นักวิจัยสร้าง AI ทำนายว่าใครเป็น “อาชญากร” จากการดูใบหน้า ขณะที่นักวิจัยนับพันเรียกร้องให้ถอนเปเปอร์ซะ!
ความพยายามจะ “ดูหน้า” เพื่อคาดเดาว่าใครคือคนดี คนไม่ดี หรือกระทั่งเป็นอาชญากรนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีมาตั้งแต่อดีต
ในโลกตะวันออก เราคงคุ้นกันดีกับ “การดูโหงวเฮ้ง” ซึ่งอะไรทำนองนี้ โลกตะวันตกก็มีเช่นกัน เป็นศาสตร์ที่เรียกว่า Phrenology อันเป็นศาสตร์ที่เชื่อว่าคนจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับโครงสร้างสมอง และเราสามารถดูโครงสร้างสมองได้จากโครงสร้างกะโหลก
จุดพีคของ Phrenology ก็คือทฤษฎีของเซซาเร่ ลอมโบรโซ นักอาชญาวิทยาชาวอิตาเลี่ยนผู้โด่งดังช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่ว่าเราสามารถดูรู้เลยว่าใครคืออาชญากรจากลักษณะ “ความบกพร่อง” ภายนอก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ว่ามาเหล่านี้ ไม่มีฐานคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือคุณจะบอกได้อย่างไรว่าคน คิ้วอย่างนี้ ตาอย่างนี้ จมูกอย่างนี้ ปากอย่างนี้ รูปหน้าอย่างนี้ ฯลฯ คืออาชญากร
แน่นอน ทฤษฎีที่ว่าไม่มีคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์ ในแง่นี้ ระบบยุติธรรมสมัยใหม่จึงห้ามใช้สิ่งเหล่านี้ในการตัดสินคน และนี่คือเหตุผลที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมใครก็ตามด้วยเหตุผลว่า คุณโหงวเฮ้งไม่ดี หรือหน้าของคุณมีแนวโน้มจะเป็นอาชญากร
เวทมนตร์ของ AI ที่นักวิจัยปฏิเสธ
อย่างไรก็ดี ตัดภาพมาปัจจุบัน เทคโนโลยี AI ก็พัฒนาไปอย่างมาก จน “ดูเหมือนเวทมนตร์” ที่เกิดจากการประมวลผลในเชิงสถิติในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้
และล่าสุด “เวทมนตร์” ใหม่ก็เกิดขึ้น เมื่อนักวิจัยเสนอ AI ที่จะสามารถ “ทำนายอาชญากรได้จากการดูหน้า” ได้แม่นยำถึง 80% โดยเปเปอร์นี้กำลังจะได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือออกใหม่ชื่อ Transactions on Computational Science & Computational Intelligence ของสำนักพิมพ์ Springer ที่มีกำหนดพิมพ์ในปี 2021 นี้
แต่ยังไม่ทันตีพิมพ์ แค่ข่าวออกมาว่ามีเปเปอร์นี้ นักวิจัยกว่า 1,000 คนก็ร่วมลงชื่อให้มีการถอนเปเปอร์นี้ออก
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?
อคติในโลกที่ไม่เป็นกลาง
เพราะโดยทั่วไปในโลกนี้ แค่ “การจับกุมอาชญากร” ยังไม่มีความเป็นกลางเลย กล่าวคือ ในสังคมที่มี “ชนกลุ่มน้อย” อยู่ ไม่ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยแบบไหน โดยทั่วไป ชนกลุ่มนี้นั่นแหละที่มักจะเป็น “อาชญากร” หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือ ตำรวจจะสงสัยคนพวกนี้มากกว่า จะตรวจมากกว่า ทำให้จับได้มากกว่า
ถามว่า คนพวกนี้เป็นอาชญากร “เพราะ” พวกเขามีเชื้อชาติบางอย่างเหรอ?
คำตอบคือไม่ใช่ แต่เป็นเพราะส่วนใหญ่ชนกลุ่มน้อย คือคนจน คือผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ และคนพวกนี้ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเป็นอาชญากรมากกว่าอยู่แล้ว
ปัจจัยแบบนี้ทำให้ในอเมริกา การที่คุณเป็นคนดำก็ทำให้ตำรวจชอบเรียกค้นตัวคุณแล้ว เพราะตำรวจสงสัยคุณ และนี่เป็นเหตุผลให้คุกอเมริกันเต็มไปด้วยคนดำเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าคนดำจะเป็นคนกลุ่มน้อย
ทีนี้ ลองนึกภาพตาม ถ้ามีคนสร้าง AI จาก “ฐานข้อมูลใบหน้าอาชญากร” จะเกิดอะไรขึ้น?
คำตอบก็คือ ถ้า AI ใช้ฐานข้อมูลหน้าตาอาชญากรในอเมริกาก็จะเลี่ยงไม่ได้ในการทำนายว่า แค่คุณหน้าตา “เหมือนคนดำ” คุณก็มีแนวโน้มจะเป็นอาชญากรแล้ว และนั่นเป็นเหมือนการพยายามใช้ “วิทยาศาสตร์” ตอกย้ำภาพเหมารวมว่า “คนดำคืออาชญากร”
ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายว่าภาพเหมารวมนี้ ก็เป็นชนวนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับคนดำแบบเกินสัดส่วน และทำให้เกิดการประท้วง #BlackLivesMatter ที่สะเทือนอเมริกามาหลายต่อหลายครั้ง
การคาดเดาที่แม่นยำกว่ามนุษย์?
ทั้งหมดนี้ทำให้เรากลับไปจุดเดิมว่า เราคงจะบอกไม่ได้ว่าใครคืออาชญากรจากการดูหน้า แต่ที่มากกว่านั้น ประเด็นก็คือ ถ้ามีข้อมูลให้มากพอ AI จะไม่ใช่บอกแค่ว่า คนที่มีแนวโน้มแบบไหนจะเป็นอาชญากรจากฐานข้อมูลใบหน้าอาชญากร แต่เทคโนโลยีแบบเดียวกัน จะถูกนำเอาไปทำอะไรอย่าง เช่น การหาลูกจ้างที่ดี การหาผู้นำประเทศที่ดี ฯลฯ อีกสารพัด คือมี “ชุดข้อมูล” ให้ AI ก็สามารถประมวลหาความสัมพันธ์และความน่าจะเป็นที่มนุษย์ไม่เห็นได้หมด
ประเด็นคือ เรา “ควร” หรือไม่ที่จะทำแบบนั้น เพราะถึงที่สุด นักวิจัย AI เอง ก็ไม่มีใครเคลมว่าโมเดลที่ตัวเองสร้างจะถูกต้อง 100% และส่วนใหญ่เวลานักวิจัยอวดกัน ก็จะอวดเวลาที่มัน “คาดเดาได้แม่นยำกว่ามนุษย์”
ซึ่งประเด็นก็คือ บนโลกนี้อาจมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ควรจะ “คาดเดา” เลยด้วยซ้ำน่ะสิ
อ้างอิง:
- IFLScience. Over 1,000 Experts Call Out “Racially Biased” AI Designed To Predict Crime Based On Your Face. http://bit.ly/2LXQXkR