“เมื่ออาทิตย์อัสดง คุณจะกลัวคนมากกว่าผี” หลายเรื่องสยองในซีรีส์ “อาทิตย์อัสดง” ที่คุณอาจไม่เคยรู้… ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง!

หลายเรื่องสยองในซีรีส์ “อาทิตย์อัสดง” ที่คุณอาจไม่เคยรู้…
ว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง!

[คำเตือน บทความมีการสปอยล์เนื้อหาซีรีส์]

“เมื่ออาทิตย์อัสดง คุณจะกลัวคนมากกว่าผี”

ประโยคนี้คือธีมหลักของซีรี่ส์ “อาทิตย์อัสดง” ซีรี่ส์สยองขวัญที่ออกฉายครั้งแรกทาง WeTV ในปี 2020 ประกอบด้วยเรื่องราวสี่ตอนของสี่ตัวละคร ที่ล้วนแล้วแต่มุ่งเดินทางไปสู่จุดกำเนิดความน่าสะพรึงที่กำลังรอคอยอยู่

คนแรกคือ “พิงค์” เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์สาวสวยที่นิยมมีความสัมพันธ์ one night stand กับผู้ชายใหม่ๆ ที่เธอเจอในแอพหาคู่ และได้เจอกับหนุ่มหล่อนามว่า “คิว” ที่จะไม่ได้เพียงมาขอเคียงเธอในหนึ่งคืน แต่ยังขอฝาก “บางอย่าง” ไว้ในตัวเธอ บางอย่างที่น่าขนลุกและหึ่งไปด้วยกลิ่นเน่า

สอง “ลดา” พยาบาลสาวที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปยังคฤหาสน์เก่าเพื่อดูแล “หม่อมเจ้าศรีสอางค์” เป็นการส่วนตัว ก่อนจะได้ค้นพบความลับของเจ้าบ้าน ที่พาชีวิตเธอไปสู่อีกเส้นทางที่เต็มไปด้วยความลึกลับสุดสยอง อันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

สาม “ออฟ” เด็กหนุ่มผู้กำลังค้นหาเป้าหมายในชีวิต และเลือกที่จะมาสู่เส้นทางการเป็น “สื่อ”  ด้วยบุคลิกห่ามๆ และความกล้าได้กล้าเสีย เขาจึงหล่นลึกลงไปในหลุมพรางของการโหยหาชื่อเสียง ที่อันตรายถึงชีวิต

และสี่ “ชัย” ชายผู้มีปมฝังลึกจากอดีต ที่เลือกเอาความเจ็บปวดไปลงกับผู้หญิงทุกคนที่มาข้องเกี่ยวกับเขา แล้วเปลี่ยนพวกเธอให้เป็นเหยื่อของความวิตถาร แต่ชีวิตของชัยก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ “ดาว” สาวสวยลึกลับผู้หลงใหลเรื่อง “รู” ที่จะเปลี่ยนความใคร่ ให้กลายเป็นจุดกำเนิดความสยองอย่างที่ชัยไม่เคยพานพบ

และหากคุณเลือกที่จะอ่านบทความต่อไป สิ่งสยองที่เคยเป็นเพียงเรื่องแต่งที่ผ่านตาคุณตอนดูซีรี่ส์ จะกลายเป็นความน่ากลัวเท่าทวี เมื่อคุณได้รู้ว่าเรื่องเหล่านี้…เป็น “เรื่องจริง”

แล้วคุณจะได้รู้ว่าประโยค “เมื่ออาทิตย์อัสดง คุณจะกลัว ‘คน’ มากกว่า ‘ผี” นั้น ไม่ได้เป็นประโยคที่เกินจริงไปเลยแม้แต่น้อย…

“มันจะมาในรูปที่สวยงามที่สุด ยั่วยวนที่สุดเสมอ
อย่าเข้าใจว่า พญามาร จะมาในรูปที่เห็นชัดว่า มันเป็นข้าศึก มันเป็นศัตรู
มารจะมาในรูปที่เราไม่รู้จัก หรือไม่รู้สึก เราจะหลงว่าเป็นมิตรสหาย
เพราะมันตรงกับความคิด ความต้องการของเรา“

