ถ้าเราพูดกันถึงแพลตฟอร์มมาแรงในช่วงปีที่ผ่านมา เชื่อว่า ‘Onlyfans’ ที่โด่งดังเรื่องคอนเทนต์วับแวม 18+ และการสร้างรายได้หลายหลักให้กับครีเอเตอร์จากการจ่ายเพื่อเสพคอนเทนต์พิเศษ ต้องขั้นมาอยู่ในลิสต์บนๆ แต่สำหรับสังคมไทยที่เรื่องเหล่านี้ยังไม่ได้เปิดกว้างมากนักชีวิตการเป็นนางแบบ Onlyfans เป็นยังไง
“เรารู้แค่ว่าเราชอบถ่ายรูปแบบนี้แล้วมันไม่สามารถลงใน Facebook ได้ มันอาจจะเห็นได้ประมาณหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่า เราอยากโชว์อ่ะ เราอยากหาที่โชว์ที่จะเป็นแกลเลอรี่ภาพของเรา”
เรื่องราวของ ‘คุณบุ้ง’ เจ้าของแอคเคาท์ ‘Bararungbung’ อดีต Supervisor Sale แบรนด์แฟชั่น ที่ตั้งใจลาออกมาเปิดร้านคราฟต์เบียร์แต่เพราะโควิด-19 ทำให้ฝันค้าง ตกงาน หมดเงิน และผันตัวมาทำ Onlyfans ที่ไม่ได้จำใจเพราะแอบคิดไว้มานานหลายปีแล้ว
“เมื่อก่อนเราเล่นทวิตเตอร์ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วมันมีแฮชแทก #นัด… อะไรแบบนี้ ขึ้นมาเยอะมากเป็นเทรนด์ เราก็เข้าไปดูว่ามันคืออะไร มันก็มหัศจรรย์มาก”
จากการเริ่มต้นส่องแฮชแทกใน twitter เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน จนเจอ ‘aclock’ ของ twitter ซึ่งต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าไปดูคอนเทนต์เท่านั้นและหลายคนใช้เป็นพื้นที่ขายภาพและคลิป Sex tape และค่อยขยับมากเป็นการขายคอนเทนต์ใน Pornhub ซึ่งมีรายได้เป็นกอบเป็นกำทำให้บุ้งเริ่มสนใจ แต่เพราะอยู่ในความสัมพันธ์กับแฟนเก่าที่ไม่สนับสนุนตอนนั้นบุ้งเลยต้องเบรกเรื่องนี้ไว้ในใจ
จนเมื่อกลางปีที่แล้วแพลตฟอร์ม Onlyfans เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บุ้งได้เริ่มถ่ายนู๊ดเป็นครั้งแรกกับเพื่อนที่เปิดสตูดิโอ จึงเริ่มสนใจมากขึ้นแต่ในเวลานั้นไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นสิ่งที่หารายได้อย่างจริงจัง พอเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่รวมถึงตกงานยาวนานตั้งแต่เดือนมีนาคม บุ้งก็เริ่มเกริ่นๆ กับแฟนคนปัจจุบันว่า “อยากถ่ายโป๊”
“แต่ด้วยความที่ชีวิตปกติเราไม่ได้เป็นคนแต่งตัวโป๊ขนาดนั้น เขาก็บอกว่า ‘เธออะเหรอ’ แต่เราเองก็ถ่ายรูปตั้งโปรไฟล์ที่โป๊ๆ บ้างอยู่แล้วนะ เขาก็บอกว่าโอเคนะ เขาถ่ายให้ได้แต่ไม่อยากให้ลงที่ไหน”
“จนวันหนึ่งเขาก็มาพูดกับเราว่าถ้าอยากถ่ายก็ถ่ายนะ เพราะมันเป็น One life time คือเราเกิดมาเพียงแค่ครั้งเดียว เรามีหน้าตาแบบนี้ผิวแบบนี้ หุ่นแบบนี้ได้แค่ครั้งเดียว พรุ่งนี้เราอาจจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว ดังนั้นถ้าเราอยากทำก็ทำ เขาถ่ายให้”
แม้ว่าในทีแรกแฟนของบุ้งไม่อยากให้ทำ Onlyfans แต่จากการเกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆ เพราะตัวบุ้งเองก็อยากมีรายได้หลังจากที่ตกงานและเงินเก็บร่อยหรอ สุดท้ายแฟนก็ใจอ่อนและยอมให้เปิดแอคเคาท์บน Onlyfan ได้
Onlyfans ‘รายได้ดี’ แต่มันดีกว่าที่เขาว่ากันว่าไหม?
