หลงทางบ้างไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรียนรู้ชีวิตผ่าน ‘Bildungsroman’ ที่เป็นมากกว่าหมวดหมู่นิยาย

2 Min
1091 Views
05 Jul 2021

ผ่านมาเกือบ 227 ปีแล้วนับตั้งแต่หนังสือ ‘Wilhelm Meister’s Apprenticeship’ นวนิยาย ‘Bildungsroman’ เรื่องแรกที่แต่งโดย Johann Wolfgang Goethe ถูกตีพิมพ์สู่สายตาชาวโลกในปี ค. 1796

นับว่าเป็นการเดินทางประวัติศาสตร์อันยาวนานทีเดียว ปัจจุบันมีนวนิยายหมวดดังกล่าววางขายในร้านหนังสือให้เราเห็นเรื่อยๆ แม้กระทั่งซีรี่ส์หรือภาพยนตร์บางเรื่องก็จัดว่าอยู่ในหมวดนี้เช่นกัน

แล้วนวนิยายแบบ ‘Bildungsroman’ ที่ว่าคืออะไรกันแน่

คำนี้มาจากการรวมกันของคำว่า Bildung แปลว่าการเรียนรู้และ Roman ที่แปลว่านิยายกลายมาเป็น ‘Bildungsroman’ หมวดหนึ่งของนวนิยายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางของตัวเอกที่เผชิญอุปสรรคระหว่างทางซึ่งสอนให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่

แม้คอนเซ็ปต์จะค่อนข้างใกล้เคียงกับประเภทนวนิยายที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันว่า Coming-of-age แต่ความหมายของสองคำนี้ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว 

‘Bildungsroman’ จะค่อนข้างเฉพาะเจาะจง โดยเนื้อเรื่องมักเกี่ยวกับการเติบโตของตัวละครในวัยเด็กที่ต้องผ่านความเจ็บปวด หลงทางในเขาวงกตแห่งความสับสนในตัวตน จนสุดท้ายประสบการณ์หล่อหลอมให้พวกเขาค้นพบตัวเองและเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดในใจว่าเรื่องราวชีวิตของคนคนหนึ่งก็คงไม่ฟินจิกหมอนเท่านิยายรักหวานซึ้ง คงไม่ขนหัวลุกเท่านิยายสยองขวัญ และแน่นอนว่าคงไม่น่าตื่นเต้นเท่านิยายไซไฟแฟนตาซีหรอกมั้ง

แต่ถ้าเช่นนั้นทำไมภาพยนตร์ ซีรี่ส์ และนวนิยายประเภทนี้ถึงยังเป็นที่นิยมอยู่ถึงปัจจุบัน คำตอบหนึ่งคือความลึกซึ้งและมิติของตัวละคร

เราอาจเห็นภาพชัดขึ้นหากสังเกตจากตัวอย่างสื่อประเภทนี้ที่น่าจะเคยผ่านตามาอย่าง Harry Potter, Forrest Gump, Little Women, To Kill a Mockingbird, และ The Perks of Being a Wallflower แม้กระทั่งซีรี่ส์ที่นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแปลรักฉันด้วยใจเธอก็อาจมองได้ว่าเป็นหนึ่งในหมวดนี้เช่นกัน

จะเห็นได้ว่าการดำเนินเรื่องแบบ ‘Bildungsroman’ ไม่ใช่แค่หนังชีวิตทั่วไป แต่เสนอเรื่องราวให้เราได้ทำความรู้จักตัวละครอย่างลึกซึ้ง เข้าใจถึงแต่ละการตัดสินใจ และสนุกที่ได้เห็นพวกเขาเติบโตเมื่อต้องเผชิญกับอะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามากระทบชีวิต 

เมื่อได้มองตัวละครเติบโตผ่านจอจึงคล้ายกับว่าได้เดินทางไปพร้อมๆ กับพวกเขา ตรงนี้แหละคือวัตถุดิบชั้นดีที่ทำให้นวนิยายและภาพยนตร์แบบนี้มีมิติและเต็มเปี่ยมด้วยมุมมอง 

ไม่เพียงเท่านั้น ‘Bildungsroman’ ยังผายมือเชื้อเชิญให้เราสะท้อนอุปสรรคที่ตัวละครเผชิญกับชีวิตจริงของตัวเอง ไม่ต่างกับคำพูดที่ว่ามองละครแล้วย้อนดูตัวซึ่งยิ่งทำให้อินเป็นพิเศษ

เพราะแน่นอนว่าในชีวิตหนึ่งของเราต้องเคยผ่านช่วงเวลาสับสน มองไปทางไหนก็ไม่มีใครเข้าใจ เกิดคำถามมากมายว่าเราเกิดมาทำไม

ในแง่ความบันเทิงก็ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่นิด เพราะสื่ออารมณ์ได้ทั้งดราม่า, โรแมนติก, คอมเมดี้ หรืออย่าง Harry Potter ก็ทำให้เราระทึกใจได้ไม่น้อย ‘Bildungsroman’ สามารถเจาะลึกไปถึงกระบวนการคิดและชีวิตของมนุษย์ได้มากกว่านวนิยายหมวดอื่นที่ทำได้เพียงผิวเผิน

สุดท้ายแล้ว ‘Bildungsroman’ ไม่ได้เพียงแค่ทำให้เราเข้าใจบทเรียนสำคัญของชีวิตที่ซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องราวของตัวละคร แต่ยังชี้ให้เห็นความสวยงามของแต่ละช่วงวัย วาดภาพความไม่สมบูรณ์ของชีวิต ความสับสนและความผิดหวังเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตมนุษย์ 

ที่สำคัญยังสอนให้เรารู้ว่าหลงทางบ้างก็ไม่ได้เป็นเรื่องแย่อะไร

อ้างอิง