เหล้า หรือ Spirit เป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เรียกได้ว่าคนดื่มกันทั่วโลก ซึ่งประวัติของมันก็มีมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีตั้งแต่ยุโรปรับเทคโนโลยีการกลั่นไปจากอาหรับ และเผยแพร่เทคโนโลยีนี้ไปสู่พื้นที่ต่างๆ ในโลก
การทำเหล้านั้นจะเรียกว่าทำง่ายก็ง่าย เพราะพื้นฐานมันคือการใช้พืชใดก็ได้ที่มีแป้งหรือน้ำตาลมาหมักใส่ยีสต์ ให้ยีสต์เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ แล้วก็เอามากลั่นเพื่อแยกแอลกอฮอล์ออกจากน้ำ ซึ่งผลที่ได้ก็คือสิ่งที่เราเรียกรวมๆ ว่า “เหล้า” และเหล้ามันก็เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสินค้าส่งออกของประเทศต่างๆ มาหลายร้อยปี ด้วยเหตุที่ว่าตัวมันเป็นแอลกอฮอล์เข้มข้น สามารถขนส่งในระยะไกลได้โดยไม่บูดเสีย ซึ่งต่างจากเบียร์และไวน์ที่มีประวัติยาวนานกว่า แต่ก็มักจะผลิตกินกันในท้องถิ่นเท่านั้น เพราะหมักมาแล้วมันเก็บได้ไม่นานก็เสีย
นี่ทำให้โลกนี้มี “เหล้า” สารพัดชนิดจากพืชสารพัด เช่น บรั่นดีจากองุ่น วิสกี้ ว็อดก้า เหล้าขาวจากข้าวสารพัดรูปแบบ เบอร์เบิ้นจากข้าวโพด รัมจากกากน้ำตาลอ้อย หรือกระทั่งเตกีล่าจากกระบองเพชรอะกาเว่ ซึ่งแม้ว่าชื่อเรียกจะต่างๆ กัน กระบวนการพื้นฐานมันมีร่วมกันทั้งสิ้นคือ เอาพืชที่มีแป้งหรือน้ำตาลมาหมักกับยีสต์ แล้วก็เอาไปกลั่น
เนื่องจาก “เหล้า” มีความเป็นสากลในฐานะเครื่องดื่มมึนเมา เราก็จะสามารถเห็นได้ว่ามันเป็นสินค้าที่ขายได้ระดับนานาชาติ และเราอยู่เมืองไทยเราก็สามารถหาเหล้าจากทั่วโลกมากินได้เพียงแค่เข้าไปร้านขายเหล้า หรือแผนกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในห้างใหญ่ๆ
ทีนี้ เคยสงสัยมั้ยครับว่า “เหล้า” ยี่ห้อไหน มัน “ขายดี” ที่สุดในโลกในแง่มีคนดื่มเยอะที่สุด? ให้เดาบางคนอาจสงสัยว่าเป็น Johnny Walker หรือเปล่า?
