“การรับบทเต๋อทำให้เรามองเห็นเฉดสีของมนุษย์มากขึ้น” คุยกับ แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์ นักแสดงผู้เกลียดความพ่ายแพ้แต่ต้องมารับบทโจรขี้แพ้ใน RedLife

6 Min
1036 Views
20 Oct 2023

‘แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์’ ไม่ใช่ชื่อใหม่ในวงการภาพยนตร์ เพราะแม้ว่าผลงานที่ผ่านมาของเขาจะมีแค่ เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (2015), อ้ายคนหล่อลวง (2020) ทว่าภาพยนตร์เพียงสองเรื่องก็เพียงพอที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แบงค์คือ ‘ของจริง’ ที่น่าจับตา

3 ปีผ่านไป หลังจากผลงานการแสดงเรื่องล่าสุด ในที่สุดเราก็ได้เห็นใบหน้าของแบงค์ปรากฏอยู่บนโปสเตอร์ภาพยนตร์อีกครั้ง เพียงแต่ข้อหนึ่งที่ดูจะแตกต่างออกไปคือ แบงค์ดูจะซูบผอมลงไปมาก แถมใบหน้ายังดูอิดโรยกว่าบทบาทในหนังเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมา 

ใน ‘RedLife’ แบงค์รับบทเป็น ‘เต๋อ’ โจรกระจอกที่หลงรักหญิงสาวคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ อยากจะพาคนรักไปสู่ชีวิตที่ดีดั่งฝัน แต่มันก็เป็นเพียงความฝันที่คนขี้แพ้อย่างเต๋อไม่มีทางไปถึง 

คงไม่ผิดหากจะบอกว่า นี่คือการพลิกบทบาทการแสดงครั้งสำคัญของแบงค์ เขาต้องตัดผมสกินเฮด ลดน้ำหนักตัวเองจนผอมโซ ปรับเปลี่ยนนิสัยจากเด็กหนุ่มผู้ไม่ชอบความพ่ายแพ้ สู่บทบาทของโจรขี้แพ้ที่ไม่เคยจะสัมผัสชัยชนะเลยสักครั้ง 

เราอยากชวนทุกคนไปนั่งสนทนากับแบงค์ถึงชีวิต การเปลี่ยนแปลงตัวเอง และความท้าทายของการรับบทโจรขี้แพ้ในภาพยนตร์เรื่อง RedLife กัน

Cinema_Interview_bank_Thiti

แต่ถ้าย้อนดูประวัติการแสดงของคุณ โดยเฉพาะภาพยนตร์ พูดตรงๆ มันก็อาจไม่ได้เยอะมากนัก ตั้งแต่ เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (2015), อ้ายคนหล่อลวง (2020) จนมาถึง ‘RedLife’  เพียงแต่สิ่งที่น่าสนใจคือ บทบาทของคุณในแต่ละเรื่องก็ดูจะไม่เหมือนกันเลย

เหตุผลที่เราเลือกรับหนังน้อยเพราะว่าต้องการเปลี่ยนแปลงคาแรกเตอร์ด้วย เราเลยอยากจะรับแค่บทที่อยากจะแสดงและสามารถให้เวลากับมันได้จริงๆ เพราะแต่ละบทบาทที่เข้ามามันคือโอกาส โอกาสที่คนจะได้เห็นการพัฒนาและความเปลี่ยนแปลงของเราในแต่ละผลงาน เราเลยไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโปรเจกต์ที่ตัวเองยังไม่พร้อมเล่นจริงๆ 

แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณเลือกเล่นหนังเรื่อง ‘RedLife’  ล่ะ

เพราะคาแรกเตอร์เลย บทของเต๋อมันท้าทายทักษะการแสดงของเรามากๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะทุ่มเทช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตให้กับตัวละครนี้และหนังเรื่องนี้

ครั้งแรกที่ได้รู้จัก ‘เต๋อ’ คุณตีความตัวละครนี้อย่างไร

เต๋อเป็นตัวละครที่น่าสงสาร ทำไมชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ หรือต้องมาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้ เราสนใจว่า ทำไมเต๋อถึงคิดแบบนั้น เลือกทำแบบนี้ แล้วชีวิตที่ผ่านมาเขาผ่านอะไรมาบ้าง ความสงสัยเหล่านี้ทำให้เราอยากเข้าไปทำความรู้จักตัวละครนี้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งหากว่ากันตรงๆ เต๋อก็ดูจะเป็นตัวละครที่มีแบ็กกราวด์แตกต่างจากคุณเลยนะ

แตกต่างกันเยอะมากครับ

กดดันไหมเมื่อต้องกระโดดมารับบทตัวละครที่คุณไม่ได้คุ้นเคยกับแบ็กกราวด์ชีวิตเขาเลย

ท้าทายมากกว่า อีกอย่างคือ มันทำให้เราได้เห็นภาพของสังคมที่แตกต่างออกไปจากสภาพแวดล้อมที่เราเคยอยู่ มันทำให้เราตระหนักชัดเลยว่า ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยมันมีมากน้อยแค่ไหน และคำว่าโอกาสของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันอย่างไร การรับบทเต๋อทำให้เรามองเห็นเฉดสีของมนุษย์มากขึ้น 

ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่า คุณมีกระบวนการทำความเข้าใจ ‘เต๋อ’ อย่างไร

การที่เราจะเป็นนักแสดงที่ดีได้ เราต้องเชื่อก่อนว่าตัวละครตัวนั้นมีตัวตนจริงๆ เราเลยต้องจินตนาการขึ้นมาว่า เต๋อเป็นคนแบบไหน เกิดในครอบครัวแบบใด มีพี่น้องกี่คน ถูกเลี้ยงดูมายังไง กิจวัตรประจำวันในชีวิตปกติมันมีอะไรบ้าง หรือเพลงที่เขาชอบ อาหารที่เขาชอบกิน ไปจนถึงมุมมองความรัก ซึ่งพอเราสร้างเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาได้แล้ว เราก็จะเริ่มเชื่อและพร้อมจะลงไปอยู่กับเรื่องราวของเต๋อจริงๆ 

มีเรื่องที่ ‘แบงค์ ธิติ’ กับ ‘เต๋อ’ คิดไม่ตรงกันบ้างไหม

เยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของการใช้ชีวิต การโหยหาโอกาส หรือการตัดสินใจ เพราะแม้ว่าเขาจะอยากทำงานเพื่อพาตัวเองออกไปจากสังคมแบบนั้น ทำงานเก็บเงินเพื่อพาคนรักออกไปมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พอโอกาสที่เข้ามาถึงมันมีน้อยมาก มันเลยทำให้เขาไม่สามารถเลือกงานที่สุจริตได้ หรือกระทั่งวุฒิภาวะของเขาที่ไม่สอดรับกับการทำงานบางประเภท หรือกระทั่งการโหยหาความสุข ที่บางครั้งในช่วงชีวิตของเต๋อเขาอาจไม่เคยได้พบเจอกับคำว่าความสุขเลยด้วยซ้ำ มันจึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นตัวละครนี้พยายามแสวงหาวิธีที่จะหลบหนีจากความเป็นจริงบ้าง แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

ประเด็นหนึ่งที่หลายคนพูดถึงเกี่ยวกับการแสดงของคุณใน RedLife คือ ‘แววตาที่ว่างเปล่า’ อยากรู้ว่า 

อะไรคือเหตุผลที่คุณเลือกจะออกแบบสายตาของเต๋อเช่นนั้น คุณคิดว่า ในแววตาที่ว่างเปล่านั้น เต๋อมองเห็นอะไร

เพราะชีวิตของเต๋อไม่ได้มีเป้าหมาย มันแตกต่างจากเราที่วางเป้าหมายชีวิตไว้มากมาย เพราะเต๋อแทบจะไม่เคยมีความฝันเลยด้วยซ้ำ เวลาที่เรามองเขา เราเห็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีอนาคต ไม่มีความฝัน ไม่มีกระทั่งความอยากที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยซ้ำ 

มันแตกต่างจากแววตาของเราอย่างสิ้นเชิงเลย เพราะแววตาของแบงค์ ธิติ คือแววตาของคนที่ชอบเอาชนะ ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ต้องการที่จะพุ่งชนสิ่งต่างๆ สวนทางกับเต๋อที่แววตาของเขามีเพียงความว่างเปล่าจากเรื่องราวในอดีตที่เขาได้เผชิญมา

แล้วมีจุดไหนที่คุณคิดว่า ‘แบงค์กับเต๋อ’ เหมือนกันบ้างไหม

มันน้อยจนคิดไม่ออกเลย เพราะอย่างในเรื่องมุมมองความรักก็แตกต่างกันแล้ว เต๋อคือตัวละครที่ต้องการใครสักคนเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพื่อให้รู้สึกว่า ตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ซึ่งจริงๆ แล้วเขาอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขารัก มายด์จริงๆ ไหม หรือมันเป็นแค่การยึดติด แต่สำหรับเรา ความรักคือการคอยซัพพอร์ตกันและกัน ไม่ได้คาดหวังว่า อีกฝ่ายจะต้องทำในสิ่งที่เหมือนกับเรา เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็แค่อยากจะอยู่ในช่วงเวลาที่เขามีความสุขและช่วงเวลาที่เขาต้องการใครสักคนแค่นั้นเอง 

ถ้าคุณสามารถกลายเป็นเต๋อได้หนึ่งวัน คุณคิดว่าสิ่งแรกที่จะนึกถึงเมื่อลืมตาตื่นคืออะไร

ยากมากเลย เพราะมันดูจะทำอะไรก็ยากไปหมด แต่ถ้าเราได้เป็นเขา เราคงจะพาเต๋อเดินออกไปในที่ซึ่งไกลออกไปจากที่เขาอยู่ ให้เขาได้ออกไปเห็นว่า มันยังมีสังคมแบบอื่นๆ อยู่ เผื่อว่าในวันต่อมาที่เราออกจากร่างเต๋อไปแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เขาได้เห็นจะสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเขา หรืออาจทำให้เขาอยากหาหนทางที่จะหลบหนีออกจากชีวิตแบบนั้น

