5 Min

Best of MOODY 2021

5 Min
903 Views
17 Jan 2022

คงไม่เวอร์เกินไปนัก ถ้าจะพูดว่า ปี 2021 เป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับทุกคนจริงๆ สถานการณ์โควิด-19 เข้าขั้นวิกฤตยอดผู้ติดเชื้อนิวไฮรายวันคนป่วยไม่มีเตียงล้มตายเป็นใบไม้ร่วงรัฐบาลห่วยแตกเศรษฐกิจล้มระเนระนาด

เช่นเดียวกับจิตใจของคนเราก็ล้วนหงอยเหงาเศร้าซึม ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง แต่ชีวิตก็คือชีวิต ตราบใดที่ยังมีลมหายใจก็ต้องประคับประคองตัวเองให้ลุกขึ้น ตั้งสติ จัดการอารมณ์ความรู้สึกเสียใหม่ แล้วเดินหน้าต่อไป

วันนี้ BrandThink ขอรวบรวม 10 บทความยอดนิยมที่มีผู้อ่านสูงสุดของปี 2021 จากเพจ ‘MOODY’ มาให้อ่านกันอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจ ให้กำลังใจ ชุบชูใจ แม้กระทั่งเยียวยาหัวใจให้เริ่มต้นปีใหม่ได้อย่างสดใสมีชีวิตชีวา

ตั้งแต่ผลการศึกษาว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่นิยมมีลูก เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไร้ค่า หมดกำลังใจ ควรทำอย่างไร? คนอ่อนไหวง่ายเป็นผู้ที่สัมผัสอารมณ์คนได้ดีและเข้าถึงอารมณ์ได้มากกว่าคนทั่วไปจริงหรือ? ‘ทฤษฎีพหุปัญญาที่จะมาไขคำตอบว่าเด็กเรียนไม่เก่งไม่ได้แปลว่าโง่ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์รูปแบบการศึกษาที่มีอยู่เท่านั้นเอง ‘Law of Attraction’ คืออะไร? ทำไมคนเรามักถูกดึงดูดด้วยคนประเภทเดียวกัน จนถึงบุคลิกของคนที่เรียกว่า ‘Talkative Introvert’ อยู่กับคนนอกไม่ค่อยพูดอะไร แต่อยู่กับคนสนิทจะพูดมากเป็นพิเศษ

(อย่าลืมกดไลก์เพจ MOODY ด้วยนะ: https://www.facebook.com/moody.lives)

อันดับ 1 MOODY: บนโลกที่โหดร้าย คนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก?

นักวิจัยเผยอีก 80 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีประชากรน้อยลงกว่าครึ่ง เมื่อเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่าย และพื้นฐานชีวิตไม่เอื้อให้คนรุ่นใหม่อยากมีลูก รวมถึงการอยากใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการมากกว่าการมีลูก

สาเหตุจากงานวิจัยฉบับเดียวกันระบุว่า อัตราประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสำคัญ เมื่อพื้นฐานชีวิตประจำวันยังไม่ดีพอ ลูกจึงไม่ใช่ปัจจัยความสุข และไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจที่คู่รักรุ่นใหม่ใฝ่หา นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุเรื่องการใช้ชีวิตที่คนรุ่นใหม่ต้องรับเงื่อนไขหลังจากมีลูกเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/121961283257282

อันดับ 2 MOODY : รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเลย รู้สึกไร้ค่า ขาดกำลังใจ

บางครั้งที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเลย ทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีความหมาย และไม่มีกำลังใจในการใช้ชีวิต ส่วนหนึ่งอาจมาจากเรื่องของ Self-esteem หรือความภูมิใจในตัวเองที่หมายถึงการรับรู้ตัวตน ศักดิ์ศรีและคุณค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้สึกใกล้ตัวที่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าทำไมมันยากจัง

สิ่งสำคัญคือเราต้องหมั่นสร้าง Self-esteem อยู่เสมอเพื่อช่วยเพิ่มพัฒนาคุณค่าและศักดิ์ศรีของตน เพราะมันจะช่วยทำลายความรู้สึกร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในใจเราได้

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/155535726566504

อันดับ 3 MOODY QUOTE : “จงรักใครก็ได้ที่ทำให้เธออยากเติบโต เป็นคนที่ดีมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อเขา แต่เติบโตพอที่จะรักตัวเอง ไปพร้อมกับการรักเขาจากหนังสือขอเป็นคนที่เธอนึกถึงแล้วยิ้มได้ก็พอ’ – Octobrae

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/170734758379934

อันดับ 4 MOODY : ‘คนอ่อนไหวง่ายไม่ได้แปลกประหลาด แค่สัมผัสอารมณ์คนได้ดี และเข้าถึงอารมณ์ได้มากกว่าคนทั่วไป

หลายคนอาจจะเคยเข้าใจว่าตัวเองอ่อนแอ เป็นคนไม่สู้อะไร เป็นคนจิตใจหวั่นไหว และไม่เอาไหน เพราะร้องไห้บ่อยกว่าคนปกติ แต่น้ำตาไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ หรือพ่ายแพ้เสมอไป น้ำตาอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่าเข้าถึงอารมณ์ เข้าถึงบางสิ่งได้ อินกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง

หากใครหรือคนรอบข้างแสดงสัญญาณเหล่านี้ อาจบ่งบอกถึงลักษณะแบบ HSPs (Highly Sensitive Person) หรือกลุ่มคนที่อ่อนไหวง่ายต่อความรู้สึกและสิ่งรอบข้าง ซึ่งคนกลุ่มนี้มักจะแสดงอารมณ์ทั้งแง่บวกและลบต่อเหตุการณ์รอบตัวรุนแรงกว่าคนทั่วไป และโดยส่วนใหญ่มักเป็นสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอึดอัด

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/157436833043060

อันดับ 5 MOODY : ‘ไม่มีใครเกิดมาโง่ตามหาสิ่งที่ใช่ผ่านทฤษฎีพหุปัญญา เด็กเรียนไม่เก่งไม่ได้แปลว่าโง่ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์รูปแบบการศึกษาที่มีอยู่แค่นั้นเอง 

Multiple Intelligences Theory เป็นแนวคิดที่ว่าไม่มีใครเกิดมาโง่โดยเน้นย้ำพูดถึงความหลากหลายของปัญญามนุษย์ ที่ไม่ควรจะถูกตัดสินผ่านบททดสอบแบบเดียวกัน เด็กเรียนไม่เก่งไม่ได้แปลว่าโง่ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์รูปแบบการศึกษาที่มีอยู่

แต่ละคนก็มีความสามารถ และความถนัดมากกว่า 1 ด้านอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าคุณจะถนัดอะไร ลองเคารพตัวตน เคารพความถนัด เคารพธรรมชาติ อาจจะทำให้คุณเข้าใจตัวตนคุณได้มากขึ้น 

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/109404461179631 

อันดับ 6 MOODY : Law of Attraction คืออะไร? ทำไมคนเรามักถูกดึงดูดด้วยคนประเภทเดียวกัน

‘Law of Attraction’ หรือกฎแห่งแรงดึงดูดเป็นกฎที่มีมานานแล้ว บางครั้งอาจเรียกได้ว่าเป็นกฎจักรวาลเป็นแนวคิดที่เชื่อว่ามนุษย์สามารถดึงดูดสิ่งที่ดีหรือไม่ดีเข้ามาในชีวิตได้ โดยขึ้นอยู่กับความคิดของเราเอง 

ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในกฎแห่งแรงดึงดูด ก็คือการปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นไปในทางที่ดี เพราะจะส่งผลให้เราสามารถดึงดูดสิ่งที่ดีๆ เข้ามาหาเราได้นั่นเอง

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/250340220419387/

อันดับ 7 MOODY : ไม่ต้องฝืนเข้าสังคมเยอะก็ได้ ถ้าหัวใจเราไม่ต้องการ

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมและการเข้าสังคมเป็นสิ่งสำคัญต่อพวกเรา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการพูดคุย จะให้ทำมากเกินไปก็อาจจะไม่ไหว การเข้าสังคมปริมาณไหนถึงเรียกว่าพอดีกันแน่ 

งานวิจัยพบว่าการเข้าสังคมบ้างพอประมาณ ส่งผลดีใกล้เคียงกับการเข้าสังคมแบบเยอะๆ เพราะฉะนั้น สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่ การเข้าสังคมพอประมาณก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืนทำอะไรที่คุณไม่อยากทำ มันจะทำร้ายหัวใจคุณเปล่าๆ

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/233548408765235/ 

อันดับ 8 MOODY : Talkative Introvert อยู่กับคนนอกไม่ค่อยพูดอะไร แต่อยู่กับคนสนิทจะพูดมากมากเป็นพิเศษ

Talkative Introvert เป็นคนประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ชอบอยู่กับคนหมู่มาก ไม่ค่อยพูดจากับคนที่ไม่สนิท แต่พออยู่กับคนที่รู้สึกปลอดภัยก็กลายเป็นคนที่สนุกสนานเฮฮา 

ผู้คนมักจะคิดว่า Introvert เป็นคนขี้อาย แต่ความเป็นจริงแล้ว Introvert หลายคนมีความสามารถในเรื่องของการพูดและเข้าสังคมที่ดี ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลว่าความเป็น Introvert ในตัวเขาจะลดน้อยลง เมื่อมีผู้ฟังที่ใช่ มีบรรยากาศผ่อนคลาย ก็ไม่แปลกอะไรที่พวกเขาอาจกลายเป็นคนที่พูดเยอะแบบน้ำไหลไฟดับ

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/223459619774114/ 

อันดับ 9 MOODY QUOTE : “ทุกคนมีภูมิคุ้มกันความเศร้าไม่เท่ากัน อย่าตัดสินความเจ็บปวดของคนอื่น ด้วยความรู้สึกของเราเอง”– จากซีรีส์ SEX EDUCATION 

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/107823731337704 

อันดับ 10 MOODY : เคยคิดไหม? ทำไมนิสัยไม่ดีถึงเจริญในหน้าที่การงาน

งานวิจัยของ Klaus Templer จากมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ได้ทำการศึกษาโดยเน้นย้ำไปที่ประเด็นทำไมคนที่เป็นมลพิษแบบนี้ถึงก้าวหน้าในหน้าที่การงาน’ 

จากการศึกษาทำให้ทราบได้ว่า สิ่งที่ไม่ดีของคนกลุ่มนี้อาจไม่ชัดเจนในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาเริ่มก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น พวกเขาก็พร้อมเปิดเผยตัวตนและแพร่กระจายสารพิษได้อย่างเต็มกำลัง ความกระหายในหน้าที่การงานส่งผลให้พวกเขาอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนอื่นได้ โดยที่ผู้ใหญ่ในองค์กรหรือผู้มีอำนาจจะไม่ค่อยสังเกตเห็นเสียด้วยซ้ำ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายครั้ง ทำไมเหล่าหัวหน้าหรือคนใหญ่คนโต ดูจะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไร

อ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/101466888640055/posts/152424553544288