ซึ่งเอาจริงๆ เหล้าของ Johnny Walker เนี่ย ถ้าวัดกันในเชิงประมาณ มันไม่ติดกระทั่ง 1 ใน 10 ของ “เหล้าสี” (คือเป็นสีอำพัน ไม่ใช่ใสๆ) ที่ขายดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ และถึงจะนับยอดขายจากทั่วโลก เราก็จะพบว่ามันขายดีน้อยกว่าเหล้า หงส์ทอง ที่เป็นเหล้าสีที่ขายดีที่สุดของไทยอีก และหงส์ทองของบ้านเรานี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ ขายได้เป็น 252 ล้านขวดต่อปี เป็นเหล้าสีขายดีที่สุดในไทย และขายดีระดับโลกเลย (สถิติทั้งหมดถ้าไม่มีการระบุอะไร มาจากรายงานของ International Wine & Spirits Research Group ในปี 2018 นะครับ ซึ่งเขาวัดยอดขายกันเป็นกล่อง ซึ่งกล่องนึงมี 12 ขวด ขวดละ 0.75 ลิตร หรือรวมกัน 9 ลิตรต่อกล่อง แต่ในที่นี้จะคิดเป็นขวดเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ)
ซึ่งก็แน่นอนว่ายอดขายแทบทั้งหมดก็ในไทยนั่นแหละ ก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยนี่ขี้เมาไม่ใช่เล่นเลย
แต่ถ้านั่นยังไม่น่าตกใจพอ เหล้าที่ขายดีอันดับ 2 ของโลกนี่ก็เหล้าไทยนะครับ มันคือเหล้าขาวยี่ห้อ รวงข้าว ที่ปีๆ หนึ่งขายได้ถึง 372 ล้านขวด และที่น่าสนคือ ช่วงก่อนหน้านี้อันดับมันไม่ได้สูงอย่างนี้นะครับ เพราะว่ายังแพ้ เหล้า Officers Choice ซึ่งเป็นเหล้ามหาชนของอินเดียอยู่ แต่ล่าสุดนี่ชนะแล้ว (แต่ถ้าเทียบประชากรกันแล้วก็ถือว่าโหดมากอยู่ดี เพราะคนอินเดียมีจำนวนมากกว่าเราเยอะ)
มาถึงตรงนี้ เราอาจอึ้งว่า เอาจริงๆ เหล้าที่ขายดีเกือบที่สุดในโลกมันก็คือเหล้าของไทยๆ เรานี่เอง ซึ่งก็ใช่ครับ เพราะเอาจริงๆ พวกเหล้าขายดีทั้งหลาย มันคือเหล้าท้องถิ่นทั้งนั้น ซึ่งมันจะขายดีแค่ไหนก็แปรผันไปกับความขี้เมาของคนในประเทศเป็นหลัก เพราะมันเป็นแบรนด์ท้องถิ่น ไม่ใช่แบรนด์อินเตอร์ ดังนั้นแบรนด์เหล้าที่ขายดีระดับโลกมันก็มักจะมาจากประเทศที่คนมันขี้เมากันด้วย
คือเอาง่ายๆ ครับ เหล้าระดับอินเตอร์ที่ขายได้มากที่สุดเนี่ย คือ Smirnoff (ซึ่งเป็นว็อดก้าสัญชาติอเมริกัน) มันยังมียอดขายทั่วโลกเพียง 300 ล้านขวดเท่านั้นเอง สุรารวงข้าวเราขายดีกว่า หรือพูดง่ายๆ คนไทยกินเหล้ารวงข้าวกันมากกว่าคนทั่วโลกกิน Smirnoff
แต่ก็อย่างที่บอกครับ เหล้ารวงข้าวเราเนี่ย เป็น “อันดับ 2” ของโลกนะครับ ไม่ใช่อันดับ 1 และอันดับ 1 มันก็ไม่ใช่เหล้าอินเตอร์ด้วย แต่เป็นเหล้าท้องถิ่นอย่างเหล้ายี่ห้อ Jinro ของเกาหลีใต้
ถ้าถามว่าคุ้นชื่อแบรนด์นี้มั้ย? ถามเมื่อสัก 10 ปีก่อนคนคงไม่ค่อยรู้จัก แต่ทุกวันนี้วัฒนธรรมเกาหลีมันฮิตบ้านเราพอควร และเหล้านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเกาหลีด้วย ดังนั้นทุกวันนี้หลายๆ คนก็คงเคยผ่านตาแบรนด์นี้กันแล้ว และจริงๆ มันก็มีวางขายบ้านเราอยู่ (ขวดเขียวๆ ฉลากเหลืองๆ โลโก้สีแดงๆ น่ะครับ หรือจริงๆ ยุคนี้พวกขวดเล็กๆ ก็มีขายที่ 7-eleven ด้วยซ้ำ)