อยากรู้ว่า การได้แสดงใน ‘RedLife’ สำคัญกับคุณอย่างไร

เราคิดว่าทุกๆ การแสดงที่ผ่านมาสำคัญกับอาชีพนักแสดงของเรามากๆ นะ เพราะถ้าเกิดมีใครสักคนมาเห็นวิธีการแสดงของเราที่เปลี่ยนแปลงไป การแสดงในเรื่องใหม่ไม่ได้เล่นเหมือนเรื่องก่อน มันก็จะยิ่งสร้าง challenge ให้กับเรา ซึ่งการรับบทเต๋อใน RedLife ก็ถือเป็นอีกบทบาทสำคัญนะ เพราะเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเยอะมาก เราไม่เคยตัดสกินเฮดมาก่อน แถมยังต้องลดน้ำหนักลงเยอะมากๆ รวมถึงการพยายามทำความเข้าใจกับคาแรกเตอร์ที่แตกต่างไปจากตัวเองมากๆ เรารู้สึกว่าตัวเองได้เล่นเป็นเต๋ออย่างเต็มที่สุดๆ เท่าที่จะทำได้แล้ว ซึ่งพอย้อนมองกลับไป มันไม่มีฉากไหนเลยนะที่รู้สึกเสียดาย เพราะเราทำเต็มที่มากๆ

สำหรับคุณ RedLife คืออะไร

เรารู้สึกว่ามันเป็นสัญญาณอันตราย เป็นจุดดิ่งสุดของชีวิต เราเคยไปดูหมอดูว่าถ้ากราฟเราตกไปตรงนี้แล้ว เราจะพาตัวเองขึ้นไปยังจุดที่สูงกว่าเดิม แต่พอได้ยินคำว่า ‘RedLife’ แล้วมันเหมือนเป็นจุดหนึ่งของชีวิตที่มืดบอด อันตราย ไม่สามารถหาทางออกได้อีกแล้ว

ชีวิตที่ผ่านมาเคยเจอจุดที่เรียกว่าเป็น RedLife ไหม

เคยเจอในเรื่องของปัญหาการแสดง มีช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่าตัวเองเล่นแบบเดิมตลอดแล้วก็ไม่รู้ว่าต้องแก้ไขยังไง จะต้องพัฒนาตัวเองแบบไหนถึงจะสามารถแสดงในแบบอื่นๆ ได้ เหมือนอยู่ๆ ก็มาเจอทางตันของการแสดง ตอนนั้นเราเลยไปลงเรียนคอร์สการแสดงสาธารณะกับคนทั่วไปเลย ซึ่งมันก็ทำให้เราได้เห็นการแสดงของคนอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากการเวิร์กช็อปกับนักแสดงด้วยกัน แล้วมันก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่เราก็มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ได้ไปเจอสังคมที่แตกต่างมากขึ้น มันเลยทำให้เข้าใจว่า การที่จะเป็นนักแสดงที่ดีได้นั้น ประสบการณ์ชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน 

ตอนนั้นเคยคิดจะเลิกเป็นนักแสดงไปเลยไหม อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณยังอยู่ในสายอาชีพนี้ต่อไป

เราแค่อยากเอาชนะ คือพอเราไม่รู้ เราก็จะยิ่งอยากรู้ว่าทำไมเราถึงไม่รู้ ทำไมเราถึงแก้ไขสิ่งนี้ไม่ได้ มันเลยทำให้เราตั้งเป้ากับตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องข้ามจุดนี้ไปให้ได้ เราต้องสู้กับมันให้ได้ เราต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไรเราถึงติดอยู่ตรงนี้ เราแค่อยากเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนั้น

‘แบงค์ ธิติ’ ที่ยึดติดกับการเอาชนะมาตลอด แต่พอต้องมารับบทตัวละครอย่าง ‘เต๋อ’ ที่จมปลักอยู่กับความพ่ายแพ้ อยากรู้ว่าคุณเข้าใจความพ่ายแพ้ของเต๋ออย่างไรบ้าง

ทุกการแข่งขันต้องมีความพ่ายแพ้อยู่แล้ว เราเองก็เคยเฟลจากความคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังเล็กๆ น้อยๆ หรือว่าความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมันสามารถหยิบจับมาเป็นวัตถุดิบในการแสดงได้เสมอ ประสบการณ์ในชีวิตเลยสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน หรือว่าความรู้สึกก้อนใหญ่ๆ เหล่านี้มันสามารถหยิบมาใช้ในการแสดงได้ทั้งหมด

ในวันที่คุณพ่ายแพ้ คุณบอกตัวเองว่าอย่างไร

เราต้องชนะ เราต้องไม่แพ้

แล้วในวันที่เต๋อพ่ายแพ้ คุณอยากจะบอกอะไรเขา

ไม่รู้เหมือนกันนะ เราก็คงให้กำลังใจเขาแหละ เพราะตราบใดที่เรายังไม่ตาย มันก็ต้องสู้กันต่อไป ชีวิตคนเราจะจบก็ต่อเมื่อเราตาย