นี่คือหนึ่งในคำสอนของ “พุทธทาสภิกขุ” ใน ฉากเปิดของซีรี่ส์ “อาทิตย์อัสดง” และออกจะเป็นการบอกใบ้ว่าชะตากรรมของสี่ตัวละครหลักจะเป็นเช่นไร

มารของ “พิงค์” เจ้าหน้าที่ห้องแล็บโรงพยาบาล มาในรูปแบบของ “ความใคร่” เธอคือผู้หญิงหัวสมัยใหม่ ที่เสพติดการมีความสัมพันธ์ลักษณะ one night stand กับหนุ่มๆ มากหน้าหลายตาที่เธอพบในแอพพลิเคชั่นหาคู่ชื่อว่า “Blind Date”

แต่ชื่อแอพไม่ได้เพียงแค่อยากจะย้ำชื่อตอน แต่มันคือการวิพากษ์ลักษณะความสัมพันธ์การหาคู่ออนไลน์ในยุคสมัยนี้…

จริงอยู่ที่อำนาจของเรามันอยู่บนปลายนิ้วที่จะปัดเลือกใครก็ได้ จะจิ้มดูรูปและสืบหาเรื่องของคู่แมทช์จนพอใจเท่าใดก็ได้ แต่พอถึงเวลาที่คุณต้องไปเจอกับคนๆ นั้นจริงๆ มันก็เหมือนกับ “Blind Date” ที่เราตกอยู่ในสถานะเหมือนคนตาบอด เนื่องด้วยไม่รู้ว่าคู่แมทช์ของเรา เขาจะ “แอบแฝง” อะไรมาให้หรือเปล่า

ในสายตาพิงค์ “คิว” คือชายรูปงาม เปลือกนอกน่าหลงใหล เธอยอมให้เขามีเซ็กซ์กับเธอโดยไม่ป้องกัน พวกเขาเริ่มบทบรรเลงรัก ที่ภายหลังเปลี่ยนเป็นบทเรียนสุดสยอง เสียงแพะกับเสียงแมลงวันบอกใบ้ว่า คิว คือ ซาตาน เป็นปีศาจที่มีอำนาจล่อลวงให้หญิงสาวตกอยู่ใต้กามารมณ์

ชะตากรรมของพิงค์หลังจากที่ได้มีความสัมพันธ์กับ “คิว” คือการทั้งต้องรับเชื้อร้ายที่ทำให้ช่องคลอดเหม็นเน่า ทั้งโดนทำร้ายร่างกายจนหน้าสวยๆ ยับเยิน และทั้งต้องแบกรับ “ครรภ์” ที่จุดประกายคำถามว่า สิ่งที่จุติในมดลูกของผู้หญิงที่ไม่สมยอม จะเรียกได้ว่าเป็น “ทายาท” หรือ “ปีศาจ” กันแน่

เรื่องราวของพิงค์อาจเลวร้าย แต่อย่างน้อย เราก็ยังสามารถปลอบโยนความกลัวของเราเองได้ว่า เรื่องของพิงค์เป็นเพียง fiction หรือเรื่องแต่ง แต่อย่าชะล่าใจ เพราะว่าภัยของความสัมพันธ์ของ “Blind Date” ที่ล่อให้ถึงตาย…มันมีอยู่จริง

“ซิดนีย์ ลูฟ” หญิงสาวในรัฐเนบลาสกา ต้องจบค่ำคืนเดทกับคนในแอพทินเดอร์กับนาย “ออเบรย์” ด้วยการตกเป็นเหยื่อความรุนแรง โดยทำร้ายร่างกาย บังคับให้มีเซ็กซ์รุนแรง และจบด้วยการที่เธอต้องกลายเป็นศพที่ถูกหั่นออกเป็น 14 ชิ้น ท่อนแขนซ้ายของเธอ มีรอยสักเป็นประโยคว่า “Everything will be wonderful someday” หรือ “ทุกสิ่งทุกอย่างคงเป็นไปด้วยดีในสักวัน“

คืนก่อนเสียชีวิต ซิดนีย์โพสต์เซลฟี่ของตัวเอง พร้อมระบุว่าเธอ “พร้อมเจอคู่เดตแล้ว”

วัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบ “Blind Date” ยังคงมีอยู่ในสังคมต่อไป ทั้ง “พิ้งค์” และ “ซิดนีย์ ลูฟ” คงไม่ใช่หญิงสาวส่วนเดียวที่ตกเป็นเหยื่อความสัมพันธ์แบบรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ ในอนาคตต่อไป เหยื่ออาจเป็นใครก็ได้ ใครก็ได้มีแอปปัดหาเพื่อน มีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโลกให้คนใกล้กันง่ายขึ้น และมี “ความซวย” ที่ชะตาดันไม่ใจดี และให้เราได้เจอกับคนที่แม้จะมีใบหน้าของมนุษย์ แต่ข้างหลังดันแอบ “ปีศาจ” ไว้

เมื่อ “ลดา” ได้ย่างก้าวเข้าคฤหาสน์วังเก่าของ “หม่อมเจ้าศรีสอางค์” เป็นครั้งแรกในฐานะพยาบาลส่วนตัว สิ่งแรกที่เธอเห็นคือ รูปของปีศาจ ส่วนหัวเป็นแพะและส่วนล่างเป็นคน บนอกขวาของมัน จะมีสัญลักษณ์บางอย่างสลักอยู่…

มันคือสัญลักษณ์ (Sigil) ของ “เบลเซบับ (Beelzebub)” หรือก็คือ “เจ้าแห่งแมลงวัน” หนึ่งในซาตานที่หม่อมเจ้าศรีสอางค์กล่าวกับพิ้งค์ในภายหลังว่า ท่านคือเทพที่เธอนับถือ หรือจะเรียกว่าเทพเบลเซบับคือ “ความเชื่อ” ของเธอก็ได้

อาจเคยมีคนเคยได้ยินคำกล่าวอ้างว่า “ความเชื่อไม่เคยทำร้ายใคร” แต่ประโยคนี้ หากเมื่ออ้างอิงจากประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ หรืออ้างอิงจากเรื่องราวเกิดขึ้นในตอน “เพลงสวดศพแห่งผู้เยาว์วัย” คุณจะรู้ได้เลยว่า ความเชื่อ…มันทำร้ายคนได้มากกว่าที่คิด

ชะตากรรมของลดาที่เกิดขึ้นในเรื่อง ล้วนแล้วแต่โลดเต้นอยู่บนความเชื่อของหม่อมเจ้าศรีสอางค์ทั้งสิ้น เริ่มจากช่วงแรกๆ ที่ความเชื่อในเรื่องของชนชั้นทำให้ลดาต้องคลานเข่ารับใช้จนได้แผลเจ็บแสบ ความเชื่อในระบบอาวุโสสุดโต่ง ถึงขั้นก้าวก่ายให้ลดาถอดเสื้อเป็นแบบวาดรูป ทั้งๆ ที่ตัวเธอไม่ยินยอม สร้างความอับอายต่อผู้น้อย คล้ายๆกับการที่เยาวชนไทยหลายๆ คนเคยออกมาเผยว่า ตนเคยโดนครูผู้อาวุโสดีดสายเสื้อในเมื่อเห็นว่าไม่ใส่เสื้อซับ หรือโดนหั่นผมจนแหว่งเบี้ยว

บานปลายเข้า ความเชื่อก็รุนแรงจนถึงขั้นตัดสินได้ว่า ใครสมควรอยู่หรือตาย

หม่อมเจ้าศรีสอางค์เชื่อว่า ชีวิตวัยรุ่นอย่างลดา ถือเป็นชีวิตที่ไร้ค่าเปล่าประโยชน์ ตายไปแผ่นดินคงสูงขึ้น จึงเอาชีวิตของลดามาสังเวยบนสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก (เพนทาเคิล) เพื่อถวายแด่เทพที่เธอเคารพบูชา

ดูแล้วในเรื่อง หม่อมเจ้าผู้นี้อาจจะ “แก่จนคลั่งพยาธิกินสมอง” อย่างที่ลดาด่าทอไว้ แต่หากพิจารณาดีๆ บนโลกใบนี้มีประวัติศาสตร์ที่ผู้ใหญ่มีอำนาจคิดว่า ตนเองตัดสินได้ว่าใครสมควรอยู่หรือตายมากจนไม่สามารถนับได้เลยทีเดียว เช่น “ฮิตเลอร์” ที่เชื่อว่าชาวยิวสมควรโดนจำกัดทิ้งให้หมด หรือ “จิม โจนส์” หัวหน้าลัทธิที่ดลให้เกิดการฆ่าตัวตายหมู่ 914 ชีวิตในโจนส์ทาวน์ หรือจะเป็นชาว “คูคลักซ์แคลน” ที่มีความเชื่อเหยียดผิว จนถึงขั้นเข่นฆ่าผู้ที่มีสีผิวต่างจากตน

ในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ไทยเอง ก็มีเคยมีข่าวการสังเวยชีวิตบนเพนทาเคิลเช่นกัน เหยื่อความเชื่อผู้นั้นอายุเพียง 18 ปี เด็กชาย “รพีพัฒน์ ปัญญาดี” อาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เขากรีดแขนตนเองเพื่อเอาเลือดมาวาดรูปเพนทาเคิล ก่อนจะผูกคอเสียชีวิตในวันที่ 3 พฤษภาคม ปี 2020 ในประวัติการสืบค้นหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ มีหลักฐานว่าเขาได้ดูคลิปเกี่ยวกับ 6 วิธีการขายวิญญาณให้ซาตาน

บางทีความเชื่ออันเป็นสิ่งนามธรรม ก็สามารถมีอานุภาพมากเสียจนพรากวิญญาณอันเป็นรูปธรรมให้ดับสูญไป

แถมบางที ความเชื่อมันส่งต่อกันได้ ทำให้ความเชื่อเป็น “อมตะ” อย่างที่หม่อมเจ้าศรีสอางค์ว่า สถิตอยู่ในความคิดของผู้คนรุ่นต่อรุ่น หากเป็นความเชื่อดีๆ ก็คงไม่น่ากลัวเท่าใดนัก…

แต่ถ้าเป็นความเชื่อหยาบช้าที่ส่งอิทธิพลให้เหยียบย่ำชีวิตและสิทธิของผู้อื่น อย่างความเชื่อของคูคลักซ์แคลน ฮิตเลอร์ หรือหม่อมเจ้าศรีสอางค์ ความคิดเหล่านี้ล้วนน่ากลัว เนื่องด้วยมันเป็นความคิดที่มี “เหยื่อ” มาสังเวย และคงไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อของความเชื่อ รวมถึงตัว “คุณ” เองด้วย

“ผมเลยตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง ให้ชีวิตเนี่ย…
แม่งมีความหมายเว้ย”

นี่คือสิ่งที่ “ออฟ” ยูทูบเบอร์วัยรุ่นกล่าวไว้ในตอนเปิดของ “ช่อง ส่อง ตาย” ตัวละครหลักตัวที่สามที่มีบุคลิกลักษณะกวนๆ ฝีปากกล้าและใจถึง ออฟคิดว่าชีวิตวัยรุ่นเป็นเรื่องเฮงซวย และการทำให้ชีวิตของเขามีความหมาย คือการได้รับความสนใจหรือมีชื่อเสียง

ออฟจึงตั้งช่องของตัวเองขึ้นมา และลักษณะเป้าหมายของช่อง “เชี่ยออฟ เพื่อนมึงอะ” คือการ “เสือก” หรือยุ่งทุกเรื่องชาวบ้านที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ซึ่งออฟได้อ้างว่า การยุ่งเรื่องของชาวบ้านของเขา เป็นการยุ่ง (หรือ เสือก) อย่างมี “คุณธรรม” ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะ “ล้อ” กรอบการทำหน้าที่ของสื่อในยุคปัจจุบันอยู่เหมือนกัน

ทุกอย่างที่ออฟกล่าวอ้าง ตามมาด้วยฉากที่เขาออกไปไลฟ์สดเกาะติดสถานการณ์ผู้ก่อการร้ายบุกยิงผู้บริสุทธิ์ ที่มีผู้ติดค้างอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ หรือก็คือสองแม่ลูกที่กำลังหลบซ่อนผู้ร้าย โอบกอดกันด้วยความกลัวด้วยเพราะชะตากรรมกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ออฟคือคนตัดเส้นด้ายนั้นให้ขาดสะบั้น ทั้งๆ ที่ผู้เป็นแม่ไว้ใจในความเป็นสื่อของออฟ จึงได้ส่งข้อความบอกจุดที่ซ่อน หวังให้ออฟ หรือก็คือ “สื่อมวลชน” ได้มีส่วนช่วยให้เธอกับลูกได้รอดออกไป แต่สิ่งที่ออฟทำ กลับเป็นการป่าวประกาศจุดที่ซ่อนกลางไลฟ์สด จนชีวิตของเธอกับลูกชาย ต้องถูกสังเวยให้กับความประมาทและ “หิวแสง” ของออฟ

