5 Min

‘บิวกิ้น-พีพี’ ความสัมพันธ์ที่เติบโตและเป็นเซฟโซนของกันและกัน

5 Min
11439 Views
16 May 2021

หากพูดถึงซีรีส์ที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดในปีที่ผ่านมา เชื่อว่า แปลรักฉันด้วยใจเธอ คงเป็นหนึ่งในรายชื่อนั้นอย่างแน่นอน

เพราะนี่คือซีรีส์ Coming of age แนว Boy loved ของคนไทย ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์อันเกินกว่ามิตรภาพของเด็กหนุ่มทั้งสองอย่าง เต๋ (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) และ โอ้เอ๋ว (พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) ไว้ ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ทั้งหาดทรายขาว ผืนน้ำทะเล วิถีชีวิต และสถาปัตยกรรมของเมืองภูเก็ตที่น่าหลงใหล จนทำให้หลายคน ต้องตีตั๋วบินไปตามรอย ‘เต๋-โอ้เอ๋ว’ หลังดูซีรีส์จบ

ด้วยกระแสที่พุ่งแรงเกินคาด ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งในเว็บไซต์ Weibo ของจีนมาแล้ว แปลรักฉันด้วยใจเธอ จึงรีบปล่อยพาร์ทสองมาให้ติดตาม ปลายเดือนพ.ค.นี้

แต่ก่อนจะไปดูกันแบบเต็มอิ่ม CANDY อยากชวนคุณมาอ่านบทสัมภาษณ์ของนักแสดงนำอย่าง ‘พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร’ หรือ ‘โอ้เอ๋ว’ ในเรื่อง ที่จะมาเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เติบโต และความน่าสนใจของซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 กันแบบจุใจ

ภาพจาก MV รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว (Safe Zone)

ภาพจาก MV รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว (Safe Zone)

รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์ที่ผลิบานของ ‘เต๋-โอ้เอ๋ว’

หลังจบพาร์ทหนึ่งไปอย่างอบอุ่น แปลรักฉันด้วยใจเธอ พาร์ท 2 เปิดตัวมาด้วยเพลงฟังเพลินชวนโยกตามอย่าง ‘รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว’ ที่หลายคนกล่าวถึงว่าเป็นเพลงคลั่งรักแห่งปี

“ด้วยความที่เป็นเพลงเปิดของแปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เลยเป็นการนำโมเมนต์ระหว่างเต๋กับโอ้เอ๋วได้ที่เป็นแฟนกันแล้วมานำเสนอ มันคือความรู้สึกแรกๆ ที่ได้คบกัน เหมือนช่วงโปรโมชั่น ที่เราอยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

ก็คือคลั่งรักแหละครับ” พีพี เล่า

นอกจากมู้ด แอนด์ โทน ของเพลงที่แตกต่างไปจากพาร์ทแรก พีพียังเสริมว่า ทั้งตัวเองและบิวกิ้นได้มีส่วนร่วมกับเพลงนี้ด้วยเช่นกัน เพราะทางนาดาวมิวสิค เปิดโอกาสให้ศิลปินได้ออกไอเดียในเอ็มวีเอง ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง แสง หรือหน้าผม

รวมถึงการหยิบประโยคจากบทสนทนาของพีพีและบิวกิ้น (พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) ที่มาใส่ในเพลงจริงๆ

บิ้วกิ้น-พีพี

บิ้วกิ้น-พีพี | IG: Nadao Bangkok

“คนธรรมดาที่ห่วงกันทุกเวลา”

พีพี เอ่ยถึงประโยคนั้นในเพลงรู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว ก่อนจะเล่าต่อว่า ที่มาที่ไปของประโยคนี้มาจากการสัมภาษณ์เล่าประสบการณ์เรื่องความรัก ซึ่งเจ้าตัวได้คำถามว่า ณ โมเมนต์ที่มีแฟนแรกๆ รู้สึกยังไง