สำหรับคนเคยเห็น ก็คงจะไม่รู้สึกอะไรนอกจากว่ามันคือเหล้าที่เรียกว่า “โซจู” จากเกาหลี (ซึ่งมันก็คือ “เหล้าขาว” นี่แหละครับ กระบวนการไม่ได้ต่างจากเหล้าขาวบ้านเราหรือว็อดก้า และพืชที่ใช้ผลิตก็คือข้าว) แต่ในความเป็นจริง เหล้ายี่ห้อนี้คือแชมป์ตลอดกาลของเหล้าขายดีทั่วโลก เพราะตั้งแต่มีการสำรวจทั่วโลกอย่างจริงจังมา Jinro คือแบรนด์เหล้าที่ขายได้เยอะที่สุดในโลกมาตลอด และจากสถิติล่าสุดมันขายได้ราวๆ 76 ล้านกล่อง หรือประมาณ 912 ล้านขวด เรียกได้ว่านับเป็นขวดๆ มันขายได้เยอะกว่าเหล้ารวงข้าวของบ้านเราเป็นเท่าตัว
บางคนอาจรู้สึกว่ามันแปลกๆ เพราะถ้าไปดูดีกรี เราก็จะพบว่าโซจูของ Jinro มันมีแฮลกอฮอล์เพียง ราวๆ 17-20 ดีกรีเท่านั้น หรือต่ำกว่า “เหล้า” ทั่วๆ ไปครึ่งนึง (แต่ยังสูงกว่าพวกเบียร์และไวน์เป็นเท่าตัว) พูดง่ายๆ คือมันมีข้อสงสัยว่ามันขายดีเพราะระดับแอลกอฮอล์มันต่ำหรือเปล่า? นอกจากนี้ส่วนหนึ่งที่ Jinro ขายดีขนาดนี้ เพราะมันไปบุกตลาดนานาชาติด้วย
ใช่ครับสิ่งเหล่านี้มีส่วนถูก แต่อีกส่วนที่ทำให้ Jinro ขายดีก็เพราะคนเกาหลีใต้นี่ขี้เมาสุดๆ ซึ่งสิ่งที่หลายๆ คนไม่รู้ก็คือ เกาหลีใต้เป็นชาติเอเชียที่อัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ต่อหัวสูงที่สุดในเอเชีย ดังนั้นก็จึงไม่แปลกเท่าไรหรอกครับที่ “สุราประจำชาติ” ของประเทศเอเชียที่ขี้เมาที่สุดมันจะเป็นเหล้าที่ขายดีที่สุดในโลก
เพราะคนเกาหลีนี่ก็ไม่ใช่ย่อยจริงๆ ขนาดคนไทยที่ว่ากินเหล้าเก่งๆ แล้วไปดวลเหล้ากับต่างชาติเขายังเล่าลือกันเลยว่า 2 ชาติที่อย่าไปดวลเหล้ากับเขาเด็ดขาดเพราะแพ้แน่ๆ คือรัสเซียและเกาหลี เพราะพวกนี้เขา “สายแข็ง” ของจริง
ซึ่งที่น่าสนใจอีกก็คือ ที่เขารวมๆ เหล้าขายดีทั่วโลกนี่ ไม่มีแบรนด์รัสเซียติดซักแบรนด์นะครับ ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่ลือชื่อด้านความขี้เหล้าสุดๆ แล้ว แถมมีประชากรเป็นร้อยล้านคน ส่วนหนึ่งที่เป็นแบบนี้ก็อาจเป็นเพราะในรัสเซียเองคนเลือกกินว็อดก้ากันหลากหลายยี่ห้อ ไม่มีแบรนด์ไหนเด่นครองตลาดได้ เพราะนี่ไม่ใช่ยุคสังคมนิยมที่มีแค่สองแบรนด์ให้เลือกแล้ว แต่มีเป็นสิบๆ ให้เลือกเมากัน หรือพูดง่ายๆ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นชาติแห่งว็อดก้า แต่รัสเซียกลับไม่มีว็อดก้าแบรนด์เด่นระดับเป็น “แบรนด์ประจำชาติ” ที่คนกินกันหมด
และในทางกลับกัน ชาติขี้เมาอย่างเกาหลีใต้ที่มีประชากรเพียง 50 ล้านคน แต่มีเหล้าที่ถือเป็นแบรนด์ประจำชาติ มันก็เลยทำให้แบรนด์อย่าง Jinro สามารถมียอดขายสูงทะลุโลกจนเป็นเหล้าที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของโลกในที่สุด