4 Min

ครั้งแรกของอู๋-Spin9 กับการขับรถยนต์ไฟฟ้าไปกลับ กรุงเทพ-สิงคโปร์ บนเส้นทาง 4,100 กิโลเมตร ด้วย BMW iX3

4 Min
803 Views
06 Sep 2022

จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน จนกลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก รวมถึงในประเทศไทยก็มีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงมีความกังวลถึงเครือข่ายสถานีชาร์จ การใช้งานเครื่องชาร์จและแอปพลิเคชัน สิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอชาร์จ และข้อจำกัดอีกมากมายที่อาจเกิดขึ้นหากต้องเดินทางไกล 

ทำให้กลายมาเป็นทริปสุดพิเศษที่เรียกว่าเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายในการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าข้ามพรมแดน 3 ประเทศในระยะเวลา 10 วัน โดย อู๋-Spin9 หรือ อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของรถยนต์ BMW iX3 ที่จะพาเราเปิดประสบการณ์การเดินทางไร้มลพิษ กับครั้งแรกของการขับรถยนต์ไฟฟ้าบนเส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ รวม 4,100 กิโลเมตร 

สร้างอีกหนึ่งหมุดหมายครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าตัวจริงอย่าง อู๋-Spin9 แสดงให้เห็นว่า ข้อกังวลต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นหากมีการวางแผนอย่างดี 

อู๋-อติชาญ เชิงชวโน ได้กล่าวถึงประสบการณ์การขับขี่ BMW iX3 ข้ามพรมแดนครั้งนี้ว่า 

“การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจว่า การขับรถในระยะทางไกลด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นไปได้จริง โดยสามารถขับข้ามไปต่างประเทศได้แบบไม่มีขีดจำกัดใด หากศึกษาข้อมูลและวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบ การนำ BMW iX3 มาทำภารกิจนี้ก็พิจารณาจากหลายๆ องค์ประกอบ ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยีต่างๆ ขนาดของรถซึ่งมีความเหมาะสมกับการขนสัมภาระในทริปนี้อย่างมาก ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย”

อู๋-อติชาญ เชิงชวโน ได้กล่าวถึงประสบการณ์การขับขี่ BMW iX3 ข้ามพรมแดนครั้งนี้ว่า 

“การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจว่า การขับรถในระยะทางไกลด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นไปได้จริง โดยสามารถขับข้ามไปต่างประเทศได้แบบไม่มีขีดจำกัดใด หากศึกษาข้อมูลและวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบ การนำ BMW iX3 มาทำภารกิจนี้ก็พิจารณาจากหลายๆ องค์ประกอบ ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยีต่างๆ ขนาดของรถซึ่งมีความเหมาะสมกับการขนสัมภาระในทริปนี้อย่างมาก ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย”

คุณอู๋ยังแบ่งปันประสบการณ์เพิ่มเติมว่า ก่อนเดินทางได้ศึกษาเกี่ยวกับเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าในแต่ละประเทศอย่างละเอียด ทำให้เห็นว่าปัจจุบัน ทั้งสามประเทศมีความพร้อมในด้านยนตรกรรมไฟฟ้า สถานีชาร์จไฟฟ้ามีตลอดทางตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงปลายทางที่ประเทศสิงคโปร์ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของแต่ละประเทศที่มีมากขึ้น แม้ว่าในแต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบสำหรับการใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าต่างกันบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังมีการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก ช่วยให้เจ้าของรถยนต์ได้ใช้บริการและพักผ่อนระหว่างการชาร์จไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์มีสถานีชาร์จไฟฟ้าทุกหนแห่ง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังไฟในแบตเตอรี่  

นอกจากนี้ คุณอู๋ยังกล่าวว่ารถยนต์ BMW iX3 เป็นคู่หูสำคัญที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SAV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมเทคโนโลยีระบบชาร์จใหม่ล่าสุด หากใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถชาร์จด้วยระบบไฟแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และหากชาร์จแบบรวดเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง จะรับพลังงานได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่แรงดันสูงใน BMW iX3 ยังรองรับการชาร์จจาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ได้ภายใน 34 นาที

