3 Min

alter ego ตัวเราอีกคนหนึ่ง

3 Min
2748 Views
05 Jan 2022

Alter Ego การสร้างตัวตนที่สองของเราขึ้นมา เพื่อเรียกความมั่นใจ และปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดในชีวิตเดิม

เราทุกคนต่างก็มีตัวตนเป็นของตัวเอง แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถ แสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ 100% หรือทำอะไรได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่มีภาพลักษณ์ต่างๆ มาจำกัดให้อยู่ในกรอบตลอดเวลา ในความจริงมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เรา ไม่สามารถทำอะไรตามใจ หรือลองทำอะไรแปลกใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ปัญหาหรือภาระต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้า หรือบางครั้งก็อาจจะเป็นเพราะว่าไม่กล้า

ในทางจิตวิทยาเราสามารถเติมเต็มสิ่งที่เราขาดหายไป ได้โดยการสร้าง Alter Ego’ หรืออีกตัวตนหนึ่งขึ้นมาใหม่ สวมบทบาทเป็นอีกคาแรคเตอร์หนึ่ง ที่มีบุคลิกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง ซึ่งวันนี้เราจะมาคุยกันว่า Alter Ego ที่ว่าตกลงแล้วเขาเป็นใครและสร้างขึ้นมาทำไมกันแน่

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า คำว่า ‘Alter Ego’ เป็นคำที่มาจากภาษาละติน ที่แปลว่า Other I ซึ่งนั่นก็หมายความว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวตนของเราอีกคนหนึ่งนั่นเอง Alter Ego ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ก็มักจะมีนิสัยและบุคลิกที่ต่างตัวเราเวอร์ชันปกติซึ่งตัวตนที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกิมมิคเก๋ๆหรือสวมบทบาทเพื่อความสนุกอย่างที่หลายคนคิดกันแต่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ปลดปล่อยจากความเครียดความกังวลต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงเหมือนสวมหน้ากากเป็นอีกคนหนึ่งเพื่อทำในสิ่งที่ในชีวิตจริงไม่สามารถทำได้

คนดังหลายคนก็มี Alter Ego เป็นของตัวเองเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น บียอนเซ่ (Beyoncé) ก็เคยเล่าในรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) ว่าเธอมีอีกตัวตนหนึ่งที่ชื่อว่าซาชา เฟียรส์ (Sasha Fierce)’ ที่เธอสร้างขึ้นมา เพื่อสร้างความมั่นใจเวลาที่เธอแสดงบนเวที หรือซุปเปอร์โมเดลชื่อดังอย่างเบลลา ฮาดิด (Bella Hadid) ก็มี Alter Ego ถึงสองตัวตนด้วยกัน เบลินดา (Belinda) และรีเบกกา ฮาราจูกุ (Rebekka Harajuku)

การสร้าง Alter Ego เหมือนเป็นการจำลองมุมมองของอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา เป็นการสะท้อนมุมมองของบุคคลที่ 3 ซึ่งมุมมองใหม่นี้ก็จะทำให้เรามองปัญหาที่มีเปลี่ยนไป เพิ่มความกล้า ความมั่นใจให้เรามากขึ้น โดยงานวิจัยของศ.อีธาน ครอส (Ethan Kross) พบว่า การสร้างอีกตัวตนขึ้นทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ และความดันของเราเปลี่ยนไปจากตอนที่เป็นตัวเองปกติ ซึ่งนั่นก็ทำให้เรามีความมั่นใจ และควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ถ้าอยากจะเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ก็ลองสร้าง Alter Ego อีกคนหนึ่งขึ้นมาดูก็ได้ เป็นตัวตนใหม่ที่เราอยากเป็น เห็นเป็นโลกคู่ขนานที่มาเติมเต็มสิ่งที่เราขาดหายไป เมื่อเราสร้าง Alter Ego ขึ้นมาแล้ว เราก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ไม่ต้องอาย ซึ่งอาจจะเริ่มต้นการเปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเฉยๆ ขยับขึ้นมาหน่อยก็อาจจะแต่งตัวสไตล์ใหม่ ใส่วิกผม เพื่อให้ตัวเองเชื่อว่าตอนนี้เรากลายเป็นอีกคนไปแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราเป็นคนที่เรียบร้อย ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ แต่เราอยากจะหลุดจากภาพลักษณ์เดิมๆ แบบนั้น วันหนึ่งเราอาจจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่ แต่งตัวเชิ่ดๆ สวยๆ ลองสวมบทบาทเป็นสาวมั่นกล้าแสดงออกดูสักครั้งหนึ่ง ถ้ากลัวจะเหนื่อยเกินไป อาจจะลองดูแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ได้ ให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ได้ลองอะไรใหม่ๆ ปลดปล่อยตัวเองแบบสุดๆ ไปเลย จนเราพอใจแล้ว ก็กลับมาเป็นตัวเองแบบเดิม

แต่ก็อย่าลืมว่า ตัวตนใหม่นี้เป็นแค่พื้นที่ปลดปล่อยของเราเท่านั้น มันไม่ใช่ตัวตนของเราจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องสวมบทบาทนั้นตลอดเวลา และเมื่อถึงจุดที่รู้สึกว่าจัดการกับอารมณ์หรือปัญหาต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะสลัดตัวตนนั้นทิ้งไป จากตัวอย่างของซาชา เฟียรส์ที่กล่าวไปตอนต้น บียอนเซ่ก็ได้สลัดตัวตนนั้นทิ้งไปในภายหลัง เพราะเธอมั่นใจในตัวเองมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องสวมบทบาทเป็นใครอีกแล้ว

อย่างไรก็ตามการสร้าง Alter Ego ขึ้นมาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และควรนำตัวตนนั้นมาใช้ในตอนที่จำเป็นเท่านั้น เพราะการสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมากับอาการโรคหลายบุคลิก (Dissociative Identity Disorder) นั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะกลายเป็นว่า เราแยกตัวตนจริงๆ ของเรากับตัวตนที่เราสร้างขึ้นมาไม่ออก ซึ่งก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้

อ้างอิง