แด่หนุ่มสาวผู้แตกสลาย อ่านความหมายที่ซ่อนอยู่ในซาวด์แทร็ก All About Lily Chou-Chou
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ สิ่งที่เรามักจะนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของบท การกำกับภาพ ไปจนถึงทักษะของนักแสดง แต่กับภาพยนตร์บางเรื่อง ‘ซาวด์แทร็ก’ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่โดดเด่นไม่แพ้กัน จนถึงขนาดที่ว่า บทเพลงในภาพยนตร์บางเรื่องกลายเป็นที่จดจำไม่แพ้เรื่องราวที่ดำเนินไปบนหน้าจอ ท่ามกลางหนังเรื่องต่างๆ ที่บทเพลงของมันยังคงเป็นที่พูดถึงข้ามกาลเวลา ‘All About Lily Chou-Chou’ คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ซาวด์แทร็กอันทรงพลังสามารถส่งต่ออิทธิพลของหนังเรื่องหนึ่งได้ยาวนานถึงเพียงใด
All About Lily Chou-Chou คือภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ออกฉายในปี 2001 กำกับโดย ชุนจิ อิวาอิ (Shunji Iwai) ซึ่งตอนนั้นเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์อย่าง Love Letter (1995) และ April Story (1998) อิวาอิฉายภาพของวัยรุ่นญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว และความรุนแรงในชีวิตประจำวัน ภายใต้รั้วของโรงเรียนมัธยมซึ่งควรจะปกป้องพวกเขาจากความบ้าคลั่ง หากในความเป็นจริงมันกลับเป็นพื้นที่ซึ่งคอยแต่จะกดกรีดชีวิตของหนุ่มสาวจนเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่อาจเยียวยา
แต่ท่ามกลางความมืดดำของชีวิต อิวาอิได้พาเราไปรู้จัก Lily Chou-Chou ศิลปินสาวซึ่งเป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของเหล่าวัยรุ่น บทเพลงของ Lily ไม่เพียงแต่จะคอยเยียวยา หากยังสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกเขา โดยที่ตลอดระยะเวลากว่าสองชั่วโมงครึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ บทเพลงต่างๆ ของ Lily ได้ทำหน้าที่ประคับประคองหนุ่มสาวที่ปวดร้าวจนอิทธิพลของมันแทบจะไม่ต่างอะไรกับ ‘ตัวละครสำคัญ’ โดยที่แม้ว่าภาพยนตร์จะจบลงไป แต่บทเพลงของ Lily ก็ยังคงตกค้างอยู่ในความทรงจำของคนดูไม่แพ้เรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นที่แตกสลาย
ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า นอกจากอิวาอิจะรับหน้าที่เป็นผู้กำกับแล้ว เขายังมีส่วนสำคัญในการโปรดิวซ์และเขียนเนื้อเพลงต่างๆ ของ Lily อีกด้วย โดยศิลปินที่อิวาอิเลือกมาสวมบทบาทและขับร้องเพลงของ Lily ก็คือ ‘อายาโกะ โมริ’ (Ayako Mori) นักร้องสาวที่แจ้งเกิดผ่านชื่อ ‘Salyu’ ในเวลาต่อมา ซึ่งบทเพลงของ Lily ก็ไม่ได้ปรากฏอยู่ในหนังเพียงอย่างเดียว แต่อิวาอิ ยังได้รวบรวมและปล่อยออกมาเป็นซาวด์แทร็กอัลบั้มชื่อ ‘Kokyū’ (หายใจ) ภายใต้ชื่อของ Lily Chou-Chou อีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่า บทเพลงของ Lily ทำงานอยู่สองระดับด้วยกัน คือระดับแรกในฐานะองค์ประกอบสำคัญที่คอย ‘ขับเน้น’ ความรู้สึกของตัวละครในเรื่อง ขณะเดียวกัน ตัวตนของ Lily ที่ซ้อนทับอยู่กับศิลปินจริงๆ อย่าง Salyu ก็ได้พร่าเลือนเส้นแบ่งระหว่าง ‘ความจริง’ กับ ‘เรื่องแต่ง’ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ จนบางครั้งเราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในญี่ปุ่นก็เป็นได้
ท่ามกลางบทเพลงต่างๆ ใน All About Lily Chou-Chou มี 3 เพลงที่เราอยากจะพูดถึงเป็นพิเศษ นั่นคือ ‘Arabesque’ ‘Experiment of Love’ และ ‘Glide’