เหตุการณ์ของออฟคล้ายกับถอดแบบมาจากหนึ่งในข่าวสะเทือนใจในอดีตอย่าง “เหตุกราดยิงโคราช” ในวันที่ 8 และ 9 กุมภาพันธ์ ปี 2020 ที่การลุกลามบานปลายของเหตุการณ์เป็นเพราะตัว “สื่อ” เอง จนสังคมต้องออกมาประนามผ่าน #สื่อไร้จรรยาบรรณ และทาง กสทช. ต้องโร่ออกมาแถลงข่าวแก้ไขสถานการณ์ กลายเป็นบทเรียนหน้าหนึ่งให้กับสังคมไทย ว่าจริยธรรมของสื่อสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตคนได้มากแค่ไหน

และจะว่าไป “ออฟ” ก็ทำให้เรานึกถึงตัวละคร “ลูอิส บลูม” จากเรื่อง Nightcrawler ที่เสพติดการได้รับความสนใจอย่างตะบี้ตะบัน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม จนจรรยาบรรณสื่อเละเทะดูไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะทั้ง “ลูอิส” และ “ออฟ” มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ พวกเขาไม่ได้ทำสื่อเพื่อผู้คน แต่ทำสื่อเพราะผลประโยชน์ของตัวพวกเขาเองต่างหาก

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือการต้องคิดว่า สังคมมันจะได้รับผลกระทบแค่ไหน หากสื่อดันปฏิเสธที่จะรับใช้สังคม แต่ดันไปรับใช้ความหิวกระหายชื่อเสียงและยอดวิวของตัวเอง

เพราะไม่ควรมีใครเหมือนออฟ และไม่ควรมีใครต้องตายหรือได้รับความเดือดร้อน เพราะความหิวแสง หิวกระแสของตัวสื่ออีกต่อไป

ในตอน “รูมรณะ” มีฉากที่ “ชัย” กำลังนั่งตกปลาอยู่กับพ่อของเขา สองพ่อลูกชวนกันพูดคุย

“จีบผู้หญิงมันก็เหมือนกับตกปลานี่แหละ มันต้องมีเหยื่อล่อ ใช้ทั้งความอดทน และต้องใจเย็น” เหยื่อติดเบ็ด เป็นปลาดุกตัวเล็กๆ ที่นอนอยู่ก้นถัง ไร้อำนาจต่อสู้ พ่อของชัยกล่าวเสริมว่า “เห็นไหม พอปลามันติดเบ็ดแล้วเนี่ย มันก็อยู่ที่เราจะตัดสินใจ…”

อาจกล่าวได้ว่า “ชัย” นั้นเป็นผลผลิตอันเลวร้ายจากสังคมชายเป็นใหญ่ และอาจมีผู้ชายเช่นนี้แฝงอยู่ในทุกหลืบสังคม 

คนที่ถูกเสี้ยมสอนมาเช่น ชัย โตมาแล้วก็มองว่าผู้หญิงทุกคนคือ “เหยื่อ” ติดเบ็ดของเขา เขาอาจจะกล่าวอ้างได้ว่า ที่เขาโตมาเลวร้ายเช่นนี้ก็เพราะมีพ่อเป็นแนวชี้นำความอำมหิต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า สิ่งที่ชัยทำกับเหยื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่โหดร้ายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งเรื่องอัดคลิปมีเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ไม่รู้ตัว แล้วขโมยข้อมูลมาแบล็กเมล์ให้ทำเรื่องทรามๆ เช่น บังคับให้ช่วยตัวเองต่อหน้ากล้อง หรือแม้กระทั่งข่มขู่ให้เหยื่อตัดหัวนมตัวเอง

แต่สิ่งที่น่าสลดใจกว่า คือรูปแบบพฤติกรรมของชัย ที่จริงๆ แล้วล้วนถอดแบบมาจากผลผลิตของสังคมชายเป็นใหญ่ใน “ชีวิตจริง” ทั้งสิ้น