“ตอนนั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจริงๆ แล้วรู้สึกยังไงแน่เลยตอบไปว่า ก็ธรรมดาปกติเลย แต่รู้สึกว่าถ้าเรารักใครคนหนึ่ง ก็คงจะเป็นห่วงเขาตลอดเวลา” พีพี ทิ้งท้าย

หาก ‘คนธรรมดาที่ห่วงกันทุกเวลา’ คือมุมมองของพีพี

ในการสัมภาษณ์เดียวกัน บิวกิ้นได้ตอบว่า ‘เป็น safe zone ของกันและกัน’ เราจึงชวนพีพีคุยต่อถึงเรื่องนี้

พีพี เล่าว่า “พอเราโตมาด้วยกัน การมีเขาอยู่ข้างๆ คอยซัพพอร์ต หรือทำงานด้วยกัน มันเลยเป็นเหมือน safe zone ของกันและกัน เราอยู่ด้วยกันมานานมาก โตมาจากม.6 พร้อมกัน เราขึ้นมหา’ลัยพร้อมกัน ทำงานพร้อมๆ กัน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง มันเหมือนคนในครอบครัว คือมากกว่าเพื่อนไปแล้ว”

บิ้วกิ้น-พีพี

บิ้วกิ้น-พีพี | ภาพจาก IG: pp.kritt

มุมมองความรักของ ‘พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร’

ถ้าไม่นับประเด็นเรื่อง LGBTQ+ ความคาดหวังของครอบครัว หรือไม้บรรทัดของใครบางคนที่ได้ขีดเส้นความสัมพันธ์ของสองชายหนุ่มให้เป็นเรื่องผิดบาป เชื่อว่าคนที่ดูซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ พาร์ท 1 คงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอึดอัดและคลุมเครือในความสัมพันธ์

ซึ่งว่ากันตามตรง ผู้ชมทางบ้านหลายคนก็คงแอบรู้สึกขัดใจไม่น้อย เวลาที่เห็นเต๋และโอ้เอ๋วต้องสะกดกลั้นอารมณ์ ห้ามความรู้สึกที่ไหลเวียนพลุ่งพล่านอยู่ทั่วกายใจ เมื่อได้โอกาสมาพูดคุย เราจึงลองถามมุมมองของพีพีที่มีต่อความสัมพันธ์ ‘เต๋-โอ้เอ๋ว’ กันบ้าง

“โอ้เอ๋วคือคาแรกเตอร์ที่พัฒนามาจากตัวพีอยู่แล้ว มันมีความเป็นพีอยู่ในนั้นบางส่วน ดังนั้น พีว่าความชัดเจนในตัวโอ้เอ๋วเขามีพอสมควรเลยว่าเขาเป็นคนยังไง ต้องการอะไร เหมือนใน พาร์ท 1 เขาต้องการเป็นแฟนกับเต๋ เขาไม่ต้องการความคลุมเครือ มันจะต่างกับตัวเต๋ที่ตัวเขาเองต้องยังค้นหาตัวเอง ยังมีความไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันคืออะไร”

ซึ่งตอนจบสุดท้ายในพาร์ท 1 เหมือนตัวโอ้เอ๋วเขาได้เรียนรู้แล้วว่า สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ไม่ใช่ความชัดเจน แต่คือตัวเต๋ต่างหาก มันคือประโยคที่โอ้เอ๋วพูดในเรื่องว่า สุดท้ายเราจะเป็นอะไรกันก็ได้ เราจะคบกันแบบไหนก็ได้แต่ขอได้ไหมว่ามึงอย่าหายไปไหน ดังนั้น การที่เรารักใครคนหนึ่งมันอาจจะทำให้เราเปลี่ยนไป หรืออาจทำให้เรายอมไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนก็ได้

