2 Min

กาแฟที่ไม่ได้ทำจากกาแฟ รู้จัก Atomo Coffee กับการนำกากผลไม้มาชงให้คุณดื่ม รสชาติดี มีคาเฟอีน และเป็นมิตรต่อโลก

2 Min
444 Views
26 Jan 2023

เมื่อปี 2022 วารสารวิทยาศาสตร์ Plos One ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผลผลิตเมล็ดกาแฟที่มีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลพวงมาจากภาวะโลกรวน

ในรายงานบอกว่า ไร่กาแฟอาราบิกาแหล่งใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในบราซิล เวียดนาม อินโดนีเซีย และโคลอมเบีย เริ่มให้ผลผลิตน้อยลง ดูแลยากขึ้น ต้องใช้ทุนในการจัดการที่สูง ทำให้เมล็ดกาแฟมีต้นทุนราคาขายส่งสูงขึ้น และพบว่าช่วงปลายปี 2021 ราคาของเมล็ดกาแฟเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะไม่สามารถซื้อกาแฟล่วงหน้าเพื่อกำหนดราคาได้อีกแล้ว

รายงานย้ำว่า ปัญหานี้มีทีท่าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้รับการแก้ไข

แต่ก็อีกนั่นล่ะ เมื่อไหร่ที่มีปัญหา มนุษย์เราก็มักหาวิธีแก้และทางออกใหม่ๆ ได้เสมอ (แม้หลายๆ เรื่องจะรู้วิธีแก้ แต่ไม่ยอมลงมือทำเสียที)

กรณีวิกฤตกาแฟ คำตอบอาจอยู่ที่การได้มาซึ่งกาแฟด้วยวิธีการใหม่ๆ อย่างเช่นการสกัดโดยไม่ต้องพึ่งเมล็ด แบบเดียวกับที่เราสร้างเนื้อสัตว์ โดยที่ไม่ต้องทำฟาร์มปศุสัตว์นั่นเอง

ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพจากสหรัฐอเมริกานามว่า Atomo Coffee ได้ผลิตกาแฟขึ้นด้วยกระบวนการอัพไซเคิล (Upcycled) เศษอาหารจากผักผลไม้ที่เหลือทิ้ง หรือกล่าวตรงๆ Atomo Coffee เป็นกาแฟที่ผลิตขึ้นจากการใช้เมล็ดอินทผลัม รากชิโครี เปลือกองุ่น รวมถึงนำเอาคาแฟอีนที่ได้จากชามาผสมและสกัดออกมาเป็นกาแฟ Cold Brew 

ซึ่งการได้มาด้วยวิธีอัพไซเคิลนี้ หมายความว่าผู้ผลิตไม่ต้องไปกังวลอะไรกับวิกฤตกาแฟหรือราคาต้นทุนเมล็ดที่ถีบตัวขึ้นสูง ไม่ต้องไปแย่งวัตถุดิบกับใคร อีกทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์ตามกรรมวิธีอัพไซเคิลอย่างการป้องกันการเกิดขยะอาหารจากห่วงโซ่อาหารและเพิ่มคุณประโยชน์สูงสุดให้กับอาหารรวมถึงลดการผลิตเพื่อใช้ใหม่

ในเรื่องการไร้เมล็ด บริษัทยังชูจุดขายที่ว่า ไม่ก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าเพิ่มขึ้น (แหล่งปลูกกาแฟใหญ่ๆ ที่กล่าวไปข้างต้นมีจำนวนไม่น้อยใช้ที่ดินในป่าอย่างผิดกฎหมาย)

และกับคุณประโยชน์เรื่องลดการผลิตเพื่อใช้ใหม่ การผลิตของ Atomo Coffee ก็เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตกาแฟที่ต่ำกว่าการทำกาแฟแบบดั้งเดิมมาก ตามการคำนวณของ Carbon Cloud (บริการคำนวณการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์) สรุปว่า Atomo Coffee ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ากาแฟแบบดั้งเดิม 93 เปอร์เซ็นต์ และยังใช้น้ำน้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์

ส่วนเรื่องรสชาติมีคำตอบว่า รสและกลิ่นไม่ด้อยกว่ากาแฟดีๆ ที่เราเสียเงินซื้อกันแพงๆ เลย ทอม บอมฟอร์ด (Tom Bomford) ผู้อำนวยการด้านกาแฟของ Black Fox Coffee (เครือร้านกาแฟระดับหรูในนิวยอร์ก) ยังออกปากว่า รสชาติเหมือนกาแฟ Cold Brew จริงๆ และคอ Cold Brew น่าจะถูกใจสิ่งนี้

และที่ลืมไม่ได้ Atomo Coffee เปิดตัวมาตั้งแต่ 2019 และยังสามารถเอาตัวรอดมาได้ ก็พอการันตีได้ระดับหนึ่งล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ บทบาทของ Atomo Coffee ก็ยังเป็นแค่กาแฟทางเลือกเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ว่าในอนาคตข้างหน้า ที่ผลผลิตต่างๆ จะลดน้อยลง กาแฟไร้เมล็ดอย่าง Atomo Coffee หรือนวัตกรรมแบบเดียวกันนี้ ก็อาจจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนติดกาแฟก็เป็นได้

แต่สุดท้ายถึงเราจะมีทางเลือกใหม่ก็ไม่ควรจะละทิ้งของเก่า

เพราะการรักษาเมล็ดกาแฟแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้ ย่อมหมายถึงรักษาสภาพแวดล้อมของโลกเราเอาไว้ด้วย และมันก็จะส่งผลต่อพืชพรรณสิ่งมีชีวิตที่เราเอามาใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ต้องผจญกับภัยพิบัติรายวัน

สิ่งนี้ดูจะมีความหมายมากกว่าการรักษาไว้ซึ่งรสสัมผัสของลิ้นเพียงอย่างเดียว

อ้างอิง