4 Min

อเมริกา แหล่งเลี่ยงภาษีใหม่ของคนรวยโลก

4 Min
626 Views
01 Dec 2021

การเลี่ยงการจ่ายภาษีของทั้งบริษัทใหญ่ๆ และคนรวยทั่วโลกเป็นปัญหามากๆ เลยนะครับสำหรับภาครัฐ เพราะนี่เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐขาดรายได้ไปมหาศาล และรัฐมหาอำนาจทั่วโลกก็จริงจังมากกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งประเทศที่จริงจังที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นสหรัฐอเมริกา ประเทศที่น่าจะเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และคนรวยในโลก

ความจริงจังของอเมริกานี่ระดับที่ขนาดบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Apple ที่ใช้เทคนิคเลี่ยงภาษีของผลประกอบการจากที่ต่างๆ ในโลกให้เงินวิ่งไปมา “ผ่าน” ช่องโหว่ของกฎหมายในยุโรปจนไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไหนเลยก็ยังไม่รอด สุดท้ายก็ต้องยอมกลับมาจ่ายภาษีทั้งในยุโรปและอเมริกา (ขอไม่เล่ารายละเอียดที่เป็นส่วนของกฎหมายระหว่างประเทศนะครับ จะซับซ้อนไป)

สำหรับในกรณีของอเมริกาเอง อเมริกาก็ไปกดดันในประเทศต่างๆ ที่ดั้งเดิมไม่เคยยอมเปิดเผยข้อมูลของคนอเมริกันหรือบริษัทอเมริกันที่มาเปิดบัญชีธนาคารให้กับรัฐบาลอเมริกา ต้องยอมเปิดเผยข้อมูลในที่สุด เพื่อจะไม่ให้คนรวยของอเมริกาเองเอาทรัพย์สินไปซ่อนในที่ไหนของโลกเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีให้รัฐบาลกลางของอเมริกา

ตรงนี้อยากให้เราลองนึกย้อนดูตอนที่เราเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีกองทุนครับ ถ้าพอจำได้ เขาจะมีแบบฟอร์มอันหนึ่งให้เรากรอกเพื่อยืนยันว่าเราไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน แบบฟอร์มที่ว่านี่แหละครับ ผลของนโยบายต่างประเทศดังกล่าวของอเมริกา

ทีนี้หลังจากอเมริกาทำสำเร็จ ทีนี้รัฐบาลทั่วโลกก็คึกคักกันใหญ่เลยเพราะมันถือเป็นสิ่งใหม่มาก เนื่องจากสมัยก่อนนี้มันมีหลายๆ ประเทศที่ลือชื่อสุดๆ ว่ามันเป็นแหล่งเลี่ยงภาษีชั้นดีของคนรวยทั่วโลก ที่เราจะเห็นในหนังบ่อยๆ ก็เช่น สวิตเซอร์แลนด์ และเกาะเคย์แมน (แต่จริงๆ มันมีเยอะกว่านี้ ที่ใกล้ๆ ตัวเราเลยคือ ฮ่องกง และสิงคโปร์) เพราะประเทศเหล่านี้มีนโยบายที่เข้มงวดในการเก็บความลับของบัญชีชาวต่างชาติหรือบริษัทต่างชาติที่เข้ามาเปิดบัญชีในประเทศ เรียกว่าถึงมีรัฐบาลต่างประเทศมาขอก็ไม่ยอมเปิดเผย และนี่ก็ทำให้ประเทศเหล่านี้เฟื่องฟูสุดๆ ในอุตสาหกรรมการเงิน เพราะคนรวยจากทั่วโลกก็แห่กันมาเอาเงินเก็บไว้ในประเทศเหล่านี้

พออเมริกาสามารถเรียกร้อง (จริงๆ ใช้คำว่า “บังคับ” จะเหมาะกว่า) ให้สถาบันทางการเงินประเทศเหล่านี้ต้องแจ้งกลับมาที่สรรพากรอเมริกาว่ามีคนอเมริกันมาเปิดบัญชี ประเทศอื่นๆ ก็เริ่มเรียกร้องบ้าง เรียกร้องกันไปกันมา ทุกวันนี้มันเลยกลายเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่นำมาสู่เรียกว่า Common Reporting Standard เพื่อให้แต่ละประเทศที่ลงนามมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินพลเมืองของประเทศคู่สัญญาที่มาเปิดบัญชีธนาคาร (นี่อธิบายง่ายๆ นะครับ) โดยทุกวันนี้ประเทศที่ลงนามในข้อตกลงนี้มีเกือบ 100 ประเทศแล้ว (ประเทศเรายังไม่ลงนามนะครับ แต่ดูจะมีแนวโน้มอยู่)

แต่ทายสิครับว่าประเทศมหาอำนาจประเทศไหนไม่ลงนาม? คำตอบคือสหรัฐอเมริกาครับ (ใช่ครับ พวกจีน รัสเซีย พวกนี้ลงนามหมด)