นอกจากนี้ BMW iX3 ยังมาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) เพิ่มสมรรถนะและความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่  ระดับการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่จะแปรผันตามสภาวะถนน ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลในระบบนำทางและเซนเซอร์ในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ช่วยให้การบริหารจัดการเส้นทางในระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ให้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย

เพราะนอกจากสามารถใช้งานได้หลากหลาย ยังให้ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ด้วยเทคโนโลยีช่วยผู้ขับขี่ซึ่งผ่อนภาระในการขับขี่ระยะยาวให้สบายขึ้น แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอีกด้วย ซึ่งหากคำนวณคร่าวๆ จะมีค่าชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ที่ราวๆ 5,600 บาท ซึ่งหากทริปนี้เดินทางด้วยรถยนต์ปกติ คาดว่าจะต้องเสียค่าน้ำมันไปกว่า 14,000 บาท

ยิ่งเป็นการเดินทางไกล สมรรถนะและเทคโนโลยีช่วยขับขี่จึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องคำนึงถึง หนึ่งในเทคโนโลยีช่วยขับขี่บนทางด่วนไฮเวย์ในประเทศมาเลเซียจึงเป็นระบบ Active Cruise Control ซึ่งเป็นระบบล็อกความเร็วคงที่ตามความต้องการของผู้ขับขี่ จึงช่วยผ่อนแรงในการขับรถทางไกลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังนั่งสบายด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่ ช่วยให้การเดินทางในเส้นทางขึ้นลงเขาเป็นไปได้ง่ายขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ฝนตก

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) ซึ่งทำงานผ่านเทคโนโลยี AI ช่วยสังเกตอัตราการเหยียบคันเร่ง การบังคับของพวงมาลัย และประเมินความพร้อมของร่างกายผู้ขับขี่จากลักษณะการเหยียบคันเร่ง พร้อมส่งสัญญาณเตือนให้พักจากการขับรถ ทั้งยังช่วยหาร้านกาแฟหรือสถานที่พักริมทางให้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีระบบนำทาง BMW Maps ที่ช่วยนำทางได้อย่างแม่นยำ และระบบผู้ช่วย Intelligent Personal Assistant ที่สามารถสั่งการฟังก์ชันต่างๆ รวมถึงค้นหาสถานที่สำคัญได้ด้วยคำสั่งเสียง และไฮไลท์ของทริปอย่างแอปพลิเคชัน My BMW ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลไปที่รถยนต์ BMW iX3 ของคุณอู๋ได้อย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางครั้งนี้ ช่วยให้สามารถเช็กและอัปเดตข้อมูลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณไฟฟ้าคงเหลือหรือข้อมูลการชาร์จไฟฟ้า หรือฟังก์ชันอื่นๆ ในแอปพลิเคชัน โดยสามารถปรับเป็นเวลาท้องถิ่นได้อัตโนมัติ จึงหายห่วงเรื่องไทม์โซนอีกด้วย

นอกจากระยะทางแล้ว อีกหนึ่งความท้าทายของทริปที่ใช้เวลายาวนานกว่า 10 วัน คือการขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ของทั้งคุณอู๋ ภรรยา และผู้ร่วมทริปอีก 2 ท่าน ซึ่งรถยนต์ BMW iX3 โดดเด่นเรื่องการใช้งานที่หลากหลายและพื้นที่กว้างขวางในห้องโดยสาร ทำให้การเดินทางไกลข้ามประเทศสะดวกสบายและไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป ส่วนเบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 สามารถปรับเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร จึงสามารถจัดเก็บสัมภาระของทุกคนได้อย่างลงตัว 

พร้อมกับระบบความบันเทิงและการสื่อสารเพื่อเสริมบรรยากาศให้การเดินทางน่าประทับใจขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon หรือระบบ BMW Live Cockpit Professional

สำหรับคลิปวิดีโอพิเศษ กับการบันทึกครั้งแรกของการเดินทางข้ามพรมแดนของ อู๋-อติชาญ เชิงชวโน ด้วยรถยนต์ BMW iX3 สามารถรับชมได้ทาง YouTube ที่ช่อง Spin9 หรือ