3 Min

ทำไมคนถึงแห่กันไปขุด Bitcoin ที่คาซัคสถาน?

3 Min
631 Views
06 Jun 2022

ถ้าพูดถึงคาซัคสถานหลายคนอาจนึกถึงหนังตลกในตำนานอย่าง ‘Borat’ แต่ในความเป็นจริง หนังเรื่องนี้ก็ดูจะไม่ได้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศนี้เลย

ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เพราะมันเป็นหนังตลกล้อเลียนอเมริกามากกว่าที่จะเป็นสารคดีเกี่ยวกับคาซัคสถาน แต่จริงๆ ประเทศนี้ก็น่าสนใจเอาเรื่องอยู่

พูดถึงคาซัคสถาน บางคนอาจเข้าใจว่ามันเป็นประเทศเล็กๆ แถบยุโรปตะวันออก แต่ในความเป็นจริงประเทศนี้เป็นประเทศที่อยู่ในเอเชียกลาง และมันไม่เล็กเลย พื้นที่อยู่อันดับ 9 ของโลก ใหญ่กว่าไทยประมาณ 5-6 เท่าตัว แต่มีประชากรเพียงแค่ประมาณ 20 ล้านคน ดังนั้นประเทศมันโล่งสุดๆ เนื่องจากประเทศใหญ่ขนาดนี้ จึงทำให้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มีเหลือเฟือมากถ้าเทียบกับประชากร 

เศรษฐกิจหลักๆ คือ ขายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งสินค้าหลักก็คือน้ำมันดิบโดยประเทศนี้ส่งออกน้ำมันดิบเป็นอันดับ 9 ของโลก มากกว่าประเทศกลุ่มอาหรับบางประเทศด้วยซ้ำ โดยจริงๆ รายได้ของประเทศนี้ก็ไม่ใช่เล่นเลย เพราะถ้านับรายได้ต่อหัว ประเทศนี้ถือว่ารวยกว่าไทย และรวยใกล้ๆ มาเลเซียเลย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรสำหรับประเทศส่งออกน้ำมัน

แต่เหนือกว่าทรัพยากรส่งออกอย่างน้ำมันดิบ ประเทศนี้มีทรัพยากรสำคัญอีกอย่างคือถ่านหินที่มีเหลือเฟือมาก และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าไฟฟ้าประเทศนี้เป็นไฟฟ้าพลังถ่านหินแทบล้วนๆ โดยการที่มีทรัพยากรเหลือเฟือ มันเลยทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาถูกสุดๆ

และถ้าพูดถึงประเทศที่ค่าไฟถูกในยุคนี้ สิ่งที่เดาได้ตามมาก็คือ มันต้องมีคนไปทำเหมืองคริปโตกันเยอะแน่ๆและก็เป็นไปตามนั้น

ภายหลังที่จีนค่อยๆ ถล่มอุตสาหกรรมคริปโตในประเทศตัวเองจนนำมาสู่การแบนถาวรในเดือนกันยายน 2021 สิ่งที่ตามมาคือ จากที่จีนเคยเป็นผู้นำในด้านพลังประมวลผลของเครือข่าย Bitcoin จีนก็หายไปจากภาพจำจนทำให้เกิดสมดุลอำนาจใหม่ในการขุดเหมือง หรือการเอาคอมพิวเตอร์เข้าเชื่อมในเครือข่ายประมวลผลบล็อคเชนของ Bitcoin

ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ก็คือ สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่ทำเหมืองอันดับ 1 และคาซัคสถานก็เป็นประเทศที่ทำอันดับ 2

อเมริกานี่เดาไม่ยาก เพราะมันคือประเทศที่เรียกว่าเป็นแหล่งกำเนิดคริปโตและวัฒนธรรมรายล้อมอยู่แล้ว แต่คาซัคสถานนี่ตอนแรกทุกคนงงว่ามาได้ยังไง แต่อธิบายง่ายๆ มันก็คือเหมืองจากจีนที่อพยพมานั่นแหละหลังรัฐบาลจีนปราบปราม (คาซัคสถานติดกับจีน) ถามว่าทำไมอพยพมาที่นี่ คำตอบก็ตามที่เล่าไปแล้วด้านบนคือ ค่าไฟมันถูก

แต่ถามว่าการขุดราบรื่นไหม แรกๆ ก็ราบรื่นดี แต่พอคนไปทำเหมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ผลคือมันกินไฟฟ้ามากมายมหาศาล ระดับที่ทำให้หลายพื้นที่เกิดไฟตกบ่อยๆ พอคนร้องเรียนกันเข้าไปเยอะๆ รัฐบาลก็ต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตอนแรกช่วงต้นปี 2022 รัฐบาลก็พยายามจะตัดไฟและปราบปรามการทำเหมืองพวกนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลนัก เพราะสุดท้าย การแอบใช้ไฟก็เป็นเรื่องปกติมากๆ ซึ่งก็ทำให้ปัญหาไฟตกไม่หายไป

สุดท้ายปลายเดือนเมษายน 2022 ทางกระทรวงดิจิทัลของคาซัคสถานก็เลยต้องออกกฎหมายมากำกับดูแลการทำเหมืองคริปโตในที่สุด หรือพูดง่ายๆ คือรัฐยอมให้ทำเหมืองแล้ว แต่ให้ลงทะเบียนเป็นกิจจะลักษณะ พร้อมทั้งให้แจ้งขนาดเหมืองหรือปริมาณไฟที่ต้องใช้ด้วย เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ มันประเมินพลังงานไฟฟ้าไม่ได้ และจะทำให้เกิดไฟตก เดือดร้อนชาวบ้านไม่หยุดหย่อน

สรุปก็คือ การทำเหมืองคริปโตก็จะอยู่ในประเทศค่าไฟถูกประเทศนี้ได้ต่อไป เพราะสุดท้ายการกำกับดูแลที่ชาวคริปโตหลายๆ คนอาจจะไม่ชอบนัก แต่อีกด้านมันก็คือการรับรองสถานะของอุตสาหกรรมพวกนี้ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้ทำต่อไปได้ โดยไม่โดนแบนอย่างที่เกิดขึ้นในจีน

อ้างอิง