ในปี 2020 มีประเทศเกาหลีใต้ ข่าวของ “Nth Room” ได้จุดระเบิดความสะพรึงให้กับสังคมโลก

Nth Room คือห้องแชตบนแอปพลิเคชัน Telegram ที่มีสมาชิกกว่า 260,000 คน ทั้งหมดต้องจ่ายเงินค่าสมัครเพื่อให้ได้ดูคลิปวิตถารจากเหยื่อผู้หญิงที่ต้องสวมบท “ทาส” เพื่อปรนเปรอความต้องการวิปริตของกลุ่มคน เหยื่อในห้องแชทนี้ ไม่ต่างจากเหยื่อของชัย ที่โดนบังคับให้ช่วยตัวเองโชว์ โดนอัดคลิประหว่างถูกบังคับให้มีเซ็กซ์หมู่ แม้กระทั่งตัดหัวนมของตัวเอง ยังไม่นับรวมการบังคับสุดเลวร้ายอื่นๆ ที่หยาบช้าเสียจนกระด้างลิ้นที่จะเอ่ย

หรืออย่างในฉากที่ “ไหม” ผู้เป็นเหยื่อรายใหม่ โดนชัยลากเข้ามาในลิฟท์ในขณะที่ตนเองกำลังหมดสติ ก็เป็นฉากที่ถอดแบบมาจากข่าวดังของพริตตี้ “ลันลาเบล” ไม่ผิดเพี้ยน

แม้กระทั่งภาพในวัยเด็กสุดเลวร้ายของชัย ที่เห็นหีบบรรจุร่างแม่ของตัวเองถูกดันให้ร่วงหล่นลงในน้ำลึก ก็เป็นภาพที่เอามาจากเหตุสะเทือนขวัญ “ไอซ์หีบเหล็ก” ที่เป็นการเปิดโปงเหตุฆาตกรรมหญิงสาวนับหลายราย ผู้กลายเป็น “เหยื่อ” ให้กับผู้ชายที่มองว่า พวกเธอเหมือนเป็นเพียงปลาติดเบ็ดไร้ทางสู้

ความสยองของตอน “รูมรณะ” จึงเป็นการที่เราได้เห็นชัยโตมาและเลือกที่จะใช้ความเจ็บปวดในอดีตเป็น “ข้ออ้าง” ในการทารุณกรรมผู้อื่น และเราไม่มีทางรู้เลยว่า ผู้คนมากมายที่เราต้องพานพบ จะมีกี่คนที่เก็บงำความรุนแรงมาจากอดีต และพร้อมที่จะแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพฤติกรรมสุดโหดร้ายทารุณต่อผู้อื่น หรือแม้กระทั่งต่อ “ตัวเราเอง”

จากเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา ซีรีส์ “อาทิตย์อัสดง” จึงไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวความสยองขวัญในรูปแบบต่างๆ เพียงอย่างเดียว แต่มันคือการยกความน่ากลัวของใจคน ที่ทั้งหมดล้วนแต่มีหลักฐานในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งสิ้น

ใครที่อยากย้อนไปรำลึกความสยองของซีรีส์น้ำดีเรื่องนี้ ก็สามารถตามไปดูทั้ง 13 ตอนกันได้ทาง WeTV ทั้งในเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น

แล้วคุณจะได้รู้ว่า พออาทิตย์อัสดง…คนมันน่ากลัวกว่าผีได้จริงๆ

ใครที่ดูซีรีส์อาทิตย์อัสดงแล้วยังอินไม่จบ
เราแอบกระซิบเกร็ดเล็ก 13 ข้อที่น่ารู้ให้แอบไปย้อนดูกัน

1. ตามความเชื่อของชาวเพเก้น Beelzebub และ Astaroth ต่างเป็น Archdemon เคียงคู่กับ Lucifer
   
