ถ้าพูดถึง ‘คาซัคสถาน’ หลายคนอาจนึกถึงหนังตลกในตำนานอย่าง ‘Borat’ แต่ในความเป็นจริง หนังเรื่องนี้ก็ดูจะไม่ได้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศนี้เลย
ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เพราะมันเป็นหนังตลกล้อเลียนอเมริกามากกว่าที่จะเป็นสารคดีเกี่ยวกับคาซัคสถาน แต่จริงๆ ประเทศนี้ก็น่าสนใจเอาเรื่องอยู่
พูดถึงคาซัคสถาน บางคนอาจเข้าใจว่ามันเป็นประเทศเล็กๆ แถบยุโรปตะวันออก แต่ในความเป็นจริงประเทศนี้เป็นประเทศที่อยู่ในเอเชียกลาง และมันไม่เล็กเลย พื้นที่อยู่อันดับ 9 ของโลก ใหญ่กว่าไทยประมาณ 5-6 เท่าตัว แต่มีประชากรเพียงแค่ประมาณ 20 ล้านคน ดังนั้นประเทศมันโล่งสุดๆ เนื่องจากประเทศใหญ่ขนาดนี้ จึงทำให้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มีเหลือเฟือมากถ้าเทียบกับประชากร
เศรษฐกิจหลักๆ คือ ขายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งสินค้าหลักก็คือ ‘น้ำมันดิบ’ โดยประเทศนี้ส่งออกน้ำมันดิบเป็นอันดับ 9 ของโลก มากกว่าประเทศกลุ่มอาหรับบางประเทศด้วยซ้ำ โดยจริงๆ รายได้ของประเทศนี้ก็ไม่ใช่เล่นเลย เพราะถ้านับรายได้ต่อหัว ประเทศนี้ถือว่ารวยกว่าไทย และรวยใกล้ๆ มาเลเซียเลย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรสำหรับประเทศส่งออกน้ำมัน
แต่เหนือกว่าทรัพยากรส่งออกอย่างน้ำมันดิบ ประเทศนี้มีทรัพยากรสำคัญอีกอย่างคือ ‘ถ่านหิน’ ที่มีเหลือเฟือมาก และก็ไม่ต้องแปลกใจว่าไฟฟ้าประเทศนี้เป็นไฟฟ้าพลังถ่านหินแทบล้วนๆ โดยการที่มีทรัพยากรเหลือเฟือ มันเลยทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาถูกสุดๆ
และถ้าพูดถึงประเทศที่ ‘ค่าไฟถูก’ ในยุคนี้ สิ่งที่เดาได้ตามมาก็คือ มันต้องมีคนไป ‘ทำเหมือง’ คริปโตกันเยอะแน่ๆ …และก็เป็นไปตามนั้น
ภายหลังที่จีนค่อยๆ ถล่มอุตสาหกรรมคริปโตในประเทศตัวเองจนนำมาสู่การแบนถาวรในเดือนกันยายน 2021 สิ่งที่ตามมาคือ จากที่จีนเคยเป็นผู้นำในด้าน ‘พลังประมวลผล’ ของเครือข่าย Bitcoin จีนก็หายไปจากภาพจำจนทำให้เกิด ‘สมดุลอำนาจใหม่’ ในการขุดเหมือง หรือการเอาคอมพิวเตอร์เข้าเชื่อมในเครือข่ายประมวลผลบล็อคเชนของ Bitcoin
ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ก็คือ สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่ ‘ทำเหมือง’ อันดับ 1 และคาซัคสถานก็เป็นประเทศที่ทำอันดับ 2
อเมริกานี่เดาไม่ยาก เพราะมันคือประเทศที่เรียกว่าเป็นแหล่งกำเนิดคริปโตและวัฒนธรรมรายล้อมอยู่แล้ว แต่คาซัคสถานนี่ตอนแรกทุกคนงงว่ามาได้ยังไง แต่อธิบายง่ายๆ มันก็คือเหมืองจากจีนที่อพยพมานั่นแหละหลังรัฐบาลจีนปราบปราม (คาซัคสถานติดกับจีน) ถามว่าทำไมอพยพมาที่นี่ คำตอบก็ตามที่เล่าไปแล้วด้านบนคือ ค่าไฟมันถูก
แต่ถามว่าการขุดราบรื่นไหม แรกๆ ก็ราบรื่นดี แต่พอคนไปทำเหมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ผลคือมันกินไฟฟ้ามากมายมหาศาล ระดับที่ทำให้หลายพื้นที่เกิด ‘ไฟตก’ บ่อยๆ พอคนร้องเรียนกันเข้าไปเยอะๆ รัฐบาลก็ต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตอนแรกช่วงต้นปี 2022 รัฐบาลก็พยายามจะตัดไฟและปราบปรามการทำเหมืองพวกนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลนัก เพราะสุดท้าย การ ‘แอบใช้ไฟ’ ก็เป็นเรื่องปกติมากๆ ซึ่งก็ทำให้ปัญหาไฟตกไม่หายไป
สุดท้ายปลายเดือนเมษายน 2022 ทางกระทรวงดิจิทัลของคาซัคสถานก็เลยต้องออกกฎหมายมากำกับดูแลการทำเหมืองคริปโตในที่สุด หรือพูดง่ายๆ คือรัฐยอมให้ทำเหมืองแล้ว แต่ให้ลงทะเบียนเป็นกิจจะลักษณะ พร้อมทั้งให้แจ้งขนาด ‘เหมือง’ หรือปริมาณไฟที่ต้องใช้ด้วย เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ มันประเมินพลังงานไฟฟ้าไม่ได้ และจะทำให้เกิดไฟตก เดือดร้อนชาวบ้านไม่หยุดหย่อน
สรุปก็คือ การทำเหมืองคริปโตก็จะอยู่ในประเทศ ‘ค่าไฟถูก’ ประเทศนี้ได้ต่อไป เพราะสุดท้าย ‘การกำกับดูแล’ ที่ชาวคริปโตหลายๆ คนอาจจะไม่ชอบนัก แต่อีกด้านมันก็คือการ ‘รับรองสถานะ’ ของอุตสาหกรรมพวกนี้ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้ทำต่อไปได้ โดยไม่โดนแบนอย่างที่เกิดขึ้นในจีน
อ้างอิง
- Visual Capitalist. After China’s Crypto Ban, Who Leads in Bitcoin Mining?
- https://bit.ly/39dAkxr
- Almaty Power Sale. Electrical power is unreasonably low-priced in Kazakhstan. https://esalmaty.kz/en/i3024
- Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index. Bitcoin Mining Map. https://ccaf.io/cbeci/mining_map
- BBC. Inside Kazakhstan’s giant crypto-mine. https://www.bbc.com/news/av/technology-60148754
- Reuters. Bitcoin network power slumps as Kazakhstan crackdown hits crypto miners. https://reut.rs/39bbIFx
- rest of world. ‘It’s a mess’: How crypto mining went from boom to bust in Kazakhstan. https://bit.ly/3tjVKjw
- CoinDesk. Kazakhstan Orders Crypto Miners to Register With Authorities. https://bit.ly/3NnHCO6