor Collection’ เที่ยวได้ทุกที่ เท่ได้ทุกวัน กับคาราบาว โดยเป็นการจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะเทรนด์ในช่วงนี้คือ การไปแคมปิง เห็นได้จากสถิติมูลค่าตลาดแคมปิงทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 11.2 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว นั่นจึงเป็นการยืนยันได้ดีว่า Merchandise คอลเลกชันแรกของคาราบาวทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
โดยในคอลเลกชันแรกนี้นำเสนอผ่านสินค้าที่เรียบง่าย คุณภาพดี และมีฟังก์ชันพร้อมใช้งาน แต่ยังไม่ทิ้งตัวตนของคาราบาว ซึ่งมีให้เลือกช็อปทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อย่างเสื้อแขนยาว เสื้อแจ็กเก็ต เสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ซึ่งถือเป็นการแต่งกายสไตล์เท่ๆ พร้อมไปลุยได้ทุกที่ หรือจะเป็นกระเป๋าใส่ของที่มีให้เลือกทั้งกระเป๋าผ้าแคนวาสที่จุของได้เยอะ และกระเป๋าสะพายข้างพกพาง่าย สะพายแล้วคล่องตัวสุดๆ ปิดท้ายด้วยไอเท็มเด็ดของสายแคมปิง อย่างหมวกกันแดด กระบอกน้ำเก็บความเย็น และเก้าอี้สนามคาราบาว
สำหรับไอเท็มเพื่อสาย Outdoor ดีไซน์มินิมอล คุณภาพดี มาพร้อมราคาที่จับต้องได้นี้ เปิดให้เป็นเจ้าของกันได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 30 ก.ย. 2566 ในช่องทาง Shopee: https://bit.ly/3YVH4FD และ Lazada: https://bit.ly/3OZTiIG แอบกระซิบว่าสินค้าสุดฮิตอย่างเก้าอี้สนาม Sold Out เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีสินค้าอื่นๆ ให้ได้จับจองเป็นเจ้าของกันอยู่ แต่รีบหน่อยนะ เพราะของดีๆ แบบนี้มีจำนวนจำกัดเท่านั้น!