2 Min

คนเอเชียกำลังจะครองโลก? เพราะจะเป็นประชากรกลุ่มใหญ่สุด เมื่อคนทั่วโลกทะลุเป้า 8,000 ล้าน ในเดือน พ.ย.

2 Min
636 Views
27 Oct 2022

กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประเมินว่าประชากรทั่วโลกจะมีจำนวนกว่า 8,000 ล้านคน ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 ขณะเดียวกันก็เตือนว่าหลายประเทศที่ประชากรเพิ่มขึ้นในอัตรารวดเร็วกว่าค่าเฉลี่ย คือ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและประเทศยากจน จึงต้องมีนโยบายที่เหมาะสมและชัดเจนเพียงพอจะรองรับการขยายตัวของประชากรในประเทศตัวเองได้

รายงานของสหประชาชาติระบุว่า อัตราการเติบโตของจำนวนประชากรโลกนั้นเร็วกว่าหลายศตวรรษก่อนมาก โดยเทียบกับผลสำรวจปี 1952 ประชากรโลกมีอยู่ประมาณ 2,500 ล้านคน และใช้เวลาเพียง 70 ปี ประชากรโลกก็เพิ่มเป็น 8,000 ล้านคน ซึ่งเหตุผลหลักเป็นเพราะเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาไปมาก ทำให้อัตราการตายหลังคลอดลดลงต่อเนื่อง และอายุขัยเฉลี่ยของประชากรก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

อย่างไรก็ดี การวิจัยและเก็บข้อมูลของทั้งธนาคารโลก (World Bank) และ Oxfam องค์กรด้านการช่วยเหลือระหว่างประเทศ ประเมินว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลกยุคต่อจากนี้จะตกอยู่ในภาวะยากจนสุดขีด (Extreme poverty) เพราะจะเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร การบริการในระบบสาธารณสุขไม่เพียงพอต่อจำนวนคน ทั้งยังไม่มีสวัสดิการทางสังคมที่เพียงพอจะช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ จึงมีคำเตือนถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้วางแผนระยะยาวเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศและการกระจายทรัพยากรอย่างทั่วถึง

ขณะที่เว็บไซต์ BigThink ที่รายงานข่าวนี้ก็ระบุด้วยว่า ในอีกราว 70 ปีข้างหน้า คนเชื้อชาติเอเชียต่างๆ จะกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลก เพราะอัตราการเกิดในยุโรปหลายประเทศลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศแถบเอเชียจำนวนไม่น้อยมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็คงที่

ยิ่งถ้านับจีนกับอินเดียก็มีประชากรรวมกันเกือบถึง 3,000 ล้านคนแล้วในปัจจุบันนี้ โดยจีนมีประชากรประมาณ 1,450 ล้านคน และอินเดียมีประชากรประมาณ 1,410 ล้านคน ในเดือนตุลาคม 2022 และความเคลื่อนไหวของทั้งสองประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็สามารถขยายอิทธิพลในภูมิภาคและในโลกได้ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองอีกด้วย

แต่ยังมีประเด็นหนึ่งที่ UNFPA กล่าวถึงในรายงานด้วยความกังวล คือผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นประชากรกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวโยงกับจำนวนประชากรที่ทยอยเพิ่มขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม แต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการวางแผนครอบครัวหรือการยุติการตั้งครรภ์ที่ได้มาตรฐาน และเด็กที่เกิดมาก็เสี่ยงจะไม่ได้รับโอกาสในด้านต่างๆ อย่างที่ควรจะเป็น และเด็กในครอบครัวยากจนก็มีความเสี่ยงมากที่จะตกหล่นจากระบบการศึกษา

อ้างอิง