ผลคืออะไร? ผลคือ ณ ตอนนี้สหรัฐอเมริกาก็เลยกลายมาเป็นแหล่งหลักที่คนรวยทั่วโลก (แน่นอนว่าเว้นอเมริกาเอง) เอาเงินและทรัพย์สินมาซ่อนให้รัฐบาลประเทศตนเองไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งมันเยอะระดับที่ว่าว่ากันว่า ถ้าเปิดเผยขึ้นมาจริงๆ อันดับของมหาเศรษฐีในโลกที่เคยจัดๆ กันไปนี่อาจจะเปลี่ยนไปหมดเลย

แล้วคนรวยเขาเลี่ยงภาษีในอเมริกากันอย่างไร? หลักๆ แล้ววิธีการมาตรฐานคือการไปตั้งบริษัทเปล่าๆ ในอเมริกา ซึ่งจริงๆ แค่มี “ที่อยู่” สักที่ก็ตั้งได้แล้ว (ที่อยู่บางที่เป็น “ที่อยู่” ของบริษัทเป็นแสนบริษัท) ซึ่งการตั้งบริษัทในอเมริกาก็ง่ายแสนง่าย ไม่ต้องไปอเมริกาด้วยซ้ำ มันจะมีบริษัทรับจ้างดำเนินเรื่องอยู่มากมาย แค่ส่งเอกสารไปให้ครบ รอเวลา 3 วันทำการ บริษัทคุณในแผ่นดินอเมริกาก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

พอมีบริษัท ขั้นตอนต่อไปก็คือการเปิดบัญชี สมัยก่อนที่ระเบียบยังน้อยกว่านี้ คุณไม่ต้องไปเหยียบแผ่นดินอเมริกาคุณก็เปิดบัญชีของบริษัทคุณกับธนาคารในอเมริกาได้แล้ว สมัยนี้เข้มงวดขึ้น คุณต้องไปเปิดบัญชีเอง แต่การเปิดบัญชีก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรในนามบริษัท

แค่นี้แหละครับ เสร็จเรียบร้อย คุณก็สามารถจะเอารายได้จากสารพัดทางไปเข้าบัญชีของคุณในอเมริกาได้ โดยที่รัฐบาลประเทศคุณไม่รู้สักนิด

ตรงนี้อาจฟังดูงงๆ ว่าเราจะขนย้ายเงินเราออกไปอเมริกาได้ไง วิธีหนึ่งคือก็อย่าให้เงินที่เราได้เข้ามาแตะประเทศเราเลยแต่แรก คือดีลใหญ่ๆ กันผ่านสถาบันทางการเงินต่างประเทศอย่างลับๆ เลย (ลองนึกภาพพวกหนังสายลับที่เวลาจะโอนเงินกันทีเขาบอกให้โอนไปเข้าบัญชีในสวิสน่ะครับ อารมณ์นั้น) หรือถ้าเงินเราเข้ามาในประเทศแล้วมันก็มีวิธีการขนถ่ายทรัพย์สินออกนอกประเทศอีกมากมายที่ใช้กัน เช่น แทนที่คุณจะขนเงินเป็นล้านๆ ไปให้คนสงสัย คุณก็ใส่นาฬิกาเรือนละเป็นล้านออกนอกประเทศไป แล้วเข้าประเทศที่ไม่มีการตรวจสอบสิ่งของตอนเข้าประเทศเข้มข้น คุณขายนาฬิกาในประเทศนั้น โดยให้คนซื้อโอนเงินเข้าบัญชีของคุณในอเมริกา แค่นี้แหละครับรัฐบาลของคุณก็ไม่รู้แล้วว่าคุณขนเงินเป็นล้านออกนอกประเทศ (และก็ยังไม่ต้องพูดถึงการขนเงินออกนอกประเทศผ่านพวกเงินดิจิทัล ที่จะทำได้ง่ายกว่านี้อีก)

ซึ่งพอไม่มีกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศรองรับ สถาบันทางการเงินของอเมริกาก็ไม่ได้มีภาระหน้าที่อะไรที่จะต้องไปแจ้งประเทศต้นสังกัดว่ามีบริษัทของชาวต่างชาติอะไรมาเปิดบัญชีกับธนาคารบ้าง และในบัญชีมีทรัพย์สินอยู่เท่าไร นอกจากนี้สรรพากรของอเมริกาเองก็ไม่มีอำนาจในการเข้าถึงบัญชีของบริษัทต่างชาติเหล่านี้เช่นกัน เพราะรัฐบาลกลางสหรัฐไม่มีอำนาจเก็บภาษีมั่งคั่งจากทรัพย์สิน และก็ถ้ามาดูกฎหมายระดับรัฐเอง เราก็จะพบว่าไม่ใช่ทุกรัฐที่จะมีภาษีความมั่งคั่ง (รัฐที่ไม่มีก็เช่น Nevada, Delaware, Montana, South Dakota, Wyoming และ New York)

แล้วอเมริกาก็เลยกลายมาเป็นประเทศที่คนรวยเอาสินทรัพย์ไปแอบซ่อนกันเนียนๆ แบบนี้แหละครับ

อ้างอิง