3 Min

เมื่อการกลับมาของเหล่าเจ้าพ่อ Oasis, Blur, Pulp สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ หรือนี่คือการเริ่มต้นยุคใหม่ของ Britpop?

3 Min
7 Views
27 Aug 2025

ในวงการดนตรี ‘Britpop’ หรือดนตรีแนวร็อกที่มีอิทธิพลในสหราชอาณาจักรช่วงกลางถึงปลาย 1990s ยังเป็นที่จดจำและเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่โดยตลอด หลายคนคงจะคุ้นเคยกับวงระดับตำนานอย่าง Oasis, Blur, Pulp และ Suede ที่เป็นไอคอนิกมาจนถึงยุคนี้ และอย่างที่เรารู้กันว่าความเป็น Britpop ไม่ได้จำกัดแค่ในวงการดนตรีเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ด้วย

แม้ว่าเราจะยังฟังเพลง Britpop ด้วยความชื่นชอบและความคิดถึงกลิ่นอายซาวด์ดนตรีในยุคนั้นมาโดยตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือน Britpop จะหวนกลับมาทวงคืนพื้นที่ในวัฒนธรรมป๊อปอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเหล่าไอคอนแห่งยุคอย่าง Blur และ Pulp กลับมารวมตัวทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่เมื่อปี 2023 หรือการคืนดีของสองพี่น้อง Gallagher แห่ง Oasis ที่แฟนเพลงทั่วโลกพูดถึงและรออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้เห็นทั้งคู่อยู่บนเวทีเดียวกันอีกครั้งในคอนเสิร์ต Oasis Live ’25 Tour 

ไม่เพียงแค่นั้น นักร้องป๊อปสตาร์อย่าง Dua Lipa ก็ออกมาพูดเองเลยว่า ความตรงไปตรงมาและทัศนคติของดนตรีแนวนี้ คือแรงบันดาลใจสำคัญเบื้องหลัง Radical Optimism อัลบั้มล่าสุดของเธอ สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า Britpop ไม่ใช่แค่ความทรงจำ แต่คือพลังงานที่ยังคงขับเคลื่อนวงการดนตรีอยู่

ว่าแต่ Britpop คืออะไร ทำไมมันถึงกลายมาเป็นจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยของอังกฤษในช่วงนั้น?

Britpop เกิดขึ้นในช่วงกลางถึงปลายยุค 1990s ในตอนที่วงการเพลงทั่วโลกกำลังอินกับดนตรีกรันจ์จากฝั่งอเมริกา ที่มาในโหมดดาร์กๆ ซาวด์หม่นๆ เนื้อหาหนักๆ วัยรุ่นอังกฤษยุคนั้นเลยบอกว่า “พอแล้ว!” แล้วก็สร้างแนวดนตรีของตัวเองขึ้นมาสวนกระแสเสียเลย 

ประจวบกับการจากไปอย่างกะทันหันของราชาเพลงกรันจ์อย่าง ‘เคิร์ต โคเบน’ (Kurt Cobain) แห่ง Nirvana เลยกลายเป็นว่าจู่ๆ บัลลังก์เพลงร็อกก็ว่างลง แต่แล้วหลังจากที่เคิร์ตจากไปเพียงไม่กี่วัน วงร็อกหน้าใหม่จากเกาะอังกฤษอย่าง Oasis ก็ออกซิงเกิลแรกอย่าง Supersonic มาพอดี หลังจากนั้นก็ดังเป็นพลุระเบิดจากซิงเกิล ‘Live Forever’ ที่ปล่อยมาในเดือนสิงหาคม 

Britpop ในตอนนั้น อาจเรียกได้ว่ามันคือการสาดความสดใส กวนๆ และความภูมิใจในความเป็นอังกฤษเข้าไปในเพลงร็อก พวกเขาหยิบเอาซาวด์กีตาร์เท่ๆ ของวงรุ่นพี่อย่าง The Beatles หรือ The Kinks มาผสมกับแฟชั่นจัดจ้านและเนื้อเพลงที่เล่าเรื่องชีวิตวัยรุ่นธรรมดาๆ ได้อย่างถึงใจ มันเลยกลายเป็นซาวด์แทร็กของยุค ‘Cool Britannia’ ที่อะไรๆ ของอังกฤษก็ดูจะคูลไปหมดทุกอย่าง