2. Astaroth มีศักดิ์เป็นหลานของ Beelzebub
3. เรื่องราวทั้งหมดในซีรีส์ได้ถูกเล่าและสปอยล์ไว้แล้วตั้งแต่ ep แรก ผ่านคำพูดของท่านพุทธทาส
4. ตัวละครหลักทั้ง 4 จาก 4 ตอน ต้องเจอกับ ‘มาร’ รอบๆ ตัวในรูปแบบที่ต่างกัน
5. ภายใต้ธีมในแต่ละตอนจะนำเสนอ วัฏจักรสังขาร ได้แก่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาหลักแต่ละเรื่องได้แก่ ‘เชื้อหลอนออนไลน์’ = เกิด  ‘เพลงสวดศพแห่งผู้เยาว์วัย’ = แก่  ‘ช่อง ส่อง ตาย’ = ตาย  ‘รูมรณะ’ = เจ็บ
6. ‘ถ้ำกาฬกาสุ’ คือสัญญะของ รู ความมืด ช่องคลอด และวัฏจักรสงสาร ซึ่งเป็นแกนหลักของเรื่อง
7. กาฬกาสุ (อ่านว่า กา-ละ-กา-สุ) มาจากคำว่า กาฬ ที่หมายถึงความมืด และกาสุ ที่หมายถึง รูหรือโพรง ดังนั้น กาฬกาสุ จึงถูกแปลความหมายว่า “หลุมดำ” ที่จะกลืนกินคนที่หลุดเข้ามาไม่ให้สามารถกลับออกไปได้อีก
8. อาทิตย์อัสดง เล่าเรื่องโดยเน้นที่การกระทำผิด การทำบาป ที่ไม่มีข้ออ้างหรือเหตุผลใดมาสร้างความชอบธรรมให้ และสิ่งที่ทำไปแล้วไม่อาจเรียกคืนกลับมา เหมือนกับการหลุดเขาไปในถ้ำที่มืดมิดไร้ทางออก
9. ใน Ep.1 มีฉากที่ตัวละคร 3 คนเดินเข้าไปในถ้ำ ถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีสิ่งของที่ปรากฎในแต่ละเนื้อเรื่องถูกวางอยู่
10. หรืออันที่จริง โลกของ ‘อาทิตย์อัสดง’ นั้นอยู่ภายในถ้ำมาโดยตลอด
11.  ตอน ‘เชื้อหลอนออนไลน์’ Ep.2 ในความฝันของพิงค์ได้มีการบอกใบ้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว
12. ในตอนต้นของ Ep.2 ช่วงที่ออฟตามหาถ้ำกาฬกาสุ ได้มีการใส่ Glitch ซ้อนภาพที่ออฟเดินออกจากถ้ำเข้ามา
13. ใน Trailer อาทิตย์อัสดง ถ้าสังเกตดีๆ แอบมีการแทรกภาพรูบนตัวของชัยไว้ 1 เฟรม เป็นการบอกใบ้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนสุดท้าย

อ้างอิง:

• Kapook. สาวเดตหนุ่มรุ่นพ่อ คิดว่าจะดี แต่เจอเซ็กซ์ป่าเถื่อน ทรมานสาหัสก่อนโดนฆ่าหั่นศพ. https://bit.ly/3vCeA3E
• Facebook page | Poetry of Bitch. Nth Room. https://bit.ly/3iVXyed
• Workpoint Today. สรุปคดีไอซ์หีบเหล็ก: ฆาตรกรโรคจิต ผิดมนุษย์. https://bit.ly/3vyJmKB
• Khaosod. ย้อนไทม์ไลน์ “ลันลาเบล” ดับปริศนา “น้ำอุ่น” อุ้มจากบ้านปาร์ตี้ทิ้งร่างโซฟาคอนโด. https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_5108617
• Marketingoops. #กราดยิงโคราช บทเรียนสื่อไทย “กสทช.” เตรียมดำเนินการ “ช่อง Live สดเหตุการณ์. https://bit.ly/3zK4wsL
• The People. จิม โจนส์: เจ้าลัทธิผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายหมู่ในเมืองโจนส์. https://bit.ly/3xwA5Ea
• PPTV HD 36. เด็ก 18 ปี ฆ่าตัวตาย พบประวัติค้นคลิปขายวิญญาณให้ซาตาน. https://bit.ly/3wFU5nO
• Wikipedia. คูคลักซ์แคลน. https://bit.ly/3cQqznr
• Silpa-mag. ทำไมฮิตเลอร์เกลียดชาวยิว เจาะ 3 นักคิดที่ส่งอิทธิพลต่อจอมเผด็จการเยอรมัน. https://bit.ly/3cP4Dt9