Arabesque คือเพลงแรกที่ดังขึ้นในฉากเปิดของหนัง ควบคู่ไปกับบทสนทนาใน ‘Lilyphilia’ เว็บไซต์ที่บรรดาแฟนคลับ Lily Chou-Chou จะพากันมาแลกเปลี่ยนความคิดและเทิดทูนศิลปินอันเป็นที่รัก Arabesque เป็นเพลงซินธ์ฯ จังหวะหนืดๆ ที่ยิ่งฟังก็ยิ่งจะรู้สึกมืดมิดและดำดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอธิบายมวลอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อิวาอิยังจงใจให้ชื่อของ Arabesque นั้นอ้างอิงถึง ‘Arabesque No. 1’ ของ โคลด เดบุซซี (Claude Debussy) นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสซึ่งบทเพลงนี้ก็ปรากฏอยู่ในหนังเช่นกัน นอกจากนี้ เดบุซซียังเป็นที่รู้จักจาก ‘การเล่นแบบซ้ำ’ (repetition) ซึ่งการ ‘วนเวียนซ้ำๆ’ ก็ถือเป็นธีมสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ เกร็ดเล็กๆ อีกอย่างคือ Lily ยังได้ร้องเพลงเป็นภาษาโอกินาว่า ซึ่งนอกจากเกาะแห่งนี้จะเป็นบ้านเกิดในเรื่องของ Lily แล้ว ใครที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่า โอกินาว่ายังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครในเรื่องอีกด้วย
หาก Arabesque คือการเซ็ตอารมณ์หนืดๆ ของหนัง ‘Experiment of Love’ ก็คือเพลงที่เร่งบีตขึ้นมาเพื่ออธิบาย ‘สภาวะขัดแย้งในจิตใจ’ ของหนึ่งในตัวละครสำคัญที่ดูจะโต้เถียงกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เนื้อเพลงซึ่งร้องว่า “I see you… you see me…” ก็สะท้อนนัย ‘คู่ตรงข้าม’ (duality) ซึ่งอธิบายความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักในเรื่องอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการที่พวกเขาดูจะเป็นกระจกสะท้อนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะในสถานะของอดีตเพื่อนรัก อันธพาล หรือคนโดนรังแก
แต่ทั้งหมดทั้งมวล เพลงที่น่าจะเป็นที่จดจำของ All About Lily Chou-Chou มากที่สุด คงหนีไม่พ้น ‘Glide’ เพลงป๊อปหวานเศร้าที่ระเบิดขึ้นมาในช่วงเอนด์เครดิตซึ่งปรากฏภาพของบรรดาหนุ่มสาวในเรื่องกำลังยืนโงนเงนอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในทุ่งข้าว ทุกคนต่างสวมหูฟัง และคล้ายว่าพวกเขาต่างกักขังตัวเองอยู่ในภวังค์อย่างลำพังเดียวดาย เคียงคู่ไปด้วยกัน เราได้ยินเสียงของ Lily ร้องร่ำคล้ายกำลังสวดภาวนาว่า “I wanna be, I wanna be, I wanna be just like a melody, Just like a simple sound like in harmony” Glide คือเพลงที่เป็นเสมือนตัวแทนของเสียงที่สั่นสะเทือนอยู่ในใจเหล่าวัยรุ่นผู้เจ็บปวดวัยรุ่นที่ต้องเกิดมาบนโลกใบนี้อย่างไม่สมยอมถูกกักอยู่ในกรงปลอมๆและเฝ้าฝันว่าสักวันพวกเขาจะได้เป็นอิสระ
ในขณะเดียวกัน Glide ก็หมายถึง ‘การร่อน’ ซึ่งฉากหนึ่งของหนังก็ฉายให้เห็นตัวละครหนึ่งเหม่อมองไปยัง ‘ว่าว’ บนท้องฟ้าด้วยหวังว่าตัวเองจะได้ร่อนไปบนฟ้าเหมือนกับว่าวอย่างอิสระสักวัน ทว่าเรื่องเศร้าก็คือ ว่าวไม่เคยเป็นอิสระ และการร่อนไปของมันก็ถูกควบคุมด้วย ‘เชือก’ อยู่เสมอไม่ต่างอะไรกับอิสระที่หนุ่มสาวในเรื่องต่างโหยหาอิสระที่พวกเขาอยากได้จนแทบบ้าแต่กลับไม่อาจไขว่คว้าหรือหลุดพ้นไปจากกรงขังสีเทาๆของชีวิตได้สักที
All About Lily Chou-Chou สามารถรับชมได้ทาง Netflix
ฟังอัลบั้ม Kokyū ได้ที่ https://spoti.fi/3IjEh2v
อ้างอิง
- Sabukaru Online. A Masterpiece Forever: The Soundtrack of “All About Lily Chou-Chou”. https://bit.ly/3xmavns