การกลับมาของ Britpop ที่เราสังเกตได้ชัด นอกจาก Dua Lipa แล้ว ศิลปินอย่าง Nia Archives, AG Cook, และ Rachel Chinouriri ต่างนำองค์ประกอบของ Britpop มาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ธงยูเนียนแจ็กหรือการทำดนตรีที่มีกลิ่นอายของยุคนั้น 

รอบบี วิลเลียมส์ (Robbie Williams) ถึงกับทำอัลบั้มที่ชื่อ Britpop เพื่อเล่าเรื่องชีวิตช่วงที่เขาออกจาก Take That แล้วไปคลุกคลีกับแก๊ง Oasis และพยายามสร้างตัวตนในแวดวงดนตรีทางเลือก และยังเคยจ้างทิม แอบบอต (Tim Abbot) ผู้บริหารของ Creation Records ที่เคยทำงานให้กับ Oasis มาเป็นผู้จัดการของเขาชั่วคราวอีกด้วย

หรือโปรเจกต์ Britpop Classical ที่นำโดยอเล็กซ์ เจมส์ (Alex James) มือเบสวง Blur ได้นำเพลงฮิตมาทำเป็นเวอร์ชันออร์เคสตราสุดอลังการ ทั้งเรียบเรียงใหม่และบรรเลงผ่านวงออร์เคสตรากว่า 20 ชิ้น เป็นการยกระดับบทเพลงแห่งยุค 90s ให้เข้าถึงผู้ฟังในวงกว้างขึ้น

ความป๊อปของ Britpop ไม่ได้อยู่แค่ในแวดวงดนตรีเท่านั้น แต่มันยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมย่อยที่ยังคงอยู่ ตั้งแต่หนังสือชีวประวัติวงดนตรี, ทัวร์เดินเท้าตามรอยสถานที่สำคัญ, ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคนั้น เช่น เบียร์, เสื้อผ้า ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า Britpop ได้กลายเป็นวัฒนธรรมย่อยที่แข็งแกร่งและกลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของผู้คนมาโดยตลอด

อีกอย่างที่น่าสนใจคือ การกลับมาของ Britpop ไม่ได้มาเติมเต็มความคิดถึงกลิ่นอายเก่าๆ ให้เฉพาะแค่คนวัย 40-50 ที่เติบโตมาในยุค 90s เท่านั้น เพราะถ้าคุณเข้าไปในคอนเสิร์ต Oasis หรือ Blur คุณจะเห็นวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่หลงใหลในความเป็น Britpop นี้ แม้ว่าพวกเขาจะเกิดไม่ทันในช่วงที่วงเหล่านี้อยู่ในยุคเฟื่องฟูเลยด้วยซ้ำ

ปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากสิ่งที่เรียกว่า วงจรความคิดถึง (Nostalgia Cycle) ที่โดยทั่วไปวัฒนธรรมป๊อปมักมีวงจรการกลับมาทุกๆ 20-30 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนรุ่นใหม่ค้นพบและหลงใหลในสิ่งที่คนรุ่นพ่อแม่เคยผ่านมา รวมถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิงทำให้คนรุ่นใหม่สามารถค้นพบเพลงจากอดีตได้ง่ายๆ เพลย์ลิสต์และอัลกอริทึมช่วยนำเสนอบทเพลงเหล่านี้ให้กับเด็กๆ และแน่นอนว่า ความเป็นยุค 90s ที่มักถูกมองว่าเป็นทศวรรษสุดท้ายก่อนโลกจะเปลี่ยนไปตลอดกาลด้วยอินเทอร์เน็ต การมองย้อนกลับไปจึงเปรียบเสมือนการมองหาช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เปี่ยมไปด้วยความหวังและดูไร้กังวลกว่าปัจจุบัน

การกลับมาครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า Britpop ไม่ใช่แค่เทรนด์หรือแนวดนตรี แต่เป็นทัศนคติและกลิ่นอายความเท่ที่ยังคงโดนใจคนทุกยุค! 

อ้างอิง: