การศึกษาฆ่าคนจริงหรือไม่ นักศึกษาปี 4 ที่แบกรับความคาดหวังของผู้อื่นไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองเจ็บปวดมากแค่ไหน
การศึกษาฆ่าคนจริงไหม… เด็กปี 4 หลายคนใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยมีความสุขจริง ๆ ไหม จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตมาทั้งหมด 4 ปี รู้สึกว่าการศึกษายังมีความเลื่อมล้ำของฐานะ และเนื้อหาเป็นอย่างมาก เด็กหลายคนจะเกิดคำถามว่า “เรียนไปทำไม ไม่ได้ใช้จริง” ไม่ใช่แค่เด็กบางคนแต่รวมไปถึงเราด้วยที่เกิดคำถามตั้งแต่การเรียนว่าเราเรียนไปทำไม เรียนไปแล้วได้อะไร แต่ในทางกลับกัน สังคมตีกรอบให้ต้องเป็นคนที่มีการศึกษา ถึงจะหางานทำได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเงินเดือนขึ้นอยู่กับใบปริญญา ซึ่งใครที่จบสูงก็จะสามารถเรียกเงินเดืนอสูงได้ แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนจะมีใบปริญญาหนึ่งใบนั้นต้องแลกกับความเหน็ดเหนื่อยเหมือนสายตัวแถบขาด บางคนถึงขั้นอดนอนเพื่อทำงานส่ง หรือต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคซึมเศร้าของตนเอง สถิติใน 1 ปีมีเด็กที่ตายเพราะโรคซึมเศร้าไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นเราควรจะต้องเสียสละความสุขของตนเองจริง ๆ หรอ แต่ในความเป็นจริงความหวังของครอบครัวก็ต้องมาก่อนเสมอ ซึ่งในประเทศไทยพ่อแม่ต้องอยากเห็นลูกเรียนจบปริญญาตรีทำงานดีดี แต่ถ้ากลับกันในมุมของเราเราก็จ้องอยากเรียนจบปริญญาตรีอยู่แล้ว เพราะเราก็อยากได้งานทำดีดี แล้วไอ้ความคาดหวังนี้แหละที่มันหันกลับมาทำร้ายเราเอง เพราะเมื่อเรามีสิ่งที่เราอยากได้และอยากทำ สิ่งที่ตามมาก็คือ “ความกดดัน” ที่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดกับการเรียนมหาวิทยาลัย เพราะนอกจากเราต้องแข่งกับตัวเองแล้วเรายังต้องแข่งกับเพื่อน ๆ และรวมไปถึงสังคมที่เราจะต้องอยู่ให้ได้ และไม่มีเวลาอยู่กับตนเองด้วยซ้ำ ครอบครัวอยากให้เราเข้าใจเขา แต่ในนอีกมุมนึงนักศึกษาอย่างเราก็ต้องการให้ครอบครัวรับรู้ว่าเราต้องรับแรงกดดันมากแค่ไหน และ 4 ปีที่เราต้องเผชิญมันเป็นสิ่งที่เราต้องทั้งทำงานที่หนัก แต่ถ้าให้มองกลับไปในตอนนี้ที่เราเป็นปี 4 เราอยากมีเวลาบอกกับตัวเองให้มาก ๆ ว่าเราเก่งมาก
“และจงบอกตัวเองเถอะวาเราเก่งจริง ๆ เพราะถ้าเราไม่เก่งจริงคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้” อันนี้เป็นวิธีฮีลใจของเรา แล้วคุณล่ะ ได้บอกตัวเองบ้างหรือยัง