“ด้วยความที่เราลองเชิงตอนแรก เราตั้งราคา 5.99 เหรียญซึ่งค่อนข้างต่ำ พอทำไปทำมา ไปดูคนอื่นที่ทำเท่าหรือน้อยกว่าเรา แต่ตั้ง 17 เหรียญอะไรแบบนี้ ทำให้ถ้าเกิดว่ามียอด sub เท่ากันแต่รายได้ไม่เท่ากัน แต่รายได้ถามว่าเยอะไหมก็อาจจะเยอะแต่ไม่ได้มากจนตกใจ” บุ้งเล่า “อย่าลืมว่าเราต้องมีทุนในการทำด้วย เราลงแรง ลงเงิน ต่อให้แฟนเราถ่ายฟรี แต่ถ้ามีตากล้องก็ต้องมีเงิน ถ้าเราจ้างตากล้องเท่าไร ชุดพวกนี้มันกี่บาท ค่าแรงของเราล่ะ มันก็ต้องบวกไปด้วย”
การทำ Onlyfans ก็เหมือนกับการทำธุรกิจอย่างอื่น ต้องมีการทำการตลาด ต้องโปรโมท ดึงลูกค้า ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าง่ายแต่ก็ไม่ได้ง่ายเสียซะทีเดียว ต้องมีการวางแผนว่าจะโปรโมทแอคเคาท์ของตัวเองยังไง ที่ไหนบ้างเพื่อดึงคนเข้ามา ซึ่งปกติทำบน Facebook และ Twitter จนเริ่มมีไอเดียในการทำคอนเทนต์บน Youtube เพิ่มขึ้น
“มันก็เหมือนกับการขายของแข่งกับร้านอื่นๆ แหละค่ะ คือเขาขายของแบบเดียวกับเรา อาจจะต่างที่รสชาติไม่เหมือนกัน สีไม่เหมือนกัน การตกแต่งร้านไม่เหมือนกัน ราคาไม่เท่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าพอใจแบบไหน แต่มันต้องแข่งแน่นอน”
บุ้งเองก็ค่อยๆ ขยับงานเพื่อตอบสนองลูกค้ามากขึ้น จากภาพเปลือย เริ่มเป็นคลิป มีการช่วยตัวเอง มีการไลฟ์พูดคุย แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้น Sex tape แต่นี่อาจจะมาไกลกว่าที่ตอนแรกเคยคิดเอาไว้
“ตอนแรกก็มีปัญหากับแฟนเราเขาไม่คิดว่าเราจะไปถึงจุดนี้ จนเขาบอกว่า เธอกำลังจะเสียตัวตนเพราะคนที่ตาม สิ่งที่เสพ แต่เรามองว่าเราไม่ได้เสียตัวตน แต่เราเป็นตัวตนของเรามากขึ้นนี่อาจจะเป็นตัวตนที่เราเพิ่งค้นพบ แต่เราบอกตลอดว่าเขามีลิมิตที่ตรงไหนก็จะไปถึงตรงนั้น”
ความ ‘เปลือย’ บนสังคม
“เราก็สงสัยว่าทำไมสังคมไม่เปิดกว้างสักที เพราะสำหรับเรานี่คือผู้มีพระคุณนะ เวลาเราเงี่-นเราดูอะไร เราทำอะไร ทุกคนมีจุดนั้น ทำไมเราต้องกีดกันเขาล่ะในเมื่อเขาช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการช่วยตัวเอง”
สังคมไทยไม่ใช่สังคมที่เปิดกว้างเรื่องเพศ นี่คือสิ่งที่ทุกคนทราบกันดี และการเป็นนางแบบ Onlyfans ก็อาจต้องเจอการกดดันของสังคมบ้างซึ่งบุ้งมองว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้คนรู้สึกว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นสิ่งที่ผิด ทั้งที่ทุกคนก็เกิดขึ้นบนโลกได้จากการมีเซ็กซ์ และการช่วยตัวเองก็เป็นเรื่องธรรมดา ดาราหนังโป๊ควรถูกเรียกว่าผู้มีประคุณมากกว่าถูกกีดกัน หลายคนที่ทำ Onlyfans ทำเพราะหมดหนทางในชีวิต ต้องรู้สึกผิดและโทษตัวเองในทุกวันเพราะสังคมทำให้มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งเลวร้าย
“ถามว่าทำไปแล้วมีดาวน์ไหม มีแน่นอน รู้สึกว่าถ้าพ่อแม่มาเห็น คนที่เราสนิทมาเห็น หรือว่าลูกเรา หลานเรามาเห็น เขาจะรู้สึกยังไง แต่เราก็คิดว่าไม่เห็นต้องรู้เลยว่าเขารู้สึกยังไง เราก็แค่อธิบายว่าเราทำไปทำไม หลังจากนั้นการตัดสินของเขา จะมองว่ามันดีหรือไม่ดี มันก็เป็นเขาแล้ว เราก็แค่บอกว่าเราทำแบบนี้นะ เพื่อแบบนี้นะ”
‘ตัวตน’ บน Onlyfans
“ตอนที่เราเปิด onlyfan เราบอกทุกคนเลยว่า เราเปิดขึ้นมาเพื่อตัวเราเองนะ ไม่ได้เปิดเพื่อคุณ เราอยากทำให้มันเหมือนเป็นงานศิลปะ ทำคลิปที่ไม่ใช่แค่การช่วยตัวเองที่อยู่ๆ ก็มาอ้าขาแล้วก็ทำโชว์มันอาจจะมีการใส่แสง ใส่เพลงเข้าไป ซึ่งถ้าคนพอใจก็ซื้อ”
บุ้งยังเล่าว่าวงการนี้เกี่ยวข้องกับรสนิยมที่ชัดเจนมาก เมื่อสิ่งที่บุ้งอยากขายคือ ‘ตัวเอง’ จริงๆ ที่ไม่ได้นมใหญ่ ไม่ได้พิมพ์นิยมตามแบบสังคมไทย มีรอยแผลเป็นที่ไม่ได้ต้องการซ่อน มีเส้นเลือด และไม่ได้เพอร์เฟค แต่บุ้งมองว่านี่คือ ‘ตัวตน’ จริงๆ ที่อยากขาย แต่อาจทำให้ใช้เวลาในการสร้างรายได้นานกว่ากลุ่มคนที่มีรูปร่างหน้าตาพิมพ์นิยม
เมื่อเราถามถึง Beauty standard ในวงการโป๊เปลือย บุ้งตอบว่ามันก็ ‘แรง’ พอสมควร แต่คนที่อยู่นอกกรอบความสวยงามละประสบความสำเร็จบน Onlyfans ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน เพราะในโลกนี้ทุกคนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน
“เรื่องนมนี่ไม่เกี่ยวเลย อย่างเราไม่ได้เป็นคนที่นมใหญ่ แต่คนที่ตามเราพูดเสมอเลยว่า นมเธอสวยนะ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่า เรามีนมแค่นี้ก็ได้นี่หว่า ก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีความมั่นใจเลยนะ”
“Onlyfans มันก็ทำให้เราเห็นว่ารสนิยมมันนอกเหนือจินตนาการมาก บางคนทักมาขอดูรูปเท้า บางคนบอกว่าถ้าเธอจะโกนขนรักแร้ถ่ายคลิปส่งมาให้ได้ไหม เราจ่ายเงินให้ ก่อนนอนส่งรูปรักแร้ให้ดูหน่อย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันดีว่ะ มันคือรสนิยมอ่ะ คนเราจะเป็นแบบไหนก็ได้ และมันมีพื้นที่ให้เป็นตัวเอง”
Onlyfans ในตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่แกลเลอรี่เก็บภาพหรือพื้นที่สร้างรายได้ให้กับบุ้งอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันได้สอนอะไรอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสนิยมของมนุษย์ การเปิดใจ และการมองสังคม เมื่อถามถึงความฝันในอนาคตบุ้งตอบเราว่า
“อยากเป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและคนรอบข้างมีความสุขด้วย”