ถ้าอย่างนั้น พีพีคิดยังไงกับคนที่เลือกอยู่ในความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจน? เราถามกลับ

“มันเป็นเรื่องของคนสองคน สุดท้ายมันคือการกลับมาคุยกันเลยว่า เราอยากได้อะไรจากความสัมพันธ์นี้ และเขาให้เราได้มากแค่ไหน หรือเราให้เขาได้มากน้อยแค่ไหน เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ไปต่อ ควรจะหยุดแค่นี้ หรือเปลี่ยนแปลงเพื่ออะไรที่มันดีขึ้น”

แล้วถ้าเป็นพีพีล่ะจะเลือกความสัมพันธ์ที่ชัดเจนหรือคลุมเครือหน่อยก็ได้? เราถามตบท้าย

“ถ้าเป็นพีเองคงเลือกความชัดเจน ในความสัมพันธ์การที่เราให้เกียรติกัน คือการที่เราแสดงความชัดเจนให้อีกคนรู้ว่าเรารู้สึกยังไง มองเขายังไง เข้าใจเขาแบบไหน” พีพี กล่าว

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 1

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 1

สีแดง ภาพแทนของโอ้เอ๋ว

ระหว่างการพูดคุย เราอดไม่ได้ที่จะถามถึงลุคผมสีแดงเพลิงของพีพี ที่เห็นทั้งในเอ็มวีใหม่และโปสเตอร์ของซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ

“ก่อนหน้านี้ ทีมงานมาปรึกษาว่าอยากให้ย้อมผม แต่เรารู้สึกว่าตัวเองก็ทำสีผมมาเยอะพอสมควร ทั้ง ม่วง ชมพู ขาว เทา น้ำตาล เขียว คือลองมาทุกสีแล้ว ยกเว้นสีแดง ก็เลยเห็นตรงกันว่าควรจะเป็นสีนี้ ซึ่งเป็นสีที่พีไม่เคยทำ และเป็นสิ่งที่เขาทีมงานอยากได้อยู่แล้วด้วย เพราะสีที่ represent ความเป็นโอ้เอ๋วในแปลรักฉันด้วยใจเธอ ก็คือสีแดง” พีพี เล่าย้อนให้ฟัง

พีพี อธิบายเพิ่มเติมว่า สีแดงเหมือนเป็น symbolic ในเรื่องสำหรับโอ้เอ๋ว ส่วนเต๋จะเป็นสีน้ำเงิน สังเกตได้จากหลายๆ ฉากในพาร์ทหนึ่ง ที่บางครั้งเมื่อความรู้สึกของเต๋ไหลไปสู่โอ้เอ๋วมากขึ้น โอ้เอ๋วก็จะเริ่มใส่เสื้อที่มีสีฟ้า อาจจะมีตัดแดงบ้าง เช่นเดียวกันเมื่อเต๋รู้สึกถึงโอ้เอ๋วมากขึ้น ตัวเขาก็จะมีสีแดงปนเข้าไปอยู่ในเสื้อผ้า อย่างเสื้อบางตัวที่ใส่ ก็จะเป็นสีฟ้าที่มีดอกชบาสีแดง ซึ่งดอกชบาก็เป็นเหมือนตัวแทนของโอ้เอ๋วในเรื่องอยู่แล้ว

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 | IG: Nadao Bangkok

ไม่เพียง ‘สี’ ที่ใส่มาเป็นสัญลักษณ์ในซีรีส์ ยังมีประโยค ‘I promised you to the moon’ ที่ทำเอาแฟนคลับหลายคนว้าวุ่นว่าจะจบสวยหรือไม่ เพราะความหมายที่น่าเศร้า (แม้จะสัญญากันเป็นมั่นเหมาะ แต่บทจะเปราะบางและสั่นคลอน ความสัมพันธ์ก็สัมพันธ์ก็พังครืนลงมาได้

“ด้วยตัวผู้กำกับ ‘พี่มีน-ทศพร เหรียญทอง’ เขาอยากเปลี่ยนมู้ด แอนด์ โทน จากพาร์ทแรก ซึ่งเน้นไปที่พระอาทิตย์ตก พาร์ทนี้เลยหยิบพระจันทร์มาเล่นแทน ซึ่งประโยค Promise you to the moon ที่เห็นในโปสเตอร์ แปลว่า ฉันสัญญาว่า ฉันจะเอาดวงจันทร์มาให้เธอ เหมือนเป็นการเปรียบเทียบว่า มันเป็นคำสัญญาที่เราไม่สามารถทำได้จริง ซึ่งจะไปล้อกับคำที่เขียนด้านล่างโปสเตอร์ว่า กูสัญญาว่ากูจะรักมึงตลอดไป ไม่เปลี่ยนเลย” พีพีเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง

คงต้องมารอติดตามกันว่า แปลรักฉันด้วยใจเธอ พาร์ทสอง จะจบแบบโศกเศร้าเสียน้ำตาหรือสุขสมแฮปปี้เอนดิ้งกันแน่

พีพี

พีพี | IG: pp.kritt

อีกย่างก้าวของ พีพี กับเส้นทางนักแสดง

จากเด็กหนุ่มที่แจ้งเกิดจากบท ‘ทิวเขา’ ในซีรีส์ ‘My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน’ สู่การเป็นนักแสดงนำเต็มตัวในบทบาทของ ‘โอ้เอ๋ว’ บอกได้เลยว่า เส้นทางอาชีพของเขาเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“เราเติบโตขึ้นเยอะมากในทุกๆ ด้านเลย จากก่อนหน้านี้คือเล่นเป็นนักแสดงสมทบ พอแปลรักฉันด้วยใจเธอเป็นนักแสดงนำเรื่องแรก มันคือก้าวที่ใหญ่มากๆ สำหรับพี” พีพี เล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ก่อนเสริมว่า

“การประสบความสำเร็จจากแปลรักฉันด้วยใจเธอ part 1 มาสู่ part 2 อีก ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญเช่นกัน ทำให้เรามีโอกาสได้พัฒนาด้านการแสดง การร้องเพลง การเป็นศิลปิน การทำงานคนอื่น ร่วมถึงการอยู่ร่วมกันกับพี่ๆ ในกอง แล้วพีไม่ได้อยากจะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เราอยากจะพัฒนาไปให้ไกล แล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำต่อไปเรื่อยๆ”

นอกจากเส้นทางนักแสดงที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พีพียังเสริมว่า เขาอยู่กับตัวละครโอ้เอ๋วมาเป็นเวลา 2 ปี จนทุกวันนี้ โอ้เอ๋วกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้ พีพียังคาดหวังว่าทุกคนจะชอบพาร์ทที่สองของซีรีส์ที่ทั้งเขาและบิวกิ้นต่างก็ตั้งใจทำงานกันมากๆ

พีพี ทิ้งท้ายว่า สำหรับพาร์ทนี้ ความน่าติดตามคือการเล่าเรื่องแบบใหม่ และการเดินทางในความสัมพันธ์ของเต๋กับโอ้เอ๋วที่แตกต่างจากพาร์ทแรก ซึ่งมีตัวละครอีกหลายคนที่จะมาช่วยสร้างสีสันและความสนุก

ซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ พาร์ทสอง จะปล่อยให้รับชมกันในวันที่ 27 พ.ค. นี้ ทาง LINE TV วันพฤหัสบดี เวลา 20.00น. สำหรับใครที่กำลังตั้งตารอ เราขอแนะนำให้ฟังเพลง ‘รู้งี้เป็นแฟนกันตั้งนานแล้ว’ ทางสตรีมมิงทุกช่องทางของ Nadao Music เพื่อซึมซับโมเมนต์ให้เต็มอิ่มกันล่วงหน้